หลี่มู่!
ขั้นเทวะ!
สองคำนี้อยู่ระดับเดียวกัน
หากพูดถึงว่าตอนที่รองเจ้าสำนัก ‘เทพมารเพลิง’ แห่งทุ่งปิดภูผาถูกจับกุมครั้งแรก คนบางส่วนยังมีความเห็นต่างกับการที่หลี่มู่เข้าสู่ขั้นเทวะ เช่นนั้นตอนที่ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกสังหารที่เขาขุนคีรี ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่คงไม่มีใครเห็นต่างกับเรื่องนี้แล้ว
ถึงอย่างไรอิ้งซานเสวี่ยอิงก็เคยสังหารเทวะเหมือนกัน แต่กลับถูกหลี่มู่จัดการไปเสียได้
‘มังกรเทพพยับฟ้า’ หวงโหย่วหลงคือผู้แข็งแกร่งห้าอันดับต้นของซ่งเหนือ อยู่ขั้นครึ่งเทวะมาหลายปี หลายปีมานี้ถือว่าก้าวหน้าอยู่ แต่ให้สังหารเทวะหรือ? เขาเหมือนจะยังทำไม่ได้
หวงโหย่วหลงรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของตนร้อนผะผ่าว
เพราะชื่อนี้ทำให้เขาตกใจจริงๆ
คิดๆ ถึงคำพูดของตนเองเมื่อครู่ ก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง
หวงโหย่วหลงมองจิ้นอ๋องที่อยู่ข้างกายตามจิตใต้สำนึก
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงก็คือสีหน้าของจิ้นอ๋องยังคงปกติ ราวกับไม่มีอาการตกใจใดๆ กระทั่งสีหน้าหวาดกลัวสักนิดก็ไม่มี
หวงโหย่วหลงอึ้งในใจ
หรือว่าจิ้นอ๋องจะมีกลยุทธ์ไพ่ตายอะไรที่แข็งแกร่งจนสามารถต่อกรมหาเทวะได้?
เป็นไปไม่ได้น่า
ต่อให้เป็นสำนักเขาเมืองมรกตในยามนี้ ก็ยังไม่มีไพ่ตายเช่นนี้เลยกระมัง?
แต่ไม่นานนัก หวงโหย่วหลงเห็นแววตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของหลี่มู่ ก็เข้าใจกระจ่างทันที ที่แท้ประโยคเมื่อครู่ หลี่มู่พูดกับตนเองเพียงคนเดียว ภายใต้การเสริมของวิชาลับ คำสนทนาจึงถูกปิดกั้น คนอื่นล้วนไม่ได้ยิน…วิธีการเช่นนี้ ครึ่งขั้นเทวะอย่างเขาก็ยังจับไม่ได้เลยหรือ?
หลี่มู่ต้องเป็นขั้นเทวะแล้วแน่นอน
คิดถึงจุดนี้ ในใจหวงโหย่วหลงเหมือนถูกคลื่นยักษ์อันน่าหวาดกลัวถาโถม
เขาแน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของหลี่มู่แน่
โดยเฉพาะเมื่อมองสีหน้าประหลาดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวอีกครั้ง ใจของครึ่งเทวะหวงโหย่วหลงก็ยากจะรักษาความสงบเอาไว้ได้ ความเย็นเยือกขุมหนึ่งปะทุออกมาจากกระดูกสันหลัง ลามขึ้นไปตรงกระหม่อม ประหนึ่งจะเปิดหน้าผากพุ่งออกไป ไม่อาจสกัดกั้นคลื่นแห่งความหวาดกลัวได้
“ขออภัย รบกวนท่านแล้ว” หวงโหย่วหลงประสานมือ
จากนั้น เขาหันไปบอกหัวหน้าค่ายวารีเชื่อมฟ้าทั้งสามสิบห้าคน “พวกเรากลับ”
จะกลับไปเลยจริงๆ
จิ้นอ๋องในตอนนี้สีหน้าเปลี่ยน เอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล “หัวหน้าค่ายหวง นี่หมายความว่าอย่างไร?”
คนอื่นๆ ก็ล้วนใช้สายตาตกตะลึงมองเจ้าแห่งทางน้ำอันดับหนึ่งของซ่งเหนือคนนี้ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเพียงแค่เด็กหนุ่มชุดขาวยิ้ม มหาโจรคนนี้กลับจะรีบร้อนจากไป ท่าทีเคารพยำเกรงเป็นที่สุด…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“พี่ใหญ่ ท่าน…” หัวหน้าค่ายสาขาคนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกเราจะไปเช่นนี้เลยหรือ?”
“ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปกับข้า” หวงโหย่วหลงสีหน้าดุดัน
เขาถอนหายใจออกมา ประสานมือต่อจิ้นอ๋องและเอ่ยว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทยากที่จะตอบแทนได้หมด แต่เรื่องในวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ ‘ค่ายวารีเชื่อมฟ้า’ ของข้าจะผสมโรงได้ ฝ่าบาทโปรดรักษาตัวด้วย อย่ากระทำการด้วยอารมณ์” นี่ถือเป็นคำเตือนสุดท้ายที่เขามีให้กับจิ้นอ๋องกระมัง
พูดจบ ‘มังกรเทพพยับฟ้า’ หวงโหย่วหลงไม่เหลือความลังเลใดๆ อีก พาหัวหน้าค่ายวารีเชื่อมฟ้าทั้งสามสิบห้าและยอดฝีมือจากค่ายอื่นๆ ออกไปทันที ราวกับว่าถ้าออกไปช้าอีกเพียงนิดจะเกิดมหันตภัยฟ้าถล่มขึ้น เพียงพริบตาก็หายไปตรงขอบฟ้าไกล
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นแปลกพิลึกทันใด
จิ้นอ๋องไม่ใช่คนโง่
เขาฟังความหมายในคำพูดของหวงโหย่วหลงออกแน่นอน
เด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวคนนี้ มีที่มาน่ากลัวมากเลยหรือ?
แต่ว่า งานสมรสใหญ่ในวันนี้จัดขึ้นต่อหน้าขั้วอำนาจกว่าครึ่งของซ่งเหนือ มีความสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ในแผนการของเขา หากยกเลิกไปด้วยเหตุนี้ เรื่องที่ตนเองกลายเป็นตัวตลกเขายังพอทนได้ ทว่ากลับจะพังแผนการทั้งหมดของเขาลง ทำให้วันที่เขาขึ้นเป็นมหาอำนาจของซ่งเหนือถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด นี่เป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้
เมื่อครู่หวงโหย่วหลงให้เด็กหนุ่มคนนี้บอกชื่อสำนักอาจารย์มา หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มนี่พูดอะไร หวงโหย่วหลงถึงได้ตื่นตระหนกจนหนีกลับ คิดดูแล้ว สำนักอาจารย์ของเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องมีภูมิหลังน่ากลัวมากเป็นแน่ น่าจะเป็นหนึ่งในสำนักเทพของเก้ายอดคนใต้หล้า
แต่เช่นนั้นแล้วจะทำไม เขาก็มีสำนักเขาเมืองมรกตหนึ่งในเก้าสำนักเทพสนับสนุนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นหนุ่มน้อยคนนี้ก็ไม่อาจเป็นตัวแทนของสำนักเทพที่ตนอยู่ได้ ไม่ว่าอย่างไร วันนี้รับท่านหญิงหวนจูมาไว้ในมือก่อน วันหลังรอให้สำนักเทพนี้ยกทัพมาประณามจริงๆ ค่อยแอบประนีประนอมชดเชยไป ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
ใต้ฟ้านี้ ยังมีเรื่องใดที่ใช้การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แก้ไขไม่ได้บ้าง?
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ที่นี่เวลานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอมก้มหัวให้ไม่ได้
แทบจะในพริบตาเดียวกัน จิ้นอ๋องตัดสินใจเช่นนี้ออกมา
เขาลอบส่งสัญญาณมืออีกครั้ง
ทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในกองกำลังสำแดงเดชจัดขบวนพลหมื่นนายอยู่ไกลๆ รวมพลังหมื่นคนไว้ด้วยกัน ล้อมป้องกันรอบแท่นพิธีหลัก กลิ่นอายเด็ดเดี่ยวเหี้ยมหาญตลบอบอวล ผู้แข็งแกร่งกับเจ้าสำนักใหญ่ต่างๆ ก็ล้อมแท่นพิธีหลักเอาไว้ทั้งหมด เวลาเดียวกัน ภายใต้การบอกใบ้ของจิ้นอ๋อง พวกของ ‘หอกเหล็กทวนแม่น้ำ’ ตู้ลวี่จี่หรือเจ้าสำนักหอกเหล็กก็เข้าประชิดตัวหวางซืออวี่อย่างช้าๆ คิดจะจับตัวนางเป็นตัวประกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวมีพลังเทียมฟ้า จะขว้างหนูก็ยังกลัวของแตก[1]
ตู้ลวี่จี่กัดฟัน ยื่นมือไปคว้าข้อมือหวางซืออวี่
แน่นอนว่าเขามองออก หวงโหย่วหลงถูกเด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวทำให้หวาดกลัวจนจากไป คนที่ค่ายวารีเชื่อมฟ้าไม่กล้าหาเรื่อง สำนักหอกเหล็กเขาย่อมหาเรื่องด้วยไม่ได้เช่นกัน แต่ปัญหาคือจิ้นอ๋องไม่อาจทำอะไรกับค่ายวารีเชื่อมฟ้าได้ แต่ถ้าสำนักหอกเหล็กเดินจากไปเหมือนหวงโหย่วหลงบ้างละก็ วันต่อมากองทัพของจิ้นอ๋องได้มาถล่มสำนักหอกเหล็กของเขาจนราบแน่
วรยุทธ์ของตู้ลวี่จี่ยอดเยี่ยมสองสาย
สายที่หนึ่งคือวิชาหอกเหล็ก
สายที่สองคือกรงเล็บเหล็กข้อมือเหล็กกล้า
ความเชี่ยวชาญทั้งสองสายเป็นสิ่งที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้ชื่อเสียงของเขา
‘กรงเล็บเหล็ก’ ของเขาเคยบิดอาวุธวิญญาณจนหักสะบั้นด้วยมือเปล่า พลังไร้เทียมทาน แต่ว่าขณะที่ห้านิ้วจับถึงข้อมือหวางซืออวี่ สิ่งที่สัมผัสกลับไม่ใช่ความเกลี้ยงเกลาของข้อมือขาวหญิงงามตามที่จินตนาการไว้ ทว่า…เป็นพลังที่ยากจะพรรณนาได้ขุมหนึ่งทะลักเข้ามา ทำให้นิ้วทั้งห้าของเขาออกอาการชา
ขณะตื่นตระหนก เขาตั้งจิตมองไป และอดตะลึงค้างอยู่ที่เดิมไม่ได้
สิ่งที่ตนเองคว้าเอาไว้ใช่ข้อมือของท่านหญิงหวนจูหวางซืออวี่เสียที่ไหน เป็นข้อมือของเด็กหนุ่มชุดขาวชัดๆ
ไม่รู้ว่าเมื่อไร เด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ห่างออกไปกว่าสองลี้กลับมาปรากฏตัวบนแท่นพิธีหลักเหมือนภูตผี ยืนอยู่ข้างกายหวางซืออวี่แล้ว
นี่…
เขาทำได้อย่างไรกัน?
ตู้ลวี่จี่ราวกับเห็นผีตอนกลางวัน
“สนุกไหม?” เด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวมองเขา หัวเราะพลางสะบัดข้อมือ
กร๊อบ!
ข้อมือเหล็กกล้ากับกรงเล็บเหล็กของตู้ลวี่จี่โดนแสงไฟกลุ่มหนึ่งวาดผ่าน เพียงพริบตาก็แตกละเอียดเป็นเสี่ยงราวรูปปั้นดิน
เขายังรู้สึกอีกว่าพลังร้อนแผดเผาขุมหนึ่งที่ไม่อาจควบคุมได้แผ่จากฝ่ามือ ข้อมือ ลุกลามมายังท่อนแขนและร่างกายของเขา ทุกจุดที่แล่นผ่าน กระดูกจะแตกละเอียดดังกรอบแกรบ ไม่ว่าเขาจะกระตุ้นปราณแท้ขั้นเหนือมนุษย์ใดๆ ก็ถูกต่อต้าน ทำอะไรไม่ได้เลย
“อ๊าก…” ตู้ลวี่จี่ร้องลั่น ถอยหลังหนีเหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว เวลาเดียวกันก็ตะโกนอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ “ท่านจอมยุทธ์ไว้ชีวิตด้วย ข้า…ข้าไม่กล้าแล้ว” เขารู้สึกได้ว่าเงาของความตายปกคลุมมาที่ตนเอง ความน่าสะพรึงกลัวกำลังจะมาเยือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา