ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งใช้พลังฝึกขั้นเหนือมนุษย์ได้?
ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์กลับมาลอบโจมตีได้อย่างหน้าไม่อายหรือ?
นี่มันเรื่องเหลวไหลชัดๆ
พวกหลี่มู่แทบจะตระหนักได้ในทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น น่าจะเป็นวังวนบางอย่างที่ยิ่งใหญ่มาก
ตอนนี้เอง บรรดาผู้ลี้ภัยส่งเสียงร้องตกใจ หนีกระจัดกระจายกันไปสี่ทิศ
มองออกได้ว่านอกจากชายชราเป็นหิดทั้งตัวที่ลอบโจมตีแล้ว คนอื่นล้วนเป็นผู้ลี้ภัยจริง ครั้นเห็นการโจมตีเช่นนี้จึงกรีดร้องเสียงแหลมหนีกระเจิงกันไป ทั้งยังมีมารดาที่อุ้มลูกน้อยไว้ในอกคนหนึ่งและคนชราอีกหลายคนถูกควันหลงคลื่นพลังขั้นเหนือมนุษย์ลูกนี้ระเบิดจนเป็นละอองเลือดกระจาย คนที่เหลือบาดเจ็บล้มตายมากมาย
สิ่งปลูกสร้างรอบๆ ก็พังทลายลงมาไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่านักฆ่าที่ลงมือกลัวว่าจะสังหารไม่ได้ในทีเดียว จึงไม่คิดยั้งมือ และยิ่งไม่สนใจชาวบ้านรอบข้างเลย
หุบผามรกตที่เดิมทีสงบสุขปรองดองถูกทำลายความสงบในทันที
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา
แขกของที่พักพิงผู้เหนื่อยล้าทยอยลุกขึ้นวิ่งหนี
ผู้คนในร้านแผงลอยเล็กๆ โรงเตี๊ยม และร้านค้ารอบๆ แตกตื่นวุ่นวาย
“กิจของสำนักเขาเมืองมรกต ใครไม่เกี่ยวรีบถอยไปให้ไกล”
นักฆ่าผู้ลี้ภัยคนนั้นพลิกตัวลุกขึ้น แสงคุ้มกายไหลวน โรคหิดที่ดูน่าขยะแขยงเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า บุคลิกทั้งร่างเปลี่ยนไปหมด เสียงกระดูกด้านในลั่นกรอบแกรบ รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอีกคนหนึ่ง
เวลาเดียวกัน เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ
ห่างออกไป ร่างเงาวูบวาบ ยอดฝีมือในชุดนักพรตนับสิบบินทะยานจากนอกหุบผามรกตเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงกีบม้าและเสียงย่ำเท้าจำนวนมาก กองกำลังอาวุธครบมือกองหนึ่งปิดล้อมทั้งหุบผามรกตเอาไว้ทันใด
“ห้ามปล่อยกบฏเมืองมรกตเต้าเจินไปเด็ดขาด”
“ฮ่าๆๆ เต้าเจิน ตอนนี้ต่อให้เจ้าติดปีกก็หนีไม่พ้น ยังไม่รีบยอมแพ้โดยดีอีก”
ร่างเงาขยับวูบ
ด้านนอกโรงเตี๊ยมที่พักพิงผู้เหนื่อยล้า ผู้แข็งแกร่งในชุดนักพรตปรากฏกายขึ้น ล้อมหนุ่มเจ้าของร้านคนนั้นไว้
นักพรตเฒ่าในชุดนักพรตสีดำหลายคน ทั่วทั้งตัวมีกลิ่นอายแข็งแกร่งปั่นป่วน ทุกคนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ ออกมายืนด้วยกันกับชายวัยกลางคนที่เป็นปลอมตัวเป็นผู้ลี้ภัยนักฆ่าคนก่อนหน้า
“อาจารย์อาเต้าฉง” นักพรตคนหนึ่งมอบชุดนักพรตดำที่เตรียมไว้ให้กับนักฆ่าที่รูปลักษณ์เปลี่ยนไป ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์คนหนึ่งของเขาเมืองมรกต มีชื่อเสียงอยู่ภายนอก
หนุ่มเจ้าของร้านหน้าขาวซีด ยื่นมือเช็ดเลือดที่มุมปาก เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทุกข์ระทมว่า “ข้ายอมแพ้เรื่องชิงตำแหน่งไปแล้ว ทำไมพวกเจ้ายังต้องมาไล่ล่าสังหารกัน?”
“เหอะๆ ยอมแพ้?” นักฆ่าเต้าฉงหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยว่า “เจ้าสำนักเต้าหลิงต้องการศีรษะเจ้า เจ้าก็ต้องตาย ไม่ว่าเจ้าจะชิงตำแหน่งเจ้าสำนักเขาเมืองมรกตหรือไม่ ตั้งแต่ที่เต้าฉงหยางจะมอบตำแหน่งนี้ให้เจ้า เจ้าก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว”
ในคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความทระนงตน
ครั้งนี้จับจุดนิสัยเต้าเจินได้แม่นยำ ปลอมตัวเป็นผู้ลี้ภัย แกล้งทำเป็นป่วยหนัก จากนั้นรอจนเต้าเจินเข้ามารักษาด้วยน้ำใจก็พลันลอบโจมตี นี่คือแผนการของเขา และเขาก็เสี่ยงทำด้วยตนเองเพื่อสร้างความชอบครั้งใหญ่
วันนี้เต้าเจินเจ็บหนักแล้ว ได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ขอแค่กำจัดเสี้ยนหนามในสายตาเจ้าสำนักคนนี้ไปได้ พอกลับถึงเขาลอยฟ้าเขาต้องสร้างผลงานอันดับหนึ่งแน่ ภายภาคหน้าจะครองตำแหน่งเจ้าตำหนักหนึ่งได้อย่างมั่นคง อนาคตยาวไกล
“ข้าปิดบังอำพรางชื่อไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่เพราะไม่อยากเข่นฆ่าสังหารกับคนเขาเมืองมรกตด้วยกัน เต้าหลิงอยากได้ตำแหน่งเจ้าสำนัก เขาเอาไปก็จบเรื่องแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาศิษย์เขาเมืองมรกตตายไปมากมาย หรือว่าเพื่อความรุ่งโรจน์และอำนาจของเขาเมืองมรกต จะหยุดการเข่นฆ่าไร้สาระเช่นนี้ลงไม่ได้?”
หนุ่มเจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าทุกข์ตรมยิ่ง
เต้าฉงหัวเราะเย็นชาเอ่ยว่า “ถูกต้อง เพื่อความรุ่งโรจน์และอำนาจของเขาเมืองมรกต ทางที่ดีเจ้าตายไปเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักเต้าหลิงนอนไม่หลับเป็นแน่”
“จะพูดไร้สาระกับเขาทำไม สังหารเสียเลย”
“ถูกต้อง หิ้วหัวเขากลับไปรายงานเจ้าสำนัก พวกเราก็ได้สร้างผลงานกันแล้ว”
“เขาบาดเจ็บแล้ว ทนได้อีกไม่นานหรอก”
นักพรตเฒ่าที่ดูไม่ธรรมดาอีกสองสามคน แต่ละคนกลับมีจิตสังหารปะทุ ยังจะมีท่าทีเมตตาจากการฝึกบำเพ็ญของนักบวชเต๋าเสียที่ไหน กลับดูเหมือนภูตผีที่เดินออกมาจากนรกด้วยซ้ำไป ทุกคนใบหน้าเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม
ในห้องโถงโรงเตี๊ยม มีเงากว่าสิบร่างพุ่งออกมา
“เจ้าสำนักเต้าเจิน”
“สู้กับพวกเขาเถิด”
“พวกเขาสิถึงจะเป็นกบฏที่แท้จริง เต้าหลิงล้มล้างบรรพจารย์ ทำร้ายคนซื่อสัตย์…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา