ภายในสำนักขุนคีรี ผู้คนโห่ร้องกู่ก้อง
ทุกคนประหนึ่งว่าฝันไป ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่หัวใจเต้นจนแทบหายใจไม่ออกด้วยมีชีวิตรอดหลังวิกฤตอันตรายอีกครั้ง
พูดตามตรง ก่อนหน้านี้ที่ ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ถูกทำลายเป็นรูโหว่ ทุกคนต่างทิ้งความหวังในใจ เริ่มเตรียมที่จะสู้พลีชีพแล้ว แม้แต่พวกสวีเซิ่งและสวีเยวี่ยก็ไม่มีความหวังใดๆ เช่นกัน
ลูกศิษย์สำนักขุนคีรีชักกระบี่ ร้องคำรามอย่างโกรธแค้นเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
ทว่าตอนนี้เอง หลี่มู่ก็ปรากฏตัวขึ้น ยกมือสะบัดประกายแสงทางหนึ่งเข้าไปในเกราะคุ้มกัน ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ เหนือตำหนักใหญ่สำนักที่ใกล้จะมอดดับแล้วเต็มที จากนั้นปาฏิหาริย์ก็บังเกิด
นับพันปีที่ผ่านมา พลังที่เป็นของ ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ อย่างแท้จริงสำแดงให้เห็นอีกครั้งแล้ว
ศัตรูสลายเป็นผุยผงเมื่ออยู่ต่อหน้าค่ายกลเช่นนี้
สวีเซิ่ง สวีเยวี่ย และเหล่าผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักขุนคีรี หลังจากตื่นตะลึงยกใหญ่ก็น้ำตานองหน้า
พันปีมาแล้ว
ความรุ่งโรจน์ที่บันทึกเอาไว้แต่ในตำราลับประวัติศาสตร์ของสำนักปรากฏขึ้นอีกครั้งจนได้
แสงดาวพร่างพรายผืนใหญ่ระยิบระยับถี่แน่น ประหนึ่งเก็บดวงดาวจากผืนฟ้าจักรวาลลงมาทำเป็นเกราะ ปกคลุมไปทั้งยอดเขาหลักของสำนักขุนคีรี งดงาม ลึกลับ แข็งแกร่ง ไม่อาจกล้ำกรายได้
ลูกศิษย์สำนักขุนคีรีทั่วไปก็ตื่นตะลึงเพราะภาพอันงดงามนี้เช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นศัตรูพวกนั้นบุกมา พอปะทะเข้ากับเกราะแสงดาวก็กลายเป็นธุลี ผู้แข็งแกร่งที่ใช้วิชาโจมตีอยู่ไกลๆ พวกนั้นก็ถูกพลังสะท้อนกลับสะเทือนเข้าให้ จึงรู้ได้ว่าเกราะแสงดาวที่งามจนน่าตะลึงไม่ใช่แค่ป้องกันเท่านั้น แต่ยังมีพลังโจมตีศัตรูอีกด้วย
สำนักขุนคีรีรอดแล้ว
เสียงโห่ร้องยินดีกึกก้องไปในตำหนักใหญ่ ช่องเขา สนามฝึกต่างๆ ทั่วทั้งเขาขุนคีรี
หลี่มู่ลอยลงต่ำกลับมายังหน้าตำหนักใหญ่สำนัก
“ซ่อมเสร็จแล้ว?” สวีเซิ่งถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “ครั้งนี้จะยืนหยัดไปได้นานเท่าไหร่?”
เขากลัวว่าจะเหมือนก่อนหน้านี้ ค่ายกลที่กลับมาทำงานใหม่จะยืนหยัดไปได้แค่ไม่กี่วัน เช่นนั้นก็ดีใจเสียเปล่า
เจ้าสำนักสวีเยวี่ยและผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสำนักขุนคีรีก็มองหลี่มู่ รอคำตอบจากเขาด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น
หลี่มู่ตอบ “ฮ่าๆ ทุกท่านวางใจได้ ‘ค่ายกลแสงดาวมหาจักรวาล’ สามารถดูดซับพลังแสงดาวได้เอง หนึ่งพันปีที่ผ่านมา ถึงแม้ค่ายกลจะทรุดโทรมเสียหาย แต่การดูดซับกลับไม่เคยหยุด จึงรวบรวมพลังดวงดาวมหาศาลเอาไว้ในศูนย์กลางแล้ว ตอนนี้ต่อให้กระตุ้นค่ายกลเต็มอัตรากำลัง จะยืนหยัดต่อไปอีกร้อยปีก็ไม่ต้องกังวลเลย”
“จริงหรือ?”
“เยี่ยมจริงๆ”
“แบบนี้ก็หมายความว่าค่ายกลทำงานโดยสมบูรณ์แล้ว?”
“บรรพชนคุ้มครอง…”
ผู้นำระดับสูงของสำนักขุนคีรีดีใจมาก แม้แต่สวีเซิ่งก็เผยความยินดีเช่นกัน
ชิวอิ่นที่อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจโล่งอกเบาๆ บอกว่า “เช่นนั้น สำนักขุนคีรีนับว่ารอดพ้นแล้ว?”
หลี่มู่บอก “ต่อให้เก้ายอดคนมาเยือนก็ไม่อาจทำลายได้”
เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นอีกครั้ง
สวีเซิ่งมีสีหน้าท่าทางซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก “สำนักขุนคีรีของข้า ในที่สุด…นี่นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายเช่นกัน น้องหลี่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณทำให้สำนักขุนคีรีทั้งบนและล่างรอดชีวิต บุญคุณนี้เหมือนให้ชีวิตใหม่ วันข้างหน้าหากเจ้ามีเรื่องอันใด พวกเราสำนักขุนคีรีทั้งระดับบนและล่างจะไม่ปฏิเสธแม้ต้องตาย”
“ใช่แล้ว”
“ฮ่าๆ ข้าเคยพูดเอาไว้แล้ว ขอแค่ฟื้นสภาพค่ายกลนี้ได้ ข้าก็ยินดีที่จะมอบชีวิตแก่ๆ ของข้าให้กับเขา”
“บุญคุณใหญ่หลวงนี้ต้องทดแทน”
ผู้นำระดับสูงของสำนักขุนคีรียิ่งรู้ซึกซาบซึ้งต่อหลี่มู่เป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้เอง เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกทิศดังมาจากที่ไกล
“หลี่มู่ ออกมาตอบคำถามเดี๋ยวนี้” ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่บนหัวเรือวาฬทะยานฟ้าเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองครั้งแรก
ทุกคนต่างมองไป
หลี่มู่แย้มยิ้มบาง กระโดดเหยียบดาบบินทะยานไปกลางท้องฟ้า อยู่ภายใต้เกราะแสงของ ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ “กงกงมีข้อชี้แนะอะไร?”
อิ้งซานเสวี่ยอิงสูดลมหายใจเข้าลึก “กล้าออกจากค่ายกลมาสู้กับข้าหรือไม่?”
หลี่มู่ตอบอย่างสัตย์ซื่อยิ่ง “สู้เจ้าไม่ได้ ไม่ออก”
อิ้งซานเสวี่ยอิงอับจนคำพูด
แต่เดิมเขาคิดว่าหากใช้คำพูดยั่วยุให้หลี่มู่ออกมาจากค่ายกลได้ เช่นนั้นเขาจะโจมตีสุดกำลังอย่างไม่เสียดายว่าต้องจ่ายสิ่งใด จะสังหารเด็กหนุ่มที่เหมือนปีศาจคนนี้เสีย นับว่าเป็นการช่วยบ้านเมืองจากภัยพิบัติเหมือนกัน แต่ว่า…อีกฝ่ายพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้จะยั่วอย่างไรเล่า
ล้มเลิก
“ค่ายกลนี้ เป็นเจ้าที่มันทำให้มันกลับมาทำงานหรือ?” เขาปรับเปลี่ยนวิธี เอ่ยปากถามอีกครั้ง
หลี่มู่หัวเราะฮี่ๆ “ก็แค่บังเอิญ โชคดีเท่านั้นเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา