ด้านนอกค่ายใหญ่กองกำลังสำแดงเดช เปลวไฟหลายกลุ่มเริงระบำกลางอากาศ
เปลวไฟสีแดงชาดเหมือนผีเสื้อเพลิงกำลังระบำ ราวกับกำลังเฉลิมฉลองให้กับงานเลี้ยงที่คนทั้งซ่งเหนือจับจ้องอยู่ แต่งแต้มความสวยงามให้กับฟ้าดินผืนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงไฟประหลาดนั่น แวววับจับตายิ่ง ร่ายระบำอยู่กลางอากาศ ทั้งยังไร้สุ้มเสียง เหมือนกับดอกไม้เทพที่ร้ายแรงถึงตายและโน้มนำจิตวิญญาณคนได้
“นั่นเป็น…ดอกไม้เพลิงที่งามจริงๆ” เจ้าสำนัก ‘สำนักหอกเหล็ก’ ตู้ลวี่จี่ฉายา ‘หอกทวนแม่น้ำ’ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
ผู้แข็งแกร่งจากสำนักต่างๆ ในยุทธจักรอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มใหลหลง
แสงเพลิงสวยงามนัก หรือจะเป็นสิ่งที่จิ้นอ๋องตั้งใจเตรียมไว้สำหรับงานแต่ง?
มีเพียงพวกเสวียนเฉิงจื่อจากสำนักเขาเมืองมรกตกับหัวหน้า ‘ค่ายวารีเชื่อมฟ้า’ ไม่กี่คนที่ใบหน้าปรากฏแววหวาดกลัวตกตะลึง สัมผัสถึงอะไรได้เลาๆ
เพียงไม่นาน คนทั้งหมดก็เห็นอย่างตกตะลึงว่า กลุ่มเปลวไฟสีแดงพวกนั้นถูกลมพัดกระจายออกดั่งประกายไฟลุกไหม้ ประดุจจะเกิดภัยพิบัติขึ้น ก่อนเผาไหม้อย่างแปลกประหลาดมากบนอากาศ จากนั้นลุกลามตรงมาด้านในค่ายใหญ่กองกำลังสำแดงเดช
ฉากที่ทำให้คนสั่นสะท้านปรากฏขึ้นแล้ว
ตรงประตูค่าย ทหารชั้นยอดยุทโธปกรณ์ครบมือของกองกำลังสำแดงเดชกลุ่มหนึ่งถูกไฟประหลาดที่ม้วนเข้ามาแฉลบผ่าน กลายเป็นเพลิงสีแดงฉานในพริบตาเช่นกัน ชีวิตหลายสิบถูกเผาเหมือนลูกไฟหลายสิบดวง กระทั่งเสียงโหยหวนก็ไม่มี ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ร่างพร้อมชุดเกราะรวมถึงอาวุธในมือกลายเป็นไฟสีแดงอันน่าลุ่มหลง เมื่อถูกลมพัดก็ปลิวสลายหายไปในอากาศ
“ศัตรูบุก!”
พริบตานี้เอง ผู้แข็งแกร่งจากสำนักบนยุทธจักรมากมายถึงได้สติ
ขุนพลใหญ่นำทัพนายหนึ่งตะโกนขึ้น “ระวัง….”
เสียงกลองศึกในค่ายทหารดังขึ้นมา
กองกำลังสำแดงเดชสมกับเป็นกองทัพชั้นเยี่ยมที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแปดอ๋องแห่งซ่งเหนือ เหล่าทหารที่หนุนเข้ามามีปฏิกิริยาทันที
ภายใต้เสียงตะโกนของผู้บังคับบัญชาขั้นฟ้าประทานคนหนึ่ง ทหารสวมเกราะสีเหลืองดินพร้อมอาวุธขยับขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนกำลังภายในมาได้ เมื่อส่งพลังภายในลงในอุปกรณ์ กระตุ้นค่ายกล บนตัวของทหารทุกคนมีลวดลายดาวไหลเวียน ทหารที่ถือโล่ยักษ์ผืนฟ้าวารีสองแถวในนั้นขยับขึ้นหน้า เข้าสกัดทิศทางที่เพลิงสีแดงประหลาดลุกโหมเข้ามา และประกอบกันเป็นค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ทันใด
ลวดลายดาราบนโล่ยักษ์สว่างวูบวาบ คลื่นน้ำไหลวน ในอากาศมีเสียงพิลึกของคลื่นซัดโถม โล่ยักษ์ยี่สิบอันประสานรอยแยกรวมเข้าด้วยกัน ก่อนแผ่เกราะแสงคุ้มกันตั้งสกัดพื้นที่ที่เปลวไฟนั้นทะลักเข้ามา ดุจดั่งคลื่นยักษ์ลูกหนึ่งก็มิปาน
“เยี่ยม!”
“สมเป็นกองทหารชั้นเยี่ยมร้อยศึก”
“ทหารชั้นเยี่ยม!”
แขกเหรื่อมากมายที่รู้เรื่องการศึกบนที่นั่งแขกพิเศษ พริบตานี้ล้วนทอดถอนใจออกมาจากใจจริง
ทว่าคนที่ไม่เข้าใจเรื่องขบวนทหารเหล่านั้น ก็ยังมองออกกว่าเป็นกองกำลังทหารที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
แม้จะเคยได้ยินมานานแล้ว กองกำลังสำแดงเดชใต้บังคับบัญชาของจิ้นอ๋องจัดเป็นถึงทหารชั้นยอดของจักรวรรดิ แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น การได้มาเห็นเองชัดเจนเสียยิ่งกว่าสิ่งที่ได้ยินมา ถ้าหากนายทหารอื่นๆ ของกองกำลังสำแดงเดชยอดเยี่ยมเหมือนกลุ่มนี้ กองทัพนี้ยังจะมีใครต่อกรได้อีก? ดินแดนซ่งเหนือแห่งนี้น่ากลัวว่าจะเป็นจิ้นอ๋องเสียแล้วที่ขึ้นมานั่งตำแหน่ง
บนใบหน้าของจิ้นอ๋องจ้าวเฉินปรากฏรอยยิ้มหยิ่งทะนง
ใช่แล้ว สิ่งนี้คือพลังอำนาจของเขาเลย
ทัพใหญ่อาจหาญอยู่ในกำมือเขา
ทว่า ขณะที่คำชื่นชมแซ่ซ้องยังไม่ทันหาย ก็เห็นว่าด้านนอกค่ายทหารห่างออกไปมีแสงดาบสีจางเกือบโปร่งใสสายหนึ่งปรากฏวับวับขึ้นกะทันหัน สว่างวาบเข้ามา จากนั้นจึงเห็นค่ายกลเปลี่ยนรูปยี่สิบโล่ยักษ์ลายดาราเป็นประดุจกระดาษ แยกออกเป็นสองจากกึ่งกลางอย่างเงียบงัน ทหารที่ถือโล่อยู่ก็เช่นกัน…
ภายใต้ลำแสงกึ่งโปร่งใสเส้นนี้ ค่ายกลเปลี่ยนรูปธาตุน้ำราวกับฟองสบู่มายา เสียงโพละดังขึ้นแล้วแตกสลายไป
เปลวเพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ยุทโธปกรณ์ ทหาร โล่ยักษ์ ค่ายกล…
ทั้งหมดถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงจนสลายหายไป
ค่ายกลคุ้มกันของกองทัพนับหมื่น ถูกดาบกึ่งโปร่งใสดาบเดียวฟันจนเป็นรอยแยกกว้างหกจั้ง
ผู้คนจึงค่อยตระหนักอย่างตื่นตะลึงยิ่ง นั่นใช่แสงเปลวเพลิงเฉลิมฉลองอันงดงามเสียที่ไหน นั่นมัน…แสงดาบคร่าชีวิตชัดๆ
ห่างออกไปไกลลิบจากรอยแยก คนหนุ่มผมสั้นชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัว
เขาค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามา ร่างที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องคล้ายบิดเบี้ยวเพราะเส้นแสง เดี๋ยวเลือนเดี๋ยวชัด แปลกประหลาดอย่างมาก ไม่มีใครมองใบหน้าของเขาชัดเจน
และทุกครั้งที่ร่างของเขาเลือนหายแล้วปรากฏ ระยะจะร่นเข้ามากว่าร้อยจั้ง
ในชั่วพริบตา ขณะที่ดวงตาของทุกคนยังมีความยินดีหลงเหลือ ไม่ทันรู้สึกตัวกลับมา หนุ่มผมสั้นชุดขาวคนนี้ก็เข้ามาทางช่องว่างที่ถูกฟันเปิดออกของค่ายใหญ่กองกำลังสำแดงเดชแล้ว ซ้ำยังคงเดินไม่หยุด ตรงเข้ามาด้านในต่อ
เคร้งๆๆๆ!
เสียงชักดาบกระบี่ออกจากฝักดังขึ้น
ทหารเกราะของกองกำลังสำแดงเดชล้อมเข้ามาจากทั้งสองด้าน ราวกับป่าดาบหอกเดินได้
ห่างออกไป ได้ยินเสียงบัญชาการจากผู้บังคับบัญชา เสียงสายธนูสั่นไม่ต่างจากฟ้าร้อง
ด้านหลังกระบวนทัพ ลูกธนูของหน้าไม้ทลายดาวแบบทำพิเศษพุ่งโค้งเข้ามาหนาแน่นปานฝูงตั๊กแตน ปกคลุมไปทางเด็กหนุ่มชุดขาวผมสั้นอย่างรวดเร็วรุนแรงและแม่นยำ บนปลายธนูทรงสามเหลี่ยมมีแสงค่ายกลดาราเคลื่อนไหว เพียงพอที่จะทำลายสนามพลังปราณคุ้มกายของผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานสมบูรณ์ได้ในพริบตา
ฉากนี้ทำเอาผู้แข็งแกร่งจากสำนักต่างๆ ในยุทธจักรอกสั่นขวัญแขวน
แต่ทว่า เด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ยังเห็นว่าเขาเดินต่อ รอบกายมีแสงดาบกึ่งโปร่งใสส่องสว่างพันรอบ ลูกธนูทั้งหมดของหน้าไม้ทลายดาวพุ่งเข้าไปในระยะสามจั้งจากร่างเขา ก็ล้วนเปลี่ยนเป็นแสงไฟงดงาม ปลิวกระจายในอากาศ ลอยหายไปตามลม
“แค่ไก่กระเบื้องหมาดินเผา[1]พวกนี้ สกัดข้าไม่อยู่หรอก”
เด็กหนุ่มชุดขาวเปิดปาก ดวงตามีความมั่นใจในตนเองอย่างเด็ดขาด
นั่นเป็นใบหน้าที่องอาจกล้าหาญและได้สัดส่วน ดวงตาโตมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะลูกตาดำราวทะเลดวงดาวที่ไม่เหมือนใคร ทั้งยังเหมือนหุบเหวลึก มองไม่เห็นก้น ไม่เห็นขอบเขตอันไพศาล ส่องสว่างดุจดารา โชติช่วงดั่งเปลวไฟในสารทฤดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา