จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 483

ซ่งเหนือ เมืองหลวงใหม่

จวนปาเสียนอ๋อง

“ตัดสินใจแล้วจริงหรอ?” หลี่มู่มองหวางซืออวี่ ท่าทางตะลึงไป เล็กน้อย

หวางซืออวี่ยิ้มพยักหน้า “ใช่แล้ว ไม่กลับไปแล้ว”

หลี่มู่เงียบงัน

เขามารับหวางซืออวี่

แต่คําตอบที่ฝ่ายหลังให้คือตอนนี้ยังไม่คิดจะกลับโลก

“ไม่อยากกลับไปหาพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรอ?” หลี่มู่อดเอ่ยปากโน้ม น้าวไม่ได้

หวางซืออวี่ลุกยืนขึ้น เดินมายังศาลาริมน�า มองระลอกคลื่นน�า พรายระยับ ท่าทียิ่งสงบลงอีกมาก มองอยู่นานถึงจะหมุนตัวกลับมา “เสี่ยวมู่ หลังจากกลับไปแล้วช่วยดูแลพ่อแม่เราได้ไหม? เราเตรียมของ บางอย่าง เธอช่วยเราเอากลับไปให้พวกท่านหน่อย มันมากพอที่จะทํา

ให้พวกท่านอายุมั่นขวัญยืน สุขสบายไปตลอดอายุขัย หากมีโอกาสล่ะก็ เราจะกลับไปหาพวกท่านเอง”

“อะไรก็ไม่สู้เธอกลับไปหาพวกท่านเอง” หลี่มู่มองตาหวางซืออวี่ เอ่ยยืนยัน

หวางซืออวี่ยิ้มขมขื่นพลางส่ายหน้า

“หลังจากได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดบนโลกใบนี้ หากไม่ลงมือทํา อะไรให้สําเร็จในฟ้าดินแบบนี้แล้ว จะไม่เป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดหรอก หรอ เราไม่อยากพลาดโอกาส” เธอมองหลี่มู่พลางเอ่ย “เราอยากกุม ชะตาชีวิตของตัวเองเหมือนกับนายเสี่ยวมู่”

หลี่มู่ตอบ “เราหาเส้นทางฝึกฝนให้เธอได้ หลายปีมานี้ เราก็หาอยู่ ตลอด ในเมื่อจักรพรรดิเซียนหมิงกวงบอกว่าเธอเป็น ‘กายศักดิ์สิทธิ์ จรัสแสง’ อย่างงั้นก็ต้องมีวิชาฝึกฝนของเธอ… ”

หวางซืออวี่ลังเลเล็กน้อย “เสี่ยวมู่ เราหาเจอแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เรา ขาดคือเวลา หากตอนนี้กลับโลก อย่างนั้นแล้วเส้นทางของเราจะขาด ลง”

หลี่มู่มองหวางซืออวี่ ก่อนจะถอนหายใจ

“อันที่จริงนายก็รู้มาโดยตลอดไม่ใช่หรอ?” หวางซืออวี่มองหลี่มู่ ใบหน้ายิ้มพลางเอ่ย “บนโลกใบนี้จะมีอะไรรอดจากสายตานายไปได้? เสี่ยวมู่ ขอบคุณที่อดทนกับเราขนาดนี้มาโดยตลอด หากเปลี่ยนเป็นคน อื่น คงตายเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วใช่ไหม?”

หลี่มู่พยักหน้า “หากคนคนนั้นไม่ใช่เธอ อย่างนั้นก็หายไปตั้งนาน แล้ว”

หวางซืออวี่ตอบ “ดังนั้น เสี่ยวมู่ ขอบใจนายมาก ขอบใจนายมากๆ จริงๆ”

หลี่มู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไปอีก

“ในเมื่อเธอไม่อยากกลับไป อย่างนั้นเราก็ไม่บังคับเธอ ทุกคนมี สิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง หลังจากกลับโลกไปแล้ว เราย่อมดูแล คุณน้าคุณอาแน่นอน ในเมื่อเธอมาโลกใบนี้ เพราะเราเป็นเหตุ” หลี่มู่ พูด “แต่เราว่า ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขอะไร คนที่พวกเขาอยากเจอ มากยิ่งกว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นเธอ”

หวางซืออวี่นั่งลงอย่างสบายๆ มือเท้าแก้ม นั่งพิงกับรั้วศาลา “เรา กลับไปแน่ ต้องกลับไปแน่นอน…แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้”

ทั้งสองคนไม่พูดเรื่องนี้กันอีก

ทั้งช่วงบ่าย ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้หินข้างสระน�าจวนปาเสียนอ๋อง พูดคุยหัวเราะ เรื่องที่พูดคุยล้วนเป็นเรื่องสนุกในอดีตสมัยมัธยมต้น ตอนอยู่บนโลก

เวลาเหมือนไหลย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน วัยหนุ่มสาวที่ผ่านไป อย่างเร่งร้อนในรั้วโรงเรียน

โดยเฉพาะงานเลี้ยงรวมต่างๆ ตอนจบมัธยมต้น เพื่อนนักเรียนดื่ม เหล้าด้วยกัน ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน ทุกอย่างชัดเจนเหมือนว่า ปรากฏอยู่ตรงหน้า

ดวงอาทิตย์ลับฟ้า

ทั้งสองคนนิ่งเงียบอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อแสงอาทิตย์แสงสุดท้ายที่ขอบฟ้าหายลับไปจากเส้นขอบฟ้า หลี่มู่ก็ลุกยืนขึ้น

เขามองไปยังเพื่อนร่วมโต๊ะดาวโรงเรียนในอดีต เวลาผ่านไป เธอ ยิ่งสวยขึ้น ตอนอยู่ที่โรงเรียน เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของ ตัวเอง กล้ารักกล้าเกลียด นิสัยแตกต่างกับฮวาเสี่ยงหรงโดยสิ้นเชิง

เขารู้ โน้มน้าวต่อไปก็ไร้ประโยชน์

มีคําพูดในใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร

หวางซืออวี่เงยหน้าเล็กน้อย หลับตาพริ้มลง แสงอาทิตย์อัสดงสี ทองกลุ่มสุดท้ายต้องกระทบบนใบหน้าของเด็กสาว เหมือนฉาบไว้ไว้ ด้วยประกายแสงทอง เธอเอ่ยขึ้นเหมือนฝันละเมอ “เสี่ยวมู่ จูบเราที”

หลี่มู่ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ย “รักษาตัวด้วย”

พูดจบก็หมุนตัวจากไป

ไม่นาน แสงอาทิตย์กลุ่มสุดท้ายก็หายไปจากเส้นขอบฟ้า ความมืด ปกคลุมผืนโลก หมอกลงหนานแน่น หวางซืออวี่ลืมตาขึ้นช้าๆ เพียงแต่ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน�าตา

เธอรู้ ของบางอย่างเมื่อสูญเสียไป ก็จะสูญเสียไปตลอดกาล

“รักษาตัวด้วย”

มองทางที่หลี่มู่จากไป เธอพูดขึ้นเหมือนพูดกับตัวเอง

ฝ่ามือยกขึ้นเล็กน้อย ประกายแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งเปล่งประกายที่ กลางฝ่ามือของเธอ ประหนึ่งภูตแห่งเปลวไฟ

นิ้วมือทั้งห้าของเธอขยับเหมือนดีดเปียโน ประดุจดอกบัวที่บาน เต็มที่แล้วหุบลง ก่อปางมือไม่หยุด

แสงไฟสีม่วงนั่นไหลวนไปมาระหว่างนิ้วทั้งห้า

คลื่นพลังที่รางเลือนแต่กลับแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็เกิดขึ้นกลาง ฝ่ามือของเธอ ไหววูบวาบ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ สุดท้ายก็เหมือน ไฟสีม่วงลุกโหมร้อนแรงกลุ่มหนึ่ง ปกคลุมเธอเอาไว้ทั้งร่าง

……

ทุ่งปิดภูผา จอมยุทธ์ดาบชิวอิ่นห่างจากเทวะขั้นสุดยอดเพียงแค่ก้าวเดียว

เขาคือผู้สืบทอดที่หลี่พั่วเยวี่ยอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ เป็นคุณสมบัติ พรสวรรค์ หรือความสามารถในการเรียนรู้ล้วนไม่ขาด เพียงแต่สภาพจิตใจยังไม่พร้อม ภายหลังได้โอกาสจากฟ้านิจนิรันดร์ ได้ ‘กระบี่เทพแปลงโลหิต’ อาวุธยอดเยี่ยมเช่นนี้ เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาก็ฟื้ นฟู ทุ่งปิดภูผา

ทุ่งปิดภูผาในตอนนี้ฟื้ นฟูสู่สภาพรุ่งเรืองอย่างในอดีตแล้ว สังหารผู้ ทรยศ เป็นสํานักเทพอันดับหนึ่งของฉินตะวันตก รุ่งเรืองกว่าตอน ‘เก้า ชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ยยังอยู่ รากฐานพลังลึกล�า แน่นอน เทียบกับ เมืองขาวพิสุทธิ์ที่ตั้งตัวเป็นอีกเมืองไปแล้ว นั่นยังห่างชั้นกันอีกไกล

เก้าสํานักเทพในอดีต สถานะในวันนี้แตกต่างกันไป

จวนปีศาจสวรรค์เพราะมีนกเผิงปีกทองยังคงโดดเด่น สํานักมหา วารีและสํานักฟ้าครามล่มสลาย สํานักเขาเมืองมรกตก็ถูกตระกูลหนาน กงโจมตี เต้าหลิงเจ้าสํานักสู้ตาย ผู้สืบทอดที่เต้าฉงหยางเจ้าสํานักใน อดีตเป็นผู้เลือกเองรับตําแหน่งเจ้าสํานัก จัดระเบียบสํานักใหม่ เพียงแต่ ผ่านศึกใหญ่ แตกแยกและไฟสงครามหลายต่อหลายครั้ง เสียหายอย่าง หนัก คิดอยากจะฟื้ นฟูไม่รู้ว่าปีใดยามใดกัน วิหารเทพอาทิตย์เผ่าทราย หดหัวอยู่ในใต้ทะเลทรายลึก ฝืนยืดลมหายใจออกไปวันๆ สํานักบัณฑิต ถามเต๋าเพราะคนบ้าตําราเว่ยอู๋ปิ้ งรบตายจึงล่มสลาย มีเพียงทุ่งปิดภูผา ที่อยู่ในมือชิวอิ่นได้รับการฟื้ นฟู

ในนั้น แน่นอนว่ามีปัจจัยอิทธิพลจากหลี่มู่อยู่ด้วย

ในโถงใหญ่ กลิ่นสุราหอมตลบ

บทที่ 483 ดําเนินการเสร็จสิ้นก็สะบัดชายเสื้อจากไป 1

บทที่ 483 ดําเนินการเสร็จสิ้นก็สะบัดชายเสื้อจากไป 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา