ซินแสเฒ่ามีที่มาอย่างไร หลี่มู่ก็ยังไม่ชัดเจน แต่ว่าไม่เล็กอย่าง แน่นอน ยืนยันไปได้หลายครั้งแล้ว
ปริศนากําลังจะถูกไขกระจ่าง
หลี่มู่เดินผ่านประตูโค้ง ‘จารีตแห่งเซ่าจู่’ มาถึงยังประตูใหญ่วัด หรานเติง
ทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม
แต่หลี่มู่สีหน้าเปลี่ยนไป ในใจจู่ๆ เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น
เพราะรอบๆ ประตูใหญ่วันหรานเติง วัชพืชรกครึ้ม ทางเดินเล็กๆ ที่เกิดจากรอยเหยียบเมื่อห้าปีก่อนหน้าได้ถูกต้นหญ้าปกคลุมขึ้นอีกครั้ง
ประตูใหญ่เปิดแง้มไว้ กรอบประตูด้านบนมีหยากไย่ขึ้น
ผลักประตูใหญ่เข้าไป ในตัวเรือนมีหญ้าขึ้นรก ห้องโอสถด้านข้างก็ อยู่ในสภาพพังไปเสียครึ่ง ห้องทําสมาธิหลายห้องก่อนหน้าที่เอาไว้วาง สิ่งของ ประตูหน้าต่างล้วนผุพัง ผ่านลมผ่านฝนจนเก่าแก่ทรุดโทรม
เสียงจากการที่ประตูถูกหลี่มู่ผลัก ทําเอานกป่าตกใจจนบินหนีหาย ออกไปในท้องฟ้ายามค�าคืน
ในเรือนหลัง ป่าเล็กๆ ที่หลี่มู่มักจะมาฝึก ‘วิชาก่อนกําเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ ตอนนี้ได้ทรุดโทรมลงอย่างมาก วัชพืชสูงเท่าเอวคน ขึ้นมาอย่างแน่นขนัด คันดินแปลงผักข้างๆ ก็ไม่เหลือเค้าเดิมไปนาน แล้ว
ห้องครัวที่หลี่มู่มักจะมาทํากับข้าวพังทลายไม่มีชิ้นดี บ่อน�าที่ประตู ก็แห้งขอด
ลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีลอยขึ้นมาในใจ
หลี่มู่ค้นหารอบวัดหรานเติงทั้งหมดอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง แต่ทว่า ก็ไม่เจอร่องรอยของซินแสเฒ่าเลย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ซินแสเฒ่าจากไปแล้วหรือ?
หลี่มู่ลองค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ยังไม่พบกับร่องรอยใดๆ
เขากระทั่งใช้เนตรสวรรค์ส่องดูรอบด้านสี่ทิศ ก็ยังไม่พบกับ เบาะแสใดๆ ใช้ ‘คาถาเพรียกหา’ เพื่อค้นหาสัมผัสถึงร่องรอยของ ซินแสเฒ่า แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย
แปลกมาก ราวกับว่าชายชราถ่อยๆ ในความคิดของหลี่มู่คนนั้น เป็นเพียงแค่ความทรงจําแต่ไม่มีตัวตนจริงๆ
นี่ทําเอาหลี่มู่ผิดหวังอย่างมาก เวลาเดียวกันก็รู้สึกกังวลไปด้วย
ซินแสเฒ่าคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ?
หลี่มู่กังวลจนพะว้าพะวัง เพียงครู่เดียวก็กระวนกระวายขึ้นมา
ตลอดมา ซินแสเฒ่าเป็นเหมือนเสาเอกในใจของหลี่มู่ ถึงแม้จะไม่ ค่อยได้เรื่องได้ราวและยังทําตัวถ่อยๆ แต่สําหรับหลี่มู่แล้ว เขาก็เป็น เหมือน ‘อาจารย์แห่งการใช้ชีวิต’ อย่างไรอย่างนั้น
หลี่มู่ที่ไม่ยอมเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ในแผ่นดินใหญ่เสินโจว เข้าไป แย่งตําแหน่งผู้นํากับพวกผู้บําเพ็ญนอกพิภพในทางช้างเผือก ไม่ได้ พัฒนาพลังของตนเองให้มากขึ้น ก็เพราะว่า อยากจะกลับมาที่ดาวโลก มาหาซินแสเฒ่าเพื่อแก้ไขปริศนามากมาย
แต่ว่าตอนนี้ วัดหรานเติงกลายเป็นพื้นที่รกร้าง ซินแสเฒ่าก็หายไป ไร้ร่องรอย
หลี่มู่เกิดความรู้สึกเหมือนสูญเสียเสาเอกไปในทันที
มองจากเค้าลางในตัววัดที่รกร้าง เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนมาดูแลที่นี่ อย่างน้อยสองถึงสามปีแล้ว หรือก็คือ สองถึงสามปีก่อนหน้า ซินแสเฒ่า ก็ได้จากที่นี่ไป
หลี่มู่นั่งอยู่ที่ประตูห้องทําสมาธิของซินแสเฒ่าในอดีต อดเหม่อ ลอยขึ้นมาไม่ได้
เขากําลังคิด ว่าซินแสเฒ่าออกจากวัดหรานเติงเพื่อไปยังสถานที่ ไหน หรือว่าได้ออกไปจากโลกใบนี้แล้วกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ถ้าว่ากันตามหลักการ หาก ซินแสเฒ่าจะจากไป ก็ควรจะทิ้งสิ่งของที่จะเป็นเบาะแสการชี้แนะไว้ บ้าง มิเช่นนั้นถ้าตนเองกลับมาหลังจากผ่านไปยี่สิบปี จะไปหาตัวเขาได้ จากที่ไหน?
พูดอีกด้าน ด้วยพลังบําเพ็ญของหลี่มู่ในตอนนี้ ขอแค่บนโลกมีคน เช่นนี้อยู่สักคนหนึ่ง ด้วยวิชา ‘คาถาเพรียกหา’ หรือวิชาหวนอดีต ก็ สามารถที่จะค้นหาร่องรอยเพื่อสืบเสาะไปได้แน่นอน
แต่ทว่า เมื่อไม่มีร่องรอยทิ้งไว้ หลี่มู่ก็ไม่สามารถหาร่องรอยเพื่อ สืบเสาะใดๆ ได้เลย
ราวกับว่ามีผู้ใช้อภินิหาร ใช้วิชาลึกลับที่สูงส่งปิดบังร่องรอย ทั้งหมดเอาไว้
นี่มันยิ่งเหลวไหลไปอีก
หลี่มู่ไม่คิดว่า บนโลกใบนี้จะมีการคงอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าผุ้ใช้ อภินิหารที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองอยู่อีก
เขานั่งอยู่ที่ประตูห้องทําสมาธิ ครุ่นคิดถึงหนึ่งคืนเต็ม
เช้าวันใหม่มาถึง แสงตะวันยามเช้าสาดส่องวัดหรานเติง
ในหมู่บ้านด้านล่าง เสียงไก่เสียงสุนัขเริ่มดังขึ้น ช่วงเวลาฤดูใบไม้ ร่วงเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ในเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งของทั้งปีที่ ในหมู่บ้านจะยุ่งมากที่สุด
หลี่มู่เดินออกมาจากในวัด
บนถนนในหมู่บ้าน มีชาวนามากมายที่กําลังเร่งรีบออกไปยังไร่นา เพื่อทําการเก็บเกี่ยว
“ท่านอาจางซาน อาสะใภ้ พวกท่านสองคนยังดูสุขภาพแข็งแรง อยู่เลย” หลี่มู่มองคนคุ้นเคยเหมือนห้าปีก่อน หัวเราะและทักทายขึ้น
“หนุ่มน้อย เธอคือ…เอ๋ หน้าตาคล้ายเสี่ยวมู่เลย คงไม่ใช่เสี่ยวมู่ตัว จริงหรอกนะ?” อาจางซานมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด ระหว่างคิ้วก็นึกขึ้นออก เด็กหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้าคนนี้ ก็ คือหลี่มู่คนนั้นเมื่อห้าปีก่อน
อาจางซานเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “เสี่ยวมู่ เธอหนีออกมาจาก ในเขาลึกได้แล้วหรือ?”
“อะไรนะ?” หลี่มู่งงไปทันที
อะไรคือหนีออกมาจากเขาลึก?
อาสะใภ้บอกต่อ “ห้าปีก่อน เธอหายตัวไป อาจารย์หลี่บอกว่าถูก พวกพ่อค้าลวงไปขายเป็นคนขุดถ่านหินในภูเขาไปแล้ว…”
หลี่มู่ “…”
ซินแสเฒ่านี่สมแล้วที่เป็นพวกประสาท กระทั่งคําโกหกแบบนี้ก็ยัง พูดออกมาได้
“จริงๆ แล้วผมแค่ถูกปู่ส่งไปเรียนที่ด้านนอกเท่านั้น ปีนี้พึ่งจะจบ การศึกษา ดังนั้นจึงรีบกลับมา” หลี่มู่ทําได้เพียงกลบเกลื่อนคําโกหกไป “เป็นโรงเรียนทหารแห่งหนึ่ง อยู่ในระบบปิดทั้งหมด ไม่ให้พก โทรศัพท์มือถือกับเขียนจดหมาย ดังนั้นห้าปีมานี้จึงไม่ได้กลับมาเลย”
“อย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นก็ดีแล้ว ตอนนั้นพวกเราได้ยินอาจารย์หลี่ บอกว่าเธอถูกหลอกไปขายก็กังวลกันเป็นอย่างมาก ยังรวมตัวกันไป แจ้งความด้วย แต่สุดท้ายก็ตรวจสอบอะไรไม่ได้ ต่อมาอาจารย์หลี่ก็หาย
ตัวไปอีก พวกเราคิดว่าเขาออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อหาตัวเธอเสีย แล้ว” อาจางซานถอนใจโล่งออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา