“เสี่ยวมู่ คืนนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน ในวัดนี่มีผี อาละวาดจริงๆ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว นายอยู่คนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย” ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างกลางๆ ในชุดพรางราคาถูกกําลังล้างหน้าเพื่อ ขจัดคราบดินโคลนออก หัวเราะคิกคักเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องหรอก เชา พวกนายกลับไปเถอะ” หลี่มู่ยิ้มตอบ “อีกสอง วันก็ต้องออกไปทํางานแล้วนี่ ได้ข่าวว่านายกําลังคบกับสาวจากเจียงหู คนหนึ่ง สิ้นปีก็จะแต่งงานแล้ว อย่าให้คนอื่นเขารอนายอยู่ในเมืองสิ”
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าหวางซือเชา และพวกคนหนุ่มที่กําลังยิ้มอยู่ ล้วนเป็นเพื่อนเก่าของหลี่มู่สมัยก่อนทั้งสิ้น เป็นนักเรียนมัธยมต้นใน หมู่บ้านด้วยกัน หลังจากจบมัธยมปลาย สอบไม่ติดมหาวิทยาลัย แต่ว่า ไปเรียนรู้เรื่องการทําอาหารจนได้งานที่ไม่เลวนักในเมืองเป่าจี
วันนี้ได้ยินว่าหลี่มู่กลับมาแล้ว หวางซือเชาจึงขับรถมาหา โดยเฉพาะ นัดฟาเสี่ยวมาช่วยเหลือจัดการวัดหลานเติง ไมตรีจิต ของฟาเสี่ยวในอดีตก็ไม่เคยลืมเลือน พอมาเห็นตอนนี้ก็ยังเต็มไปด้วย มิตรไมตรี
“เหอๆ ก็จริง เสี่ยวมู่อยู่คนเดียวก็ระวังหน่อยนะ จริงด้วยเบอร์ โทรศัพท์ของนายคืออะไรนะ? ยังไม่มีเวลาเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเรามา หาจะติดมาให้นายแล้วกัน เราไปก่อนนะ” หวางซือเชาเอ่ยขึ้น
หลี่มู่ขอบคุณกับเหล่าเพื่อนบ้านอีกครั้ง “ขอบคุณทุกคนที่มาช่วย บูรณะวัดมากๆ เอาอย่างนี้ รอผมจบเรื่องวุ่นๆ แล้ว มากางโต๊ะสรวญเส เฮฮากันหน่อย” ปูโต๊ะงานเลี้ยง เป็นวิถีการขอบคุณญาติมิตรในหมู่บ้าน ที่สืบทอดปฏิบัติกันมา
ทุกคนล้วนหัวเราะร่ากันอย่างคึกคัก
“เช่นนั้นต้องมากินด้วยสักมื้อแล้ว เสี่ยวมู่ตอนนี้ดูอนาคตสดใสอยู่ นะ” คุณปู่จางสูบไปบ์ควันขโมง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หลังจากฟ้าเริ่มมืด ทุกคนก็แยกย้าย
หลี่มู่ซ่อมแซมต่อจนได้รูปร่างของวัดหรานเติงแล้วจึงเข้าพัก
ฟ้ายามค�าคืนค่อยๆ มืดสนิท
สายไฟได้ลากใหม่แล้ว หลีมุ่แขวนโคมไฟใหญ่เอาไว้ด้านในเรือน จากนั้นถอดชุดคลุมออก เริ่มฝึกฝนวิชาในป่าที่ใช้จอบขุดวัชพืชออกไป เหมือนดั่งเช่นเมื่อห้าปีก่อน ตั้งท่า ‘หมัดยุทธ์แท้’ ออกมา
หนึ่งกระบวนหนึ่งท่า ต่อด้วยอีกท่า ฝึกออกมาทั้งหมดเจ็ดกระบวน ซ�าไปซ�ามา เหมือนเป็นการอบอุ่นร่างกาย
บนดาวโลกถึงแม้จะมีพลังวิญญาณขึ้นบางส่วน แต่ก็ยังห่างชั้นกับ ที่แผ่นดินใหญ่เสินโจว ขณะที่หลี่มู่แสดง ‘หมัดยุทธ์แท้’ ก็รู้สึกได้ว่ามัน ยากลําบากกว่าตอนอยู่บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว ประสิทธิภาพการ ฝึกฝนก็ห่างชั้นกันมาก
ฝึกไปครู่หนึ่ง หลี่มู่กลับมายังห้องทําสมาธิ เปิดโทรทัศน์เพื่อเริ่มดู ข่าวสาร
คนในหมู่บ้านดูแลหลี่มู่ดีมาก ตลอดทั้งช่วงบ่ายไม่เพียงแต่มาช่วย ลากสายไฟ กระทั่งสายอินเทอร์เน็ตก็จัดการให้ ตอนนี้เรื่องการจัดการ สิ่งอํานวยความสะดวกเหล่านี้จะทําเอาง่ายๆ ไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วอินเทอร์เน็ตยังอยู่ระดับความเร็วแสง สถานีที่เลือกชมได้ก็มี นับร้อย
“ด้านล่างมีข่าวฉุกเฉินแทรกประกาศขึ้นมาแถวหนึ่ง…”
ภาพของโทรทัศน์เปลี่ยนไปกะทันหัน
“เนื่องจากจุดมืดดวงอาทิตย์ได้เข้าสู่ช่วงปะทุ ส่งผลให้ท้องฟ้าทั่ว โลกที่สูงกว่าพันเมตรขึ้นไปเกิดความปั่ นป่วนของสนามแม่เหล็ก อุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดการขัดข้อง นับตั้งแต่บ่ายวันนี้เป็นต้นไป สนามบิน
ภายในประเทศทั้งหมดจะหยุดทําการ จากข้อมูลของหน่วยงานการบิน พลเรือน ไม่เพียงแต่ภายในประเทศจีนเท่านั้น ในอนาคตอีกระยะหนึ่ง อุปกรณ์การบินทั่วโลกจะถูกระงับการใช้งานชั่วคราว ประชาชนใน ประเทศสามารถเลือกโดยสารรถไฟและรถยนต์เพื่อเดินทาง พาหนะทั้ง สองชนิดนี้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ”
การปรากฏของข่าวนี้ จู่ๆ ได้ดึงดูดเอาความสนใจของหลี่มู่ไป
เครื่องบินหยุดบิน?
ยิ่งไปกว่านั้นยังอีกระยะหนึ่งที่ไม่สามารถบินได้?
เขาคิดขึ้นออกทันที เมื่อคืนวานนี้ ตอนที่ตนเองบินมาจากกานซู่ ใช้ เวลามากกว่าที่ตนเองประมาณไว้พอสมควร น่ากลัวว่าจะไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆ อย่างที่ข่าวประกาศออกมา
แต่ในข่าวบอกว่า เหมือนกับรถไฟและรถยนต์ไม่ได้รับผลกระทบ?
หรือว่าการบินบนท้องฟ้าจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาด แต่การ เดินทางบนพื้นจะไม่มีปัญหา?
นี่มันแปลกๆ แฮะ
……
“จะติดต่อกับหลี่มู่คนนี้ที่พวกเธอพูดถึงได้อย่างไร?”
ในห้องประชุมฐานปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียน ขณะที่หลู่ปิงมาพบ กับซูชั่วและซ่งชางหลินอีกครั้ง อารมณ์สีหน้าได้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม อย่างมาก
“เสี่ยวมู่บอกว่า ถ้าหากจําเป็น สามารถไปยังวัดหรานเติงที่เมือง เป่าจีเพื่อหาเขาได้” ซูชั่วเคยเป็นทหาร ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้า ผู้บังคับบัญชา จึงไม่มีการลังเลสองจิตสองใจ พูดออกมาตรงๆ ทันที
หลี่มู่หลังจากที่ทิ้งที่อยู่เอาไว้ ก็บอกกับซูชั่วและซ่งชางหลินว่าเรื่อง นี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นความลับ สามารถบอกกับคนอื่นได้
หลู่ปิงเอ่ยต่อ “เขาบอกว่าจะยินยอมรับใช้ประเทศชาติใช่ไหม?”
ซูชั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ซ่งชางหลินเอ่ยตอบ “เสี่ยวมู่บอกว่า เขาก็เป็นลูกหลานของพระ เจ้าหวงและเหยียน(คนจีน) ดังนั้นหากประเทศชาติต้องการ เขาจะไม่ นิ่งดูดายแน่นอน”
หลู่ปิงเอ่ยต่อ “หวังว่าเขาจะสามารถออกจากภูเขามาได้…พวกเธอ สองคนไปเตรียมตัวเสีย พรุ่งนี้เช้า ผู้บังคับบัญชาจะเดินทางไปเยี่ยม
เยือนที่วัดหรานเติงด้วยตนเอง หวังว่าพวกเธอทั้งสองจะติดตามไปด้วย ได้ ถึงอย่างไรก็มีเพียงพวกเธอที่รู้จักหลี่มู่”
ซูชั่วเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา เอ่ยว่า “ประเทศเราวุ่นวายขึ้นเร็ว ขนาดนี้เลยหรือ? เป็นเพราะเรื่องของฮาร์บินเจอร์ใช่ไหม?”
หลู่ปิงพยักหน้าเอ่ยตอบ “ยอดฝีมือจากเจ็ดประเทศมหาอํานาจ ล้วนเข้ามาแล้ว ยอดฝีมือระดับเอสจากองค์กรแห่งความจริง อัศวินโต๊ะ กลม สวนใบเมเปิล แผ่นน�าแข็ง กลุ่มมังกรดํา กลุ่มนักปราชญ์นับสิบคน ล้วนแทรกเข้ามาด้วยวิธีการต่างๆ ประกอบกับการเปิดของวิมาน เทือกเขาฉินใกล้เข้ามา ดังนั้นคนของพวกเราได้ถูกทําลายลงไป บางส่วนจนใช้งานไม่ได้แล้ว ถ้าหากหลี่มู่เป็นอย่างที่พวกเธอพูดจริง มี พลังไร้เทียมทาน ก็อาจจะสามารถช่วยเหลือพวกเราได้”
“ฉันไป” ซูชั่วพยักหน้าเอ่ยขึ้นทันที
ทหารหญิงที่ผึ่งผายงดงามคนนี้ ส่วนลึกในใจก็ยังหวังว่าหลี่มู่จะ สามารถรับใช้ประเทศชาติ ในเมื่อครั้งนี้ฝ่ายทหารได้ยื่นเจตนาดีให้ก่อน ดังนั้นเธอจึงยินยอมที่จะไปพูดกล่อมหลี่มู่ด้วยตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา