ธนูล่าสัตว์ดอกแรกที่ยิงออกไปสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้กระทั่งว่าเป็นธนูสังหาร
ใต้แสงจันทรายามราตรี จิตวิญญาณของหลี่มู่ผสานเป็นหนึ่ง พลังโคจรอยู่ในร่างกาย
กระดูกสันหลังของเขาปลดปล่อยพลังปะทะออกมาราวกับมังกร พลังที่แข็งแกร่งทะลักออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ธนูสีเงินถูกง้างออกหนึ่งในสามแล้วอย่างเงียบงัน นี่เป็นระดับมากที่สุดเท่าที่เขาง้างสายธนูได้ จากนั้นนิ้วมือก็ปล่อยออก ลูกศรเขี้ยวหมาป่าแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าดำมืดฉีกแยกท้องฟ้ายามราตรี
……
บนถนนภูเขา
อู่เปียวควบพาหนะตะบึงไปอย่างบ้าคลั่ง
จิตสังหารและความโกรธแค้นในใจของเขาลุกไหม้ดุจไฟอันร้อนแรง ราวกับจะแผดเผาให้ทุกสิ่งสูญสิ้นอย่างไรอย่างนั้น
บุตรชายตายแล้ว
สายเลือดของเขาสิ้นสุดลงแล้ว
ถึงแม้ไม่กี่ปีมานี้เขาฉุดสาวงามมาไม่น้อย ฮูหยินโจรในค่ายลมโชยมีหลายสิบคน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอะไร อย่างไรก็ไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้แม้แต่คนเดียว เขาจึงฝากความหวังสูงสุดไว้กับอู่เฟยหลงบุตรชายคนเดียวของตน สามารถพูดได้กระทั่งว่าเป็นหนึ่งในสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
แต่คิดไม่ถึงว่าบุตรชายคนสำคัญกลับตายอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีอันตรายอะไรแม้แต่น้อยแห่งหนึ่ง
อู่เปียวในเวลานี้ก็เหมือนกับภูเขาไฟที่อัดอั้นถึงขีดสุดจวนเจียนจะระเบิดออกมาเต็มที
ไฟแห่งโทสะนั้นปะทุออกมาเมื่อใด จะทำลายทุกแห่งหนให้ราพณาสูร
เขาอยากจะสังหารล้างบางเต็มที แทบจะรอให้ถึงเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ไม่ไหวแล้ว
เบื้องหน้าเห็นทางแยกฮั่นอยู่ลิบๆ
“ใกล้แล้ว ผ่านทางนี้ไปไม่ไกลก็เป็นเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว อาศัยช่วงกลางคืนบุกเข้าไปเผาฆ่าปล้นชิง เปลี่ยนให้ทั้งเมืองกลายเป็นนรกอสุรภูมิ สัตว์ใดๆ ก็ไม่ละเว้นไว้ ให้เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ หัวและตัวของทุกคนต้องแยกออกจากกัน พวกมันต้องตายตกไปพร้อมกับลูกชายข้า…ลูกเอ๋ย ให้พวกมันไปคุกเข่าสำนึกผิดกับเจ้าในนรกเถอะ”
อู่เปียวตั้งใจเด็ดเดี่ยว
แต่ในตอนนี้เอง สังหรณ์อันตรายที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุพลันทะลักล้นในใจของเขา
ความรู้สึกอันตรายที่น่าประหลาดปกคลุมเขาเอาไว้
‘แย่แล้ว…’
ในใจของเขาร้องลั่น ดาบพิชิตอาชาสีเลือดที่กำอยู่ในมือวาดฟันออกไปตามสัญชาตญาณ
บึ้ม!
สะเก็ดไฟระเบิดออกทันทีท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
ประกายไฟสาดกระจาย
ดาบยักษ์ฟันโดนอะไรบางอย่าง เศษเหล็กแตกกระจัดกระจาย เสียงครืนครานน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นอย่างฉับพลัน
เสียงสนั่นหวั่นไหวก้องไปทั่วสามสี่สิบลี้
อู่เปียวรู้สึกเพียงว่าแขนทั้งสองสั่นสะท้าน บริเวณหูโข่ว[1]ร้อนวาบ ถึงแม้เขาจะโคจรกำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็เหมือนร่างกายยังคงลอยคว้างไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วน ‘เสือดำลายเบญจมาศ’ ใต้ร่างส่งเสียงครวญคราง ท่ากระโจนหน้าชะงักค้าง กระเด็นโซซัดโซเซไปข้างหลัง
ตูม ตูม ตูม!
กองทหารม้าโลหิตไม่ทันตั้งตัว ได้รับความเสียหายมหาศาลทันที
ร่างราวเจดีย์เหล็กของอู่เปียวลอยกลับมา กระแทกเข้ากับม้าศึกตัวแรก
ได้ยินเสียงกระดูกแตกกรอบๆ ดังมาทันที
ม้าศึกและคนที่อยู่บนหลังม้าตัวระเบิดออกเป็นชิ้นเหมือนเศษเนื้อเละๆ
ร่างของอู่เปียวก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกระเด็นไปข้างหลัง ชนม้าศึกสี่ตัวและจอมยุทธ์ค่ายลมโชยสามคนตายติดๆ กันจึงจะร่วงถึงพื้น โซเซถอยหลังไปสี่ห้าก้าว ทิ้งรอยเท้าจมลึกสิบก้าวไว้บนหินผาถึงค่อยตั้งตัวได้
“ศัตรูโจมตี!”
“มีกับดัก”
“หยุดม้า เร่งป้องกัน!”
เสียงตะโกนตกใจลนลานดังรับกันเป็นช่วงๆ
กองทหารม้าโลหิตถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของค่ายลมโชย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่โจรเท่านั้น ไม่ใช่กองกำลังทหารตามมาตรฐาน ประกอบกับก่อนหน้านี้ควบทะยานมาหลายสิบลี้อย่างบ้าคลั่งโดยไม่เสียดายกำลังม้า ทำให้เสียกำลังไปส่วนหนึ่ง ในตอนนี้พลังลดลงมาก จู่ๆ ถูกลอบโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ จะไม่แตกตื่นวุ่นวายได้อย่างไร
เสี้ยวขณะที่อู่เปียวแตะพื้น ร่างกายชะงักไปเล็กน้อย พลังปราณภายในที่แข็งแกร่งโคจรจนถึงขีดสูงสุด
กำลังภายในถูกปลดปล่อยออกมา
พลังแสงสีแดงสดพันล้อมรอบกาย ราวกับเปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างไรอย่างนั้น
เขากำดาบพิชิตอาชาเล่มใหญ่ยักษ์เอาไว้ สีหน้าราบเรียบดุจน้ำนิ่ง คำรามอย่างโกรธแค้น
“เจ้าหนูสกปรกจากที่ไหนมาทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบซุ่มยิง ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก”
เสียงประดุจเหล็กและหินกระทบก้องแผ่มาด้วยคลื่นกำลังภายในที่ไร้เทียมทาน โหมซัดไปยังป่าลึกที่ดวงจันทร์สองดวงลอยเด่นราวกับคลื่นคลั่งกระทบโขดหิน สะเทือนจนต้นไม้โดยรอบล้มครืน ใบไม้ปลิวว่อน หินผาสั่นไหว พลังของเขาชวนให้คนหวาดกลัวยิ่งนัก
ทั่วรัศมีหลายลี้ หมู่นกมากมายนับไม่ถ้วนบินแตกตื่นหนีไป
เพียงชั่วพริบตาที่รวดเร็วยิ่งเมื่อครู่ อู่เปียวพิจารณาได้แค่ว่าพลังอันน่าหวาดหวั่นที่ลอบโจมตีตนเองคือธนูดอกหนึ่ง
แต่ลูกธนูที่แฝงพลังน่าสะพรึงดอกนี้ยิงมาจากทิศทางใดกันแน่ เขาไม่สามารถจับทางได้เลย
ในราตรีอันมืดมิด สายลมหวีดหวิว
เงามืดรอบบริเวณเต็มไปด้วยจิตสังหารนับไม่ถ้วน
ชั่วขณะนี้ ชื่อนักธนูยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดสามสี่คนในบริเวณหลายร้อยลี้ลอยขึ้นมาในหัวของอู่เปียว แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
เพราะนักธนูยอดฝีมือที่เขารู้จักพวกนี้ไม่มีทางยิงธนูสะเทือนเลื่อนลั่นเช่นเมื่อครู่ได้แน่นอน
อานุภาพของธนูดอกนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความกลัวที่น่าขนพองสยองเกล้าเช่นกัน
หากไม่ใช่ว่าอู่เปียวบรรลุถึงขีดสูงสุดของขั้นรวมจิต ไปถึงจุดหักเหขั้นที่สูงยิ่งกว่า จนเกิดสัมผัสเหนือมนุษย์ รับรู้อันตรายได้ล่วงหน้าในชั่วพริบตา มิฉะนั้นถ้าถูกธนูดอกนี้ยิงเข้า เขาจะต้องกลายเป็นเศษเนื้อกลางกองเลือดอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา