เสียงของหลี่มู่ประหนึ่งอัสนีบาตแห่งสวรรค์เก้าชั้น สะเทือนทั่วท้องฟ้าเหนือด่านเมืองมังกร
กองทัพฉินตะวันตกที่ปักหลักอยู่ในเมืองแตกตื่นกันโดยพลัน
หน้าประตูจวนเจ้าเมือง ‘ทวนปราบปีศาจ’ หลี่หยวนป้าหน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ทหาร คุ้มกันจวนเจ้าเมือง” เขาบัญชาให้กองกำลังโองการฟ้าใต้บัญชาการของตนคุ้มกันจวนเจ้าเมืองเอาไว้เป็นชั้นๆ กองทัพในเมืองรวมตัวไปยังจวนเจ้าเมืองดุจคลื่นพายุคลั่ง
ในขณะเดียวกัน มีองครักษ์มารชุดดำสิบนายของจักรพรรดิฉินหมิงมาอารักขารอบๆ จวนเจ้าเมือง
ละอองหมอกดำหุ้มล้อมพวกเขาไว้ทั่วร่าง ไอมารพันรอบ ละอองสีหมึกลอยวนในอากาศ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นอักขระตราประทับมารขนาดใหญ่หลายตัว เหมือนรวมกลุ่มแต่ก็กระจาย เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ ไม่ชัดเจน เชื่อมทั้งจวนเจ้าเมืองเข้าด้วยกันและปกคลุมไว้ข้างใน คล้ายกับค่ายกลเต๋าชนิดหนึ่ง
จักรพรรดิฉินหมิงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งใต้ฟ้าไม่ได้ปรากฏตัว
นอกเมือง หลี่มู่ตะโกนติดกันสามครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเงาของจักรพรรดิฉินหมิง
“หรือจะไม่อยู่ในเมือง?”
เขาสงสัย
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ขุนพลผู้เก็บกวาดสนามรบคนนั้นพูด จักรพรรดิฉินหมิงรักษาการณ์อยู่ในด่านเมืองมังกรนี่
หลี่มู่เบิกเนตรสวรรค์ พลันมองเห็นเสาพลังสีดำประดุจมังกรต้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ฟ้าจากตำแหน่งใจกลางจวนเจ้าเมือง เสมือนเสาสวรรค์พายุหมุนที่ร่วงลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า อานุภาพน่ากลัวและไอมารสีดำแทบจะแผ่ปกคลุมทั้งเมือง อีกทั้งท่าทีของทัพฉินตะวันตกเหมือนเผชิญหน้ากับข้าศึกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฉินหมิงอยู่ในเมือง แต่กลับไม่ปรากฏตัว
กลัวหรือ?
ไม่น่าใช่
คนแบบจักรพรรดิฉินหมิงไม่มีทางหวาดกลัวตน
หรือจะมีเรื่องอื่นทำให้จักรพรรดิฉินหมิงไม่อาจปรากฏกายได้?
หลี่มู่สาวเท้ายาวมุ่งไปยังกลางเมือง
“หยุด!”
ผู้นำทหารทัพฉินตะวันตกและยอดฝีมือกลุ่มก้งเฟิ่งของราชวงศ์พุ่งออกมาจากประตูเมือง ในสายตาที่จ้องหลี่มู่ต่างมีความหวาดกลัวและเคียดแค้น
ความรู้สึกที่คนฉินตะวันตกมีต่อหลี่มู่ซับซ้อนมากในตอนนี้ ในฐานะเทวะที่อายุน้อยที่สุด เขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของนักรบแห่งฉินตะวันตก แต่เขากลับสังหารองค์ชายและรัชทายาท องค์ชายนั่นก็ช่างเถอะ แต่รัชทายาทอย่างไรเสียก็เป็นรากฐานของจักรวรรดิ ยังถูกสังหารเช่นกัน ทำให้คนฉินตะวันตกเปลี่ยนมาเคียดแค้นหลี่มู่แทน
ในใจของหลายๆ คน จักรพรรดิฉินหมิงมีพระราชโองการลดโทษให้ หลี่มู่ไม่ใช่แค่ไม่รับความหวังดี ตอนนี้ยังบุกมาถึงที่เพื่อพวกกากเดนต้าเยวี่ย นี่คิดจะปลงพระชนม์ชัดๆ
การกระทำเช่นนี้เท่ากับทรยศชาติบ้านเมือง
“เทวะหลี่ โปรดตรองให้ดีก่อนลงมือ”
“หลี่มู่ เจ้าเป็นคนของต้าฉิน กลับเรียกชื่อฝ่าบาทตรงๆ ควรต้องรับโทษขั้นไหน?”
“ขุนนางชั่วช้า สมควรตายให้หมด”
ยอดฝีมือทหารในกองทัพบางคนตะโกนด่าอย่างปากกล้าขาสั่น
คลื่นคนดุจทะเล ทะลักมาจากทั่วทุกสารทิศ
“ผู้ขวางข้าต้องตาย”
หลี่มู่สวมเสื้อผ้าให้ร่างศพของอวี๋ฮว่าหลง แบกเขาไว้บนหลังพลางสาวเท้าไปยังประตูเมือง ในสายตามีเพียงจวนเจ้าเมืองเท่านั้น
“หลี่มู่ เจ้า…”
ผู้นำทหารระดับสูงในกองทัพที่สวมชุดเกราะเงาวับมองอย่างโกรธแค้น แต่เพิ่งจะอ้าปาก พูดยังไม่ทันจบประโยค ประกายดาบทางหนึ่งพลันกะพริบผ่าน ทั้งตัวเขาถูกฟันขาดเป็นสิบท่อน จากนั้นร่างยังไม่ทันล้มลง ซากแขนขาก็ถูกสะเทือนปลิวออกไปทันที
จิตดาบไร้รูปร่างทางหนึ่งฟันแยกกองกำลังที่ซ้อนกันหลายชั้นราวคลื่นคลั่ง คมกระบี่ชี้ไปยังจวนเจ้าเมือง
ทุกที่ที่จิตดาบผ่าน แผ่นดินแตกร้าว
ต่อให้เป็นขั้นเหนือมนุษย์ ฟ้าประทาน หรือกระทั่งครึ่งเทวะร่วมมือกันสำแดงกลเม็ดต่างๆ ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้ ผืนดินแยกแตกเป็นร่องใหญ่ยาวสองลี้ ประหนึ่งถูกดาบเทวะฟันผ่า
ด่านเมืองมังกรครึ่งหนึ่งถูกแบ่งเป็นสองส่วนเมื่ออยู่หน้าจิตดาบนี้
ภายใต้จิตดาบเช่นนี้ ขุนพลและทหารทัพฉินตะวันตกในเมือง รวมถึงยอดฝีมือจากสำนักใหญ่ต่างๆ ที่ร่วมทัพออกศึกและเหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มก้งเฟิงของราชวงศ์ก็ราวกับขวัญหนีดีฝ่อ หลี่มู่ใช้แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็ทำให้กองทัพฉินตะวันตกหลายแสนตื่นตระหนก...
จิตดาบทอดตัวยาว แล่นไปอย่างเนิบช้า แหวกผ่าผืนดิน
รอยแยกบนพื้นมุ่งไปยังจวนเจ้าเมือง
หลี่มู่บินอย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่หลังรอยแยกดุจดั่งเทพสังหาร
“อารักขาฝ่าบาท!”
“ปกป้องฝ่าบาท”
“สู้สุดชีวิตกับเจ้าโจรกบฏนี่”
เสียงต่างๆ ดังมาจากทั่วทุกทิศ บ้างโกรธแค้น บ้างหวาดกลัว บ้างแค่แสดงไปอย่างนั้น แต่รอบกายหลี่มู่ในระยะสิบจั้งมีจิตดาบหมุนวน จิตดาบไร้ลักษณ์ฟ้าประทานประหนึ่งคลื่นที่สะสมพลัง ธนู หน้าไม้ และพลังวิชาต่อสู้ต่างๆ ซึ่งพุ่งมาจากที่ไกลๆ เพียงแค่เข้าใกล้เขาก็เหมือนใส่ก้อนหินเข้าไปในโม่หิน ถูกกระเทือนกลายเป็นเศษผงทันใด
จิตดาบปะทุทันที วิชาใดๆ ยากจะกล้ำกราย
ร่างของเขาประดุจเทพมารผลักรอยแยกบนผืนปฐพีไปยังจวนเจ้าเมืองอย่างเนิบช้า
“หลี่มู่ เจ้ากล้าทำเรื่องทรยศเช่นนี้จริงรึ” ‘ทวนปราบปีศาจ’ หลี่หยวนป้ากำทวนวงเดือนสีเลือดไว้ในมือ เปลวเพลิงร้อนแรงโอบล้อม สวมเกราะเทพยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูจวนเจ้าเมือง กลิ่นอายทรงพลังแผ่ระลอกทั่วร่าง กำลังจ้องหลี่มู่ด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน
เทพนักรบแห่งยุคของฉินตะวันตก ย่อมมีรัศมีองอาจดุดัน
หลี่มู่ไม่หยุดฝีเท้า เดินไปข้างหน้าช้าๆ สายตาหยุดอยู่บนร่างของเขาก่อนเอ่ย “เป็นเจ้าที่นำทัพสังหารประชาชนที่ออกจากเมืองบนเนินสิบลี้?”
ถึงแม้เสียงของหลี่มู่จะราบเรียบ แต่หลี่หยวนป้าถูกถามเช่นนี้ใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันควัน บารมีและรัศมีเทพนักรบซึ่งสั่งสมมาในกองทัพหลายสิบปี ต่อให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์จนตรอกเพราะกองทัพนับหมื่นพันก็ไม่เคยขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อถูกถามเช่นนี้ ก็ราวถูกโจมตีแตกพ่ายในรวดเดียว
ชั่วชีวิตของเขา ไม่รู้ฆ่าคนไปเท่าไร
วิญญาณที่ตายใต้เท้ากองทัพเขา หากไม่เป็นสิบล้านก็ร้อยล้านดวง
แต่ว่า ราชโองการสังหารประชาชนในด่านเมืองมังกรครั้งนี้ แต่เดิมในใจของเขาก็มีความรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ เมื่อถูกหลี่มู่ถามเช่นนี้เข้า ความรู้สึกผิดรางๆ จึงพลันถาโถมประดุจเขื่อนแตกจะจมเขาให้มิดอย่างไรอย่างนั้น กระทั่งว่าทำให้เขามีความคิดชั่ววูบว่าจะก้มหัวลง
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทพนักรบที่เข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน จึงฝืนทำจิตใจให้มั่นคง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “คำสั่งของจักรพรรดิ ขุนพลต้องทำตาม ดำเนินตามคำบัญชา ทำอะไรไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา