จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 381

ออกจากดินแดนฉินตะวันตก เข้าสู่เขตซ่งเหนือ ทิวทัศน์ยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ ขุนเขาแม่น้ำเลื่องชื่อ ยามวนเวียนขี่กระเรียนขาว มองลงไปเบื้องล่างจากบนฟ้า ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในแดนเซียนก็มิปาน ทิวเขาบนดาวนี้ยิ่งใหญ่งดงามเกินกว่าดาวโลกไปหลายขุม ต้นไม้งอกงามอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าดั้งเดิมผืนใหญ่ แทบจะไม่มีร่องรอยของมนุษย์

หลี่มู่นั่งอยู่บนหลังกระเรียนขาว มองภูเขาแม่น้ำมาตลอดทาง ในใจอดปลงอนิจจังไม่ได้

ออกจากเมืองขาวพิสุทธิ์มาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว

พาหนะเดินทางมีเพียงกระเรียนขาวหนึ่งตัว

กระเรียนขาวตัวนี้ยึดมาจากจอมยุทธ์กระบี่หลิวฉงที่เป็นลูกน้องผู้ภักดีของหวงเซิ่งอี้คราวนั้น

เดิมทีมันเป็นเพียงกระเรียนขาวธรรมดาตัวหนึ่ง บรรทุกคนบินไปมาได้หนึ่งคน แต่เพราะเติบโตจากการอยู่ในเมืองขาวพิสุทธิ์นานวัน ได้รับอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงพลังฟ้าดิน ยิ่งกว่านั้นพวกสาวงามสวีหว่านเอ๋อร์ยังป้อนผลไม้วิเศษโอสถล้ำค่าให้ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ของบรรดาสัตว์ปีกสัตว์สี่เท้าทั้งหมดในเมืองขาวพิสุทธิ์ กระเรียนขาวตอนนี้สง่างามจนจะกลายเป็นราชาแห่งกระเรียนแล้ว

ยามนี้ ร่างกระเรียนขาวใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ปีกกางออกยาวถึงสามจั้ง แผ่นหลังดุจเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง สามารถบรรทุกคนได้สิบคน ขนกระเรียนราวโลหะ สองเท้าจิกขยี้ก้อนหินได้ จะงอยปากเหมือนอาวุธเทพคมกริบ กลางวันเดินทางได้แสนลี้ กลางคืนห้าแสนลี้ สง่างามไร้ที่ติ ทั้งยังมีสติปัญญาสูง ปรับตัวได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นการ ‘ออกนอกประเทศ’ ครั้งนี้ของหลี่มู่จึงใช้เจ้ากระเรียนขาวตัวนี้เป็นพาหนะ มีความเร็วสูงที่สุด

บนหลังกระเรียน นอกจากหลี่มู่แล้วยังมีเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิง รวมถึงวานรภูเขาขนทองหยวนโห่ว เจ้านายพลฮัสกี้ และจ้าวจี้ทูตจากซ่งเหนือ

หลายสิบวันก่อนหน้า หลี่มู่เคยพูดว่าจะพาชิงเฟิงไปซ่งเหนือเพื่อตามหาหมิงเยวี่ย ตัวเขาเองก็ไม่นึกว่าจะได้มาซ่งเหนือเร็วขนาดนี้

กระเรียนขาวสยายปีก กระพือเพียงครั้งก็บินทะยานไปหลายร้อยจั้ง

จนกระทั่งช่วงเที่ยงวันเดียวกัน พวกของหลี่มู่ก็เข้าสู่เขตซ่งเหนือราวหมื่นลี้แล้ว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านหญิงตอนนี้อยู่ที่เขาหัวโคหรือ?” หลี่มู่ถามขึ้น

ทูตจ้าวจี้ในยามนี้ อาการบาดเจ็บผ่านการตรวจรักษาจากหมอยาสาวจ้าวหลิงแล้ว บาดแผลทายาห้ามเลือดไว้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงแต่เสียเลือดมากเกินไป สีหน้าเลยซีดเซียวอยู่บ้าง

เขารู้ว่าระหว่างหลี่มู่กับท่านหญิงต้องมีไมตรีจิตกันอยู่ ครั้งก่อนที่ไปเป็นทูตในเมืองขาวพิสุทธิ์ก็เข้าใจแล้ว แต่มิตรไมตรีนี้จะถึงขั้นทำให้ยอดยุทธ์อย่างหลี่มู่ต้องมาช่วยที่ซ่งเหนือด้วยตนเองหรือไม่นั้น จริงๆ แล้วในใจของจ้าวจี้ยังไม่แน่ใจ

ไม่คิดว่าพอหลี่มู่ได้ยินคำขอความช่วยเหลือของท่านหญิง จะรีบออกมาโดยไม่ลังเล

สิ่งนี้ทำให้จ้าวจี้ยิ่งเข้าใจมิตรภาพของท่านหญิงกับหลี่มู่มากขึ้น

เมื่อได้ยินคำถามของหลี่มู่ จ้าวจี้ดึงสติกลับมาจากภวังค์ รีบร้อนตอบกลับ “เป็นเช่นนั้นขอรับ ครึ่งเดือนก่อนปาเสียนอ๋องพาท่านหญิงไปจุดธูปไหว้พระที่วัดซ่อนมรรคาแห่งเขาหัวโค กลับถูกจิ้นอ๋องส่งทหารมาล้อมภูเขาไว้ จิ้นอ๋องสู่ขอท่านหญิงกับปาเสียนอ๋อง ต้องการจะรับเป็นภรรยา แต่ปาเสียนอ๋องปฏิเสธไป ด้วยเหตุนี้จึงถูกล้อมไว้ในเขาหัวโคหนีออกมาไม่ได้ ก่อนที่ข้าจะไปเมืองขาวพิสุทธิ์เพื่อขอความช่วยเหลือ องครักษ์ใต้บังคับบัญชาของปาเสียนอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อยแล้ว จิ้นอ๋องลั่นวาจาไว้ว่าหากท่านหญิงไม่ยอมแต่งด้วยจะสังหารวันละหนึ่งคน เริ่มจากองครักษ์ของปาเสียนอ๋อง จากนั้นเป็นนักพรตของวัดซ่อนมรรคา ต่อมาจะสังหารสาวใช้ของท่านหญิง ตามด้วยปาเสียนอ๋อง…”

หลี่มู่ถาม “จิ้นอ๋องคนนี้เป็นใครกัน?”

จ้าวจี้เอ่ยด้วยสีหน้าเจ็บแค้น “ในเขตซ่งเหนือตอนนี้มีชินอ๋องอยู่แปดคน กำลังเปิดฉากก่อกบฏ ไม่สนใจคำสั่งของจักรพรรดิราชวงศ์ข้า สร้างหายนะให้แก่ชาวประชาซ่ง…”

หลี่มู่พยักหน้า “เรื่องนี้ข้ารู้ เหตุวุ่นวายของแปดชินอ๋องสินะ เช่นนี้จิ้นอ๋องคือหนึ่งในแปดอ๋องหรือ?”

จ้าวจี้ตอบ “ไม่ใช่แค่เป็นหนึ่งในแปดอ๋อง แต่ยังเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดของแปดอ๋องด้วย”

หลี่มู่มองทิวเขาผืนป่าดั้งเดิมที่ประหนึ่งทะเลมรกตด้านล่าง เอ่ยต่อว่า “หากเป็นเช่นนี้ จิ้นอ๋องนั่นก็คงเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญาล่ะนะ ถึงกับก่อเรื่องบีบบังคับให้แต่งงานได้ คงไม่มีปัญญาแล้วกระมัง”

จ้าวจี้ลังเลชั่วครู่ จากนั้นจึงเล่าจนหมดเปลือก

เขากล่าวว่า “ที่ไท่ไป๋อ๋องกล่าวมาไม่ผิด จิ้นอ๋องเป็นคนโหดร้ายจริง คนผู้นี้มีความทะเยอทะยานแรงกล้า คิดจะชิงตำแหน่งจักรพรรดิ ทว่าเขาเป็นเพียงบุตรชายชินอ๋อง ไม่ใช่สายเลือดของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ ดังนั้นตามคุณสมบัติการสืบทอดบัลลังก์กว่าพันปีของซ่งเหนือ เขาจึงไม่มีคุณสมบัติขึ้นเป็นจักรพรรดิ ถึงแม้ทหารใต้บังคับบัญชาจะแข็งแกร่ง และได้รับการสนับสนุนจากนักพรตเต้าหลิงเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเทพเขาเมืองมรกต แต่ก็ยังต้องการอีกฐานะหนึ่ง บนแผ่นดินตอนนี้ ปาเสียนอ๋องเป็นอนุชาของอดีตจักรพรรดิ เป็นอาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เป็นสมาชิกราชวงศ์สายตรงที่สุด เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและมีบารมีในหมู่ประชาชนยิ่งนัก ปีที่ผ่านมาปาเสียนอ๋องเป็นตัวเลือกแรกของการเป็นจักรพรรดิ ภายหลังเพราะเหตุผลบางประการจึงปล่อยวางจากตำแหน่ง ถึงได้มีการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าจิ้นอ๋องรับบุตรสาวของปาเสียนอ๋องมาเป็นภรรยาได้ ก็เท่ากับมีฐานะตามระบบการสืบทอด สามารถใช้กำลังเข้าโค่นล้มราชบัลลังก์ได้”

เรื่องเหล่านี้นับเป็นความลับภายในราชวงศ์ซ่งเหนือทั้งสิ้น

หลี่มู่ฟังจบก็เข้าใจทันที

ที่แท้คิดจะใช้ฐานะของหวางซืออวี่มาปักธงตราทัพสินะ

ลักษณะเหมือนการชุบทอง

สร้างความลำบากให้นักปกครองพวกนี้จริงๆ

“ยังห่างจากเขาหัวโคอีกเท่าไหร่?” หลี่มู่ถามอีก

จ้าวจี้ตอบ “ยังห่างจากเมืองหลวงหลินอันหกแสนลี้ทางตะวันออก หลังจากผ่านเมืองหลินอัน ไปทางตะวันออกอีกสามหมื่นลี้ก็จะเป็นเขาหัวโค เขาลูกนี้เป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ข้า มองจากภายนอกคล้ายโคเขียวแหงนหน้ามองฟ้า จึงได้รับชื่อนี้มาขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา