จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 47

บทที่ 47 สู้ระยะประชิด
ProjectZyphon
ต่อจากนั้น เหตุการณ์เช่นเดิมก็เกิดขึ้นอีก

พลังสีดำอีกสายหนึ่งพุ่งเข้ามา เจาะทะลวงกระบวนทัพเม่นโลหะที่ถูกโจมตีจนแหว่งเกิดเป็นรอยเลือดแห่งความตาย

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยวขณะเหมือนกับภัยพิบัติ

เวลาไม่ถึงชั่วอึดใจ ลิ่วล้อค่ายลมโชยสี่ห้าสิบคนตายไปในพริบตาราวระเหยเป็นไอ

ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจของลูกสมุนค่ายลมโชยทุกคนอย่างหนักหน่วง

เกราะหนาหนักบนร่างและโล่เหล็กในมือไม่ได้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย

และในเวลานี้ จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากดวงตาของ ‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียวที่ทั้งร่างอาบไปด้วยเลือดของผู้ดูแลสามซึ่งตายไป ดาบใหญ่สีเลือดในมือชี้ไปข้างหน้า ก่อนคำรามขึ้นอย่างโกรธแค้น “อยู่ที่ไหน…ลากตัวมันออกมาให้ข้า”

ในที่สุดเขาก็สัมผัสทิศทางที่ลูกศรน่ากลัวนั่นยิงมาได้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ในกองทหารม้าโลหิตมียอดนักธนูยิงลูกศรออกไปทันที

นักธนูพวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นรวมปราณ ธนูที่ถืออยู่ก็นับเป็นธนูที่แข็งแกร่ง มากพอยิงได้ถึงร้อยก้าว เป็นยอดฝีมือวิชาธนูที่อู่เปียวฝึกฝนมาอย่างดีในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งยังเคยอาศัยพลธนูเหล่านี้และชัยภูมิของค่ายลมโชยโจมตีกองทัพจักรวรรดิต้าฉินจนต้องล่าถอย สังหารผู้แข็งแกร่งสายธรรมมากฝีมือไปไม่น้อย ถือว่าเป็นหนึ่งในไพ่ตายของอู่เปียว

เพียงชั่วขณะ ลูกธนูปลิวว่อนราวพายุฝนท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

เสียงสั่นไหวของสายธนูอันเร็วรี่ปานเสียงสายฟ้าฟาดกระหน่ำ

คันธนูส่งเสียงครืนครานสะเทือนเลื่อนลั่น

ทิศทางที่ยิงออกไปคือยอดหินผาที่หลี่มู่ยืนอยู่

‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียวสัมผัสตำแหน่งที่แน่ชัดได้แล้วจริงๆ

แต่ลูกธนูพวกนี้กลับไม่อาจไปถึงเบื้องหน้าของหลี่มู่ ยิงไปได้ระยะทางแค่ครึ่งเดียวก็แรงตก ส่ายไหวเอนเอียงร่วงลงสู่พื้นเสียแล้ว ยอดฝีมือพลธนูอะไรที่ว่าของค่ายลมโชยช่างเป็นเรื่องน่าขันแท้ๆ

ทว่าสิ่งที่ตอบโต้พวกเขากลับคือลำแสงสีดำสามสาย

ตูม ตูม ตูม!

ยอดฝีมือพลธนูสี่ห้าสิบคนระเบิดกลายเป็นเนื้อเละภายใต้ลูกธนูสามดอกนี้

หลี่มู่ยืนอยู่บนยอดหินผาไกลลิบ ในใจก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคันศรเอามาใช้ในการต่อสู้จริงหลังจากที่สำเร็จวิชาธนู

พลานุภาพมากกว่าการคาดการณ์ของเขาในตอนแรกมากทีเดียว

“สุดยอดไปเลย ธนูเงินใช้ร่วมกับพลังประหลาดน่ากลัวที่ ‘หมัดยุทธ์แท้’ มอบให้ ลูกธนูดอกนี้ยิงออกไปเทียบได้กับปืนสไนเปอร์บาร์เร็ตต์บนโลกเชียวนะ…ไม่สิ เทียบกับปืนสไนเปอร์ยังน้อยไป นี่มันเหมือนกระสุนปืนใหญ่ชัดๆ พลังทำลายล้างแบบนี้น่าตกใจจริงๆ”

ในขณะที่เขาทอดถอนใจ กองทหารม้าโลหิตที่อยู่ไกลๆ ก็บุกโจมตีมา

กระบวนทัพเปลี่ยนไปเหมือนสว่านแหลม ควบม้าไปตามเส้นทางบนภูเขา พุ่งไปยังยอดหินผาราวคลื่นสีเลือด

เมื่อยอดฝีมือพลธนูที่เหลือรอดบุกไปได้ครึ่งทางภายใต้การคุ้มกันจากกองทหารม้าโลหิตก็ง้างธนูยิงอีกครั้ง ฝนธนูนับไม่ถ้วนปกคลุมยอดหินผาเอาไว้ ครั้งนี้ หลังจากดึงระยะห่างเข้ามาใกล้แล้ว ในที่สุดธนูดุจฝูงตั๊กแตนก็ปกคลุมบริเวณที่หลี่มู่อยู่ได้เสียที

ขณะเดียวกัน ลิ่วล้อค่ายลมโชยที่วิชาตัวเบาไม่เลวสี่สิบกว่าคนแบกเชือกตะขอพลางควบม้าเร็วตัวดำขลับเข้าใกล้ยอดหินผาอย่างรวดเร็ว จากนั้นโยนเชือกตะขอในมือไปเกี่ยวบนก้อนหิน แต่ละคนอาศัยแรงจากเชือกปีนเข้าหายอดอย่างว่องไวเหมือนกับลิง

ต้องยอมรับเลยว่าการรับมือของกองทหารม้าโลหิตค่ายลมโชยรวดเร็วและสมเหตุสมผลมาก

ดาวดวงนี้เป็นโลกแห่งวิถียุทธ์ ในอากาศมี ‘พลังวิญญาณ’ ที่ซินแสเฒ่าบอกไว้ ทุกคนสามารถฝึกวิทยายุทธ์ได้ เพิ่มพลังกายได้ ทั้งยังมีพลัง ความเร็ว และทักษะที่เหนือกว่าคนบนโลก ดังนั้นระดับของการต่อสู้ด้วยอาวุธจึงล้ำหน้ากว่ายุคโบราณของโลกมาก กองทหารม้าโลหิตข้างหน้านี้เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือของค่ายที่ยึดครองภูเขาตั้งตนเป็นใหญ่ ทว่ายังมีปฏิกิริยาเช่นนี้ สามารถจินตนาการได้เลยว่ากองกำลังทหารของสามมหาจักรวรรดิจะน่ากลัวถึงขั้นใด

หลี่มู่เห็น ‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียว คนบ้าแซ่อู่นี่ไม่ได้อาศัยพละกำลังไร้เทียมทานของตนบุกโจมตีมาในทันที แต่กลับรั้งท้ายอยู่กับนายทหารคนสนิทบางคน กำลังสังเกตและวิเคราะห์ เหมือนกับราชาหมาป่าที่กำลังโมโหรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้

คนบ้าแซ่อู่ก็มีเวลาที่สงบเช่นกัน

ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้หลี่มู่ล่าถอย

‘ในเมื่อเป็นแบบนี้…ดูสิว่าเจ้าจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่’

หลี่มู่ตัดสินใจเพิกเฉยต่อลูกธนูปลิวว่อนทั่วฟ้าที่ยิงมาหา ส่วนธนูสีเงินในมือก็ง้างออกไม่หยุด เขาสำแดงวิชายิงธนูติดกัน ยิงธนูเขี้ยวหมาป่าซึ่งทำขึ้นพิเศษสิบกว่าดอกที่เหลืออยู่ออกไปในรวดเดียว

ในขณะเดียวกัน ลูกธนูของกองทหารม้าโลหิตก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าของหลี่มู่ดั่งเม็ดฝน

แต่หลังจากผ่านระยะที่ไกลขนาดนั้น แรงของลูกศรพวกนี้ก็ตกลงไปแล้ว อีกทั้งการระดมยิงของกองทหารม้าโลหิตส่วนใหญ่ไม่แม่นทั้งสิ้น ลูกธนูส่วนมากตกอยู่บนก้อนหินหรือต้นสนข้างๆ มีบางดอกที่ยิงโดนร่างของหลี่มู่ แต่เหมือนแค่ถากๆ ไป ไม่ได้ทะลุร่างและผิวกายที่ผ่านการยกระดับจาก ‘พลังก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ กลับกระเด้งออกมาประหนึ่งยิงใส่หนังสัตว์หนาสั่งทำพิเศษ…

และสิ่งที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงก็คือ ลูกศรเขี้ยวหมาป่าที่หลี่มู่ยิงออกมาเหมือนกับจรวดนำวิถีจับเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โจมตีไปยังพวกลิ่วล้อแนวหน้าที่บุกขึ้นมาและกองพลธนูบนเส้นทางข้างล่าง พลานุภาพน่าอัศจรรย์สร้างการโจมตีประเภททำลายล้างในทันที ลิ่วล้อค่ายลมโชยร้อยกว่าคนโดนยิงร่างระเบิด แขนขาฉีกแยกเป็นชิ้นๆ ขณะเดียวกันภูเขาและหินผาระเบิดแหลกลาญ ฝุ่นธุลีฟุ้งกระจาย ทับลิ่วล้ออีกบางส่วนบาดเจ็บล้มตายไปอีก..

นี่คือการฆ่าล้างสังหารอยู่ฝ่ายเดียวโดยแท้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา