คนที่อึ้งตะลึงที่สุดก็เป็นตัว ‘เทพเซียนชรา’ เอง
ก่อนหน้านี้เขาก็มองออกว่าหลี่มู่เป็นยอดฝีมือ แต่คิดไม่ถึงว่าจะสูง จนถึงขั้นนี้ เพียงแค่ประโยคเดียว คําพูดก็ราวเวทมนต์ ทําให้พลังฝึกตน ทั้งร่างเขาไม่มีที่ให้สําแดงเลย…
นี่ต้อง ‘สูงส่ง’ จนถึงขั้นไหน?
“ท่าน…เป็นใครกัน?” ‘เทพเซียนชรา’ มีศักดิ์ศรีนัก กระดูกเข่า แหลกละเอียด แต่กัดฟันแน่นไม่ร้องออกมา เงยหน้ามองหลี่มู่อย่าง ยากลําบาก
หลี่มู่ตอบ “แกไม่ควรค่าที่จะได้รู้”
แต่ว่า ‘เทพเซียนชรา’ ตอนนี้พลันนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้
เมื่อสี่วันที่แล้ว ที่หน้าประตูวัดหรานเติงเขาซ่าวจู่เกิดคดีสังหารใน ยุทธจักรขึ้น
ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรหลายสิบคนที่ไปสืบร่องรอยของ เจ้านักต้มตุ๋นขโมยกระดูกมังกรไปคนนั้น ถูกเด็กหนุ่มชื่อหลี่มู่ฆ่าทิ้งจน
หมดรูป อีกทั้งเด็กหนุ่มคนนั้นยังบอกอีกว่า ห้ามคนในยุทธจักรเหยียบ ย่างไปยังเขาซ่าวจู่ ยิ่งห้ามคนในยุทธจักรก่อกรรมทําชั่วในเมืองเป่าจี
ข่าวแพร่ออกไป ยุทธจักรฮือฮาไปทั่ว
ในเมื่อคนที่ตายไปพวกนั้นก็นับเป็นคนมีฝีมือในยุทธจักรเขต ตะวันตกเฉียงเหนือทั้งสามมณฑล โดยเฉพาะจางอวิ๋นเฟย วิชากระบี่ไม่ ธรรมดา แต่ว่ากันว่ายังรับเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ ถูกสังหารในเสี้ยวพริบตา ดังนั้นจึงดึงความสนใจจากยอดฝีมือและ สํานักมากมาย
นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าหลี่มู่ใช้มือเปล่ารับกระสุนสไนเปอร์ สกัด กั้นปืนได้ในชั่วเสี้ยวพริบตาลือไปให้แซ่ด
สําหรับเรื่องนี้ คําวิพากย์วิจารณ์ในยุทธจักรแตกต่างกันไป
แต่มีจุดหนึ่งมีไปในทิศทางเดียวกัน——นั่นก็คือเด็กหนุ่มที่ชื่อหลี่มู่ คนนี่ บางทีอาจจะแข็งแกร่งมาก แต่ใช้มือเปล่ารับกระสุนสไนเปอร์ อะไรพวกนี้น่าจะลือขยายกันใหญ่ไป
คนส่วนมากคิดว่าขั้วอํานาจและตระกูลที่สูญเสียสาหัสที่ประตูวัด หรานเติง จงใจขยายความสามารถของหลี่มู่เพื่อให้พวกเขาดูไม่ย�าแย่ และไร้ความสามารถแบบนั้น จะได้ไม่โดนสหายในยุทธจักรหัวเราะ เยาะ
อย่างไรเสียเรื่องที่ใช้มือเปล่ารับกระสุนปืนแบบนั้นมันช่าง เหลวไหลไร้สาระสิ้นดี นี่ไม่ใช่เรื่องที่ความสามารถของมนุษย์จะทําได้ ทว่าตอนนี้ ‘เทพเซียนชรา’ แค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ คนที่ สามารถทําให้เขาคุกเข่าลงกับพื้นได้ในประโยคเดียว บางทีอาจจะใช้ มือเปล่าหยุดกระปืนได้จริงๆ ก็ได้? “ท่านคือ…เทพสังหารหลี่มู่?” เขาพลันเอ่ยขึ้น ใบหน้าของหลี่มู่ฉายแววแปลกใจ “เทพสังหาร? ฮ่าๆ สมญานี้ไม่เลวเลย ฆ่าให้เลื่องชื่อ…หวางซืออู่ กับซูอวี้ถงเป็นเพื่อนของฉัน คนที่ทําให้พวกเขาลําบาก ก็คือทําให้ฉัน ลําบาก พวกแกเป็นคนสํานักไหน? คําพูดของฉันเป็นลมผ่านหูรึไง?” “นี่…” ‘เทพเซียนชรา’ ก้มหน้า “ไม่กล้า พวกเราไม่รู้ว่า…” “ฉันไม่อยากฟังคําอธิบายน่าหัวเราะไร้ความหมายพวกนี้…บอกมา แกมาจากสํานักไหน” หลี่มู่ข่มขู่ คนอื่นๆ ตอนนี้ก็อึ้งตะลึงไปโดยสิ้นเชิงเช่นกัน
หวางเจิ้นและไป๋หรูไม่แปลกใจกับพลังของหลี่มู่อะไรมาก ในเมื่อ เห็นกลวิชาอภิหารย์ฟื้ นคืนชีพของหลี่มู่ ภาพที่เห็นเบื้องหน้านับว่าเป็น เรื่องที่อยู่ในขอบเขตปกติ
สิ่งที่ทําให้พวกเขาตะลึงคือ หลี่มู่ที่เผชิญหน้ากับศัตรูราวกับ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางทีสบายๆ อย่างเด็กชาย ข้างบ้านอย่างตอนที่อยู่กับพวกเขา อีกทั้งยังเปลี่ยนไปทรงอํานาจและ เหี้ยมโหด เหมือนสิ่งมีชีวิตระดับสูงก้มลงมองสิ่งมีชีวิตระดับต�า ไม่อาจ ต้านทานได้
หม่าเจิ้นพ่อลูกใจเต้นระรัว ตระหนักได้ว่า พวกเขาวันนี้ได้ตัดสินใจ อย่างโง่เขลาและผิดพลาดไปแล้ว แต่ตอนนี้จะทําอย่างไรดี?
ทําไมแม้แต่พวก ‘เทพเซียนชรา’ ยังทําอะไรกับเจ้าตัวเล็กนี่ไม่ได้?
เทพสังหารหลี่มู่?
นี่มันสมญาอะไร?
ในสังคมที่ใช้กฎหมายปกครองแบบนี้ในตอนนี้ทําไม่ถึงทําอย่างกับ ในหนังกําลังภายใน ‘เทพสังหาร’ คํานี้ร้ายกาจมากเลยหรือ? หาก เปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน พวกเขาบางทีอาจจะรู้สึกว่าสมญานามแบบนี้ติงต๊ องปัญญาอ่อน โง่มาก น่าหัวเราะสุดๆ แต่ตอนนี้ ใครจะหัวเราะออก?
คนตระกูลซู พ่อแม่ซูอวี้ถง และน้าสอง ตอนนี้อยู่ในสภาวะสมอง ขาวโพลน
เรื่องราวผันเปลี่ยนไม่หยุด
ใครก็คิดไม่ถึงว่า สกุลหวางจะมีที่พึ่งยิ่งใหญ่แบบนี้
อีกทั้งดูแล้ว พวกนายน้อยเฉินอยู่ต่อหน้าคนพวกนี้แล้วไม่ควรค่า แก่การพูดถึงเลย?
คราวนี้จะทําอย่างไรดี?
ส่วนแขกคนอื่นๆ ที่ตามมาดูเรื่องสนุกตอนนี้ต่างเงียบกริบกัน ทั้งนั้น ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ แม้แต่น้อย กลัวว่าจะดึงความสนใจจากห ลี่มู่หรือพวกนายน้อยเฉินแล้วถูกหมายหัว
ความหวาดกลัวและเสียใจในใจของ ‘เทพเซียนชรา’ ตอนนี้ยากจะ บรรยาย เขาไม่กล้าขัดคําสั่งของหลี่มู่ รีบตอบลนลาน “ข้าน้อยหลิงเฮ่ อจื่อหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสํานักวิญญาณแท้”
เจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์?
หลี่มู่มีความจําอยู่หน่อยๆ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยฆ่าลูกศิษย์สํานักชมดาราหนึ่งในเจ็ดสํานัก ศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าประตูวัดหรานเติง ส่วนฟ่านจู่อั๋งก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ ของสํานักประกาศิตเทพ หนึ่งในเจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ตามที่ฟ่าน จู่อั๋งว่า เจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้เป็นสํานักฝึกฝนเจ็ดสํานักที่ใหญ่ที่สุด ระดับสูงที่สุดในประเทศ กุมอํานาจโลกฝึกฝนในประเทศ
แต่แล้วอย่างไรเล่า?
อยู่ต่อหน้าหลี่มู่ เจ็ดสํานักศักดิ์สิทธิ์อะไรก็เป็นแค่พวกไร้ประโยชน์ เท่านั้น
“สํานักวิญญาณแท้สั่งสอนลูกศิษย์ขยะๆ แบบนี้ออกมาเนี่ยนะ? จะฆ่าคนธรรมดาไม่มีวรยุทธ์ต่อหน้าธารกํานัล หึๆ ฉันว่า หนึ่งในเจ็ด สํานักศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ก็แค่สถานที่ซ่อนความสกปรกโสมมเอาไว้เท่านั้น แหละ” จิตสังหารในใจของหลี่มู่เริ่มไหลวน
เขากลับมาโลก เรื่องที่รับไม่ได้มากที่สุดก็คือพวกอาศัยพลังฝึกตน รังแกคนธรรมดา
พลังวรยุทธ์บนโลกพวกนี้ไม่คิดปกป้องประเทศ ไม่คิดถ่ายทอด มรดก กลับรังแกคนอ่อนแอ เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ไม่สนใจกฎหมาย คิดว่าอยู่เหนือคนอื่นๆ หยิ่งในศักดิ์ศรีเสียเต็มประดา เที่ยวขู่เข็ญขูดรีด คนธรรมดา ต่อรองเงื่อนไขผลประโยชน์กับประเทศ…
คนพวกนี้เป็นกากสวะในยุทธจักร
ขั้วอํานาจสํานักแบบนี้ไม่มีความจําเป็นที่จะดํารงอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา