หลี่มู่ได้ยินก็หัวเราะทันที
ไม่นึกว่าจะมองออกด้วยว่าตนเองใช้ชื่อปลอม?
เต้าเจินผู้นี้แท้จริงเป็นพวกคมในฝัก ความคิดเฉลียวฉลาดกว่าคนทั่วไปมาก
หนึ่งปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นข้อบกพร่องของนิสัยเขาชัดเจนขึ้น ตกสู่วังวนอุปสรรค ยึดติดมากจนเกินไป ทำให้เดินผิดพลาด มิเช่นนั้นคงไม่มีสภาพเช่นวันนี้ หากพูดจากด้านนี้ เต้าฉงหยางที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์เต๋าแห่งใต้หล้าในตอนแรกเลือกเต้าเจินมาเป็นผู้สืบทอด ก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าเป็นเรื่องผิดพลาด
ตอนนี้หลี่มู่พลันรู้สึกว่าหากภายหลังเต้าเจินสามารถควบคุมเขาเมืองมรกตได้จริง เช่นนั้นสำนักเต๋าแห่งนี้อยู่ในมือของหยกที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างยากลำบากอย่างเขา อาจจะกลายเป็นว่าศิษย์เหนือกว่าอาจารย์ก็เป็นได้
“ต่อไปเรายังมีโอกาสพบกันอีก หากตอนนั้นเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจะบอกที่มาที่แท้จริงของข้ากับเจ้า” หลี่มู่หัวเราะร่า
ใต้เท้าเขาปรากฏละอองเมฆ พลังขุมหนึ่งทะลักออกมา พาจ้าวจี้กับเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงสองคนบินขึ้นท้องฟ้าเหมือนกับขี่เมฆ กลับไปรวมกลุ่มกับหยวนโห่วและเจ้าฮัสกี้ที่ด้านนอกหุบผามรกต ก่อนจะหายไปบนฟ้าไกล ประดุจเทพเซียนจากนอกโลก สง่างามและวางท่าเป็นที่สุด
“นักพรตจางคนนี้ หรือจะเป็นเก้ายอดคนกัน?” บริกรที่ถูกกระบี่ฟันที่ท้องน้อยหนึ่งแผลอดเอ่ยอย่างทอดถอนใจไม่ได้ “กระทำการดุจมังกรเทพเห็นหัวแต่ไม่เห็นหาง ช่างน่าเลื่อมใสจริงๆ”
คนทั้งกลุ่มทยอยกันพยักหน้า
ราศีของนักพรตจางซานเฟิงคนนี้เหมือนกับผู้สูงส่งจากนอกพิภพจริงๆ
“เจ้าสำนัก แล้วพวกเราไปไหนกันต่อดี?” นักพรตคนหนึ่งถามขึ้น
ทุกคนมองไปยังเต้าเจิน
เต้าเจินตอบอย่างไม่ต้องคิด “กลับเขาเมืองมรกต”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น สีหน้าท่าทางมีความมุ่งมั่นต่อสู้
……
เมื่อออกจากหุบผามรกต หากระเรียนขาวพบ หลี่มู่พาชิงเฟิงและจ้าวจี้กลับขึ้นไปบนหลังกระเรียนขาว รวมกลุ่มกับหยวนโห่วและนายพลฮัสกี้
จากนั้นเริ่มออกเดินทางอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าอีกครั้ง
หลี่มู่นั่งนิ่งแล้ว สายตาจับจ้องไปยังไซบีเรียนฮัสกี้ บนปากของเจ้านี่ไม่มีเลือดสด แต่สายตากลับล่อกแล่กชอบกล ถ้าไม่ได้ไปกัดคนแล้วมันออกไปทำอะไร? หรือว่าจะไปช่วยเหลือ?
“มองอะไร” นายพลฮัสกี้พูดเสียงแข็ง
หลี่มู่หันหน้าไปหาหยวนโห่ว
หยวนโห่วอ้าปากกำลังจะเอ่ย เจ้านายพลฮัสกี้ก็รีบแย่งพูดด้วยความโมโห “เจ้าลิง ข้าเตือนเจ้าไว้แล้วนะ ถ้าเจ้ากล้าบอกคนเลี้ยงเรื่องที่ข้ากลืนสมบัติกับอาวุธของนักพรตบ้าพวกนั้นละก็ ข้าจะกัดขาเจ้าให้ขาดเลย”
หยวนโห่ว “…”
หลี่มู่ “…”
เจ้าฮัสกี้พูดจบ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เหมือนกับ…ถูกเปิดโปงอะไรไป?
หลี่มู่มองมัน กลืนสมบัติกับอาวุธเข้าไป?
ฟันแข็งแรงปานนั้นเลยหรือ?
คิดไปคิดมา หลี่มู่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ตอนอยู่ที่เมืองขาวพิสุทธิ์ อาวุธหลายชิ้นในคลังหายไปอย่างไร้สาเหตุ ตอนนั้นหลี่มู่ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคิดว่าตนเองจำผิดไปด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรส่วนสำคัญของคลังอาวุธก็มีผนึกอยู่มากมาย ไม่มีใครเข้าไปได้ แต่ว่าตอนนี้…คงไม่ใช่เจ้าสุนัขตัวนี้ทำหรอกนะ?
หลี่มู่รู้ว่าตั้งแต่ที่เจ้าฮัสกี้ถูกซินแสเฒ่าส่งมาโลกนี้โดยไม่ตั้งใจก็เริ่มมีความสามารถประหลาด เช่นเคลื่อนย้ายในพริบตาโดยมองข้ามผนึก ค่ายกล ช่องว่าง และระยะห่างได้ ก่อนหน้านี้หลี่มู่ก็เคยถาม คำตอบที่ได้รับคือเจ้านี่ก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมพลังของตนอย่างไร บางครั้งได้บางครั้งไม่ได้ แต่รู้อยู่เพียงเรื่องเดียวคือพอมันอยากทำมากเป็นพิเศษ พลังเช่นนั้นจะสามารถใช้ได้
คิดๆ แล้ว หลี่มู่จึงตัดสินใจทดสอบดู
เขาลองทิ้งกระบี่ยาวอาวุธระดับต่ำเล่มหนึ่งออกไป เป็นสิ่งที่ยึดมาได้จากภาชนะมิติเก็บของของหวงเซิ่งอี้
“โฮ่ง” ปฏิกิริยาของมันรวดเร็วมาก กระโดดออกไปราวสายฟ้าแลบ งับไว้ได้ในทีเดียว ตัวกระบี่ที่ตีขึ้นจากเหล็กเย็นเยือกสีดำ ตอนอยู่ในปากของมันเหมือนขนมปังถูกอบจนกรอบ เคี้ยวดังกรอบแกรบไม่กี่คำก็กลืนลงไป
กลืนหมดแล้วมันกระดิกหางระริกระรี้มาทางหลี่มู่ ทำสีหน้าสื่อว่าเอามาอีก
หลี่มู่คิดเล็กน้อย จากนั้นจึงโยนกระบี่เหล็กชั้นดีไร้อันดับเล่มหนึ่งไปอีก
เจ้านายพลกระโดดขึ้นมาตามจิตใต้สำนึก งับกระบี่เล่มนี้แล้วเคี้ยวกรอบแกรบไปหลายคำจนแตกละเอียด ก่อนจะถุยพรวดออกมา เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “ถุยๆๆ เจ้าคนเลี้ยง นี่หมายความว่าอะไร? เล่นตลกกับข้าเหรอโฮ่ง? ขยะอย่างนี้กินได้ที่ไหน?”
หลี่มู่มองฟันของเจ้าสุนัขโง่ ผงกศีรษะอย่างเงียบงันในใจ
เทพเทวาแม่เจ้าเอ๊ย
ต่อไปต้องระวังสุนัขโง่ตัวนี้เสียหน่อยแล้ว ฟันนั่นทำไมถึงน่ากลัวเพียงนี้ ต่อให้เป็นอาวุธเต๋าก็คงจะทานฟันเหล่านี้ได้ยากกระมัง ถ้าวันไหนไม่ระวัง ดาบวัฏจักรได้ถูกสุนัขโง่นี่กินลงไปแน่
พอมาคิดอีกที เจอกับฟันสุนัขเช่นนี้ ถึงจะเป็นเลือดเนื้อกระดูกของขั้นเทวะก็น่าจะเอาไม่อยู่?
ถ้าถูกเจ้าสุนัขโง่นี่กัดเข้า ขั้นมหาเทวะต้องถูกกัดเนื้อขาดเป็นแน่
มิน่าหยวนโห่วถึงได้ถูกเจ้านี่ขู่เอา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา