หลี่มู่มาถึงโลกใบนี้ เดิมทีไม่ควรจะมีสิ่งที่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ทว่าเรื่องราวบนโลกเหมือนกระแสน�าขึ้นส่วนคนเราก็เปรียบดั่งน�าหยด หนึ่งเท่านั้น คนอย่างไรก็เป็นสัตว์สังคม ต่อให้หลบหลีกอย่างสุด ความสามารถ แต่จะเลี่ยงจากการการสร้างข้อพิพาทกับโลกใบนี้ได้ อย่างไร
ปัญหาที่สําคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ จะนําพาพวกชิงเฟิงหมิงเยวี่ยก ลับไปดาวโลกดีหรือไม่?
ไหนจะยังฮวาเสี่ยงหรง รวมไปถึงทารกน้อยหลี่อันจืออีก ในใจของเขาลังเลเล็กน้อย ดังนั้นเขาเลือกกลับไปยังฐานทีมสํารวจวิทยาศาสตร์ก่อน “อะไรนะ? นายเจอรอยแยกมิติแล้วหรือ?” “พระเจ้าช่วย จริงหรือล้อเล่นเนี่ย?” “เช่นนี้ พวกเราก็สามารถกลับไปได้แล้วหรือ?” “หลี่ นี่นายคงไม่ใช่เทพเซียนสินะ?”
กลุ่มนักสํารวจวิทยาศาสตร์ทั้งยี่สิบเอ็ดคน หลังจากได้ฟังข่าวที่ห ลี่มู่นํามา ก็ได้ตกอยู่ในความตกตะลึงและยินดีอย่างเหลือจะกล่าว
จากการคํานวณเดิมทีของพวกเขา อย่างน้อยต้องใช้เวลานับสิบปี จึงจะสามารถใช้ข้อมูลที่รวบรวมมา จึงจะสามารถคิดคํานวณเค้าโครง ออกมาได้ แต่ว่าตอนนี้…
ข่าวดีมาถึงอย่างกะทันหัน
ซูชั่วและซ่งชางหลินทั้งสองคน ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก
พวกเขาก่อนหน้าคุยกันเป็นการส่วนตัว ยังคุยกันถึงเรื่องที่ว่าพอ เจอเข้ากับรอยแยกมิติ จะปิดบังความลับนี้อย่างไร จะยืนยันความ ถูกต้องของตัวตนหลี่มู่อีกครั้งอย่างไร จะรับประกันได้อย่างไรว่าจะไม่มี อะไรผิดพลาด ทว่าตอนนี้ กลับเป็นหลี่มู่ที่พบเจอรอยแยกมิติแล้ว
“อยู่ที่ไหนหรือ?” ซูชั่วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
หลี่มู่ตอบ “อยู่นอกแผ่นฟ้าของดาวดวงนี้…พวกนายเตรียมตัว เสียก่อนเถอะ หลังจากนี้หนึ่งเดือน พวกเราจะนั่งยานอวกาศ ‘ฮาร์บิน เจอร์’ เราจะพาพวกนายไปที่รอยแยกของมิติ”
เขาไม่ได้บอกเรื่องที่บรรพชนจากโลกเปิดเส้นทางเซียนนี้ออกมา
เพราะหลังจากกลับถึงดาวโลก คนเหล่านี้จะต้องกลับไปยัง ประเทศของตนเอง เรื่องราวเช่นนี้หากแค่แพร่กระจายไปบนโลก จะต้องดึงดูดคลื่นลูกใหญ่มาแน่นอน ใครก็คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ว่า จะดึงดูดเอาคลื่นหรือความน่ากลัวเช่นใดมากันแน่
“ยอดไปเลย ฮ่าๆ ฉันก็คิดไว้แล้ว ว่าเสี่ยวมู่ไม่ได้โกหกพวกเรา” ซ่ง ชางหลินดีใจจนตะโกนออกมา พอคําพูดออกไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมา เหมือนว่าพึ่งจะหลุดอะไรออกไป รีบร้อนหันหน้ากลับมามองซูชั่วข้างๆ
สาวสวยซูถึงกับพูดไม่ออก
หลี่มู่ยิ้มๆ ความรู้สึกของเขาไวขนาดไหน จะมองไม่ออกถึงใจคน เหล่านี้ได้อย่างไร แต่ว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ตอนนี้ ข่าวคราวได้กระจายไปตามกลุ่มสมาชิกทั้งยี่สิบเอ็ดคน
ทุกคนล้วนดีใจจนแทบคลั่งขึ้นมา มีคนตื่นเต้นจนน�าตาไหล มีคน คุกเข่าลงอธิษฐาน บางคนกอดเอารูปของภรรยาและลูกๆ มาจูบ น�าตา อาบนองหน้า!
หลังจากหลี่มู่ออกมาจากฐาน ได้ตรงกลับไปยังเมืองขาวพิสุทธิ์
…
ในเรือนดาบ
“ข้าจะออกจากที่นี่สักพัก”
เขาเรียกหมิงเยวี่ยชิงเฟิงคนสนิทมาอยู่ต่อหน้า
“ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา ข้าจะไปยังสถานที่ที่ไกลมาก อาจจะใช้เวลาไม่นานนักก็กลับมา หรืออาจจะใช้เวลานานแสนนาน ไม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วงเวลาวันคืนต่อจากนี้ จําเป็นจะต้องมีพวกเจ้ามา ค�าจุนเมืองขาวพิสุทธิ์”
การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเขา คือการไม่พาพวกของหมิงเยวี่ย ชิงเฟิงคนจากดาวโลกนี้ไปแม้แต่คนเดียว
เพราะเจียงชิงหรวนเคยบอกไว้ สุสานดารามีการกีดกันสิ่งมีชีวิต และผู้แข็งแกร่งจากภายนอกอย่างแรงกล้า ขนาดจักรพรรดิเซียนหมิงก วง เจ้าของเขี้ยวสัตว์สีขาวในครั้งนั้น วางแผนจะใช้เส้นทางเซียนไปยัง ดาวโลกก็ล้วนล้มเหลว เสียอะไรไปมากมาย พวกของชิงเฟิงหมิงเยวี่ยก็ คงจะไม่ยกเว้น อันตรายเกินไป
นี่หมายความว่า นอกจากหวางซืออวี่และฮัสกี้แล้ว หลี่มู่ไม่สามารถ พาคนสนิทคนใดไปยังดาวโลกได้เลย
“คุณชายวางใจได้ ข้าจะจัดการเมืองขาวพิสุทธิ์ให้ดี” ชิงเฟิงแต่ ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ ยอมรับการจัดวางทุกอย่างของหลี่มู่อย่างไม่มี เงื่อนไข ไม่พูดมาก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เขาพยักหน้าอย่างตั้งใจ ยอมรับ ‘งานสําคัญ’ ของหลี่มู่ในทันที
ชายหนุ่มที่สติปัญญาเกือบจะเป็นปีศาจคนนี้ แต่ไหนแต่ไรก็เป็น คนที่หลี่มู่เชื่อใจมากที่สุดคนหนึ่ง
“ข้าจะไปประกาศต่อภายนอกว่าจะทําการปิดด่าน เพื่อเข้าสู่ขั้น ทะลวงสวรรค์ โลกภายนอกจะไม่รู้ว่าข้าออกไปแล้ว”
หลี่มู่จัดวางต่อไปอีกมากมาย
“ดาบรับใช้ทั้งสี่ หยวนโห่ว ล้วนยังอยู่ที่นี่รับฟังคําสั่งจากเจ้า จาก วันนี้ไปเจ้าจะเป็นเจ้าของของเมืองขาวพิสุทธิ์ เรื่องน้อยใหญ่ทั้งหมด ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า จงใช้ใจตัดสินอย่างไม่ต้องวุ่นวายใจ” หลี่มู่เอ่ยขึ้น
“ชิงเฟิงเข้าใจแล้ว”
“แล้วก็ ปัจจุบันพลังวิญญาณฟ้าดินอยู่ในกระแสขึ้น โลกใหญ่กําลัง จะมาถึง น่ากลัวว่าเพียงไม่นานนัก ดาวดวงนี้จะยกระดับเป็นดวงดาว ระดับเก้า ผู้บําเพ็ญนอกพิภพจะลงมาจุติได้ง่ายขึ้นและจะเริ่มการแย่ง ชิง แต่ว่าเต๋าฟ้าดินจะสะกดพลังของพวกเขาเอาไว้ อย่างน้อยก็ต้อง หนึ่งร้อยปีให้หลังถึงจะขจัดออกไปจนหมด ดังนั้นภายในหนึ่งร้อยปีนี้ ที่นี่จะยังคงเป็นพื้นที่หลักของผู้แข็งแกร่งโลกใบนี้ มีดาบรับใช้ทั้งสี่คอย
ควบคุมและยังมีหยวนโห่วคอยช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีค่ายกลใหญ่ เขาพิสุทธิ์สนับสนุนอีกแรง อนาคตของเมืองขาวพิสุทธิ์น่าจะไม่มี อันตรายสักเท่าไร แต่ว่ายังคงต้องทําการอย่างระมัดระวัง เอาเหล่าผู้ บําเพ็ญนอกพิภพเป็นเหมือนศัตรูในจินตนาการเสีย จะปล่อยวางไม่ได้ แต่เสี้ยวนาที ชิงเฟิง แต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่เคยทําให้ข้าผิดหวัง ครั้งนี้ฝาก เจ้าด้วยนะ”
ชิงเฟิงพยักหน้า
ฟังไปฟังไป นิ้วมือของเขาบีบเอาที่ประคองมือจนขาวซีดไปแล้ว
คนที่ฉลาดเช่นเขา ฟังออกถึงคําอําลาจากคําพูดของหลี่มู่
ส่วนหมิงเยวี่ยกลับเอ่ยขึ้นร้อนรนอย่างไม่คิดอะไร “คุณชาย ท่าน จะไปที่ไหนกัน พาข้าไปด้วยดีกว่าไหม? ข้าชอบออกไปเที่ยวเล่นข้าง นอกที่สุดเลย”
“ดูแลชิงเฟิงให้ดี เจ้าไม่ใช่เคยสาบานไว้ว่าจะปกป้องพี่ชิงเฟิงของ เจ้าหรือ?” หลี่มู่ตําหนิขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา