หวางซืออู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นพรวดพราด สองตาเปล่ง ประกายเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเข้าใจแล้ว…รับหมัด”
เขาซัดไปหนึ่งหมัดเข้าหาเฉินเซ่าฮว๋า
วิชาท่าหมัดแสนจะธรรมดา เป็นวิชาหมัดทหารที่เขาเรียนมาสมัย อยู่โรงเรียนตํารวจ แกร่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับวิชา ของยอดฝีมือในยุทธจักรแล้วยังห่างชั้นอยู่มาก ไม่คุ้มค่าที่จะเอ่ยถึง
ในใจเฉินเซ่าฮว๋าทั้งอับอายทั้งโมโห
วันนี้หน้าตาของเขาไม่เหลือชิ้นดี
ท่าทีในช่วงปีกว่านี้ของเขาพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนทําให้เขาไม่ เห็นคนอื่นในสายตามากเกินไป จากสถานการณ์ดูเหมือนกับสุนัขที่ลน ลานจนปีนกําแพงหนี ร้องขึ้นว่า “หลี่มู่ นี่เป็นเพราะแกให้พวกเรารับ หมัดแล้วลงมือนะ ถ้าข้าอัดมันจนเจ็บ แกอย่ามากลับคําก็แล้วกัน…” เขาบําเพ็ญมาแล้วหนึ่งปี ความมั่นใจในการรับมือกับคนธรรมดาก็ถือว่า มีอยู่
เสียงยังไม่ทันขาด
ตูม!
หวางซืออู่ซัดหมัดเข้าไปที่กลางฝ่ามือของเฉินเซ่าฮว๋า
เปรี๊ยะเปรี๊ยะ
ในพริบตา กระดูกหัวไหล่ของเฉินเซ่าฮว๋าไม่รู้ว่าแตกหักไปกี่ท่อน
ที่ไม่น่าเชื่อกว่าก็คือ ยังมีเปลวไฟสีแดงอีกก้อนหนึ่งระเบิดออกมา จากหมัดของหวางซืออู่ ค่อยๆ ไหม้ลามเข้าไปจากแขนที่หักเข้าสู่ ร่างกายเขา ในอากาศมีกลิ่นไหม้ของเนื้อถูกย่างฟุ้งขึ้นมา
“อ๊า แขนของชั้น อ๊า จะตายอยู่แล้ว…”
คุณชายใหญ่ตระกูลเฉินที่เกะกะระรานคนนี้ล้มลงไป แต่กลับ กระแทกเข้ากับกําแพงอากาศไร้รูปร่างกระเด้งอยู่บนพื้น ทําได้เพียงดิ้น รนอยู่ในพื้นที่แคบๆ เสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดดังขึ้น ดิ้นรนอย่างเอา เป็นเอาตาย
“ไม่ ไว้ชีวิตด้วย ฉันผิดไปแล้ว….อาจารย์ อาจารย์ช่วยผมด้วย…”
เขาเปล่งเสียงการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของชีวิตออกมา
หลิงเฮ่อจื่อที่อยู่อีกด้าน เมื่อเห็นฉากนี้กล้าพูดอะไรออกมาเสียที่ ไหน หันหน้ากลับไป ไม่แม้แต่จะมองศิษย์ที่เขาทนุถนอมอย่างดีคนนี้
สัญชาติญาณในอาชีพตํารวจของซูฮั่นเหว่ย คิดที่จะลุกขึ้นเพื่อพูด อะไรบ้าง แต่ก็คิดออกมากะทันหัน ว่าฟ่านจู่อั๋งก่อนหน้าเคยบอกกับเขา ไว้ โดยเฉพาะเรื่องที่เฉินเซ่าฮว๋าคนนี้พอเข้ามาถึงก็จะสังหารคนทันที กลุ่มคนเช่นนี้ไม่รู้ว่าเปื้ อนคาวเลือดไปมากเท่าไรแล้ว โฉดชั่วเลวทราม ที่สําคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พี่สาวซูชั่วเคยพูดไว้ ในมือหลี่มู่มีอํานาจที่ ประเทศชาติมอบไว้ให้ควบคุมคนในยุทธจักรให้อยู่ในกฎหมาย สามารถ ควบคุมให้เป็นหรือตายก็ได้
นี่เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
ดังนั้น เขาจึงนั่งลงเช่นเดิม
และคนอื่นที่ยังไม่ทันได้คิดไปถึงไหน เฉินเซ่าฮว๋าก็ได้สลาย กลายเป็นควันดําไปแล้ว กระจายหายไปในอากาศ ไม่เหลือร่องรอยใดๆ เอาไว้เลย ตายไปอย่างสะอาดหมดจด
ขั้นตอนทั้งหมด เหมือนกับภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีแม้แต่ กลิ่นคาวเลือด
หวางซืออู่ยืนงงจ้องมองกําปั้ นของตนเอง
เขาไม่คิดว่าเพียงแค่ตนเองออกหมัดไปส่งๆ แต่กลับมีพลังถึง ขนาดนี้ สามารถรู้สึกได้ว่ากลางฝ่ามือยังมีกลิ่นอายความร้อนไหลเวียน
อยู่ พอทดลองควบคุมมันเล็กน้อย เสียงตูมดังขึ้น เปลวไฟสีแดงสองลูก ลุกพรึบขึ้นในกลางฝ่ามือของเขา ราวกับภูติกําลังเต้นระบํา
นี่…นี่เป็นวิชาวิถีเซียนหรือ?
คนอื่นรอบด้านเมื่อเห็นฉากนี้ ก็ล้วนอดมีสีหน้าอิจฉาริษยาขึ้นมา ไม่ได้
ดูแล้วเจ้าหนุ่มคนนี้ได้รับโชคที่สุดยอดเข้าให้แล้ว แค่พริบตาก็ กลายเป็นเซียนได้
ส่วนหลิงเฮ่อจื่อก็ตกใจจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
ทําไมจึงกลายเป็นเช่นนี้?
บนโลกมีการคงอยู่ของเทพเซียนด้วยหรือ?
บนฝ่ามือของหวางซืออู่ พลังเปลวไฟที่พุ่งออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็น ปราณแท้วิถียุทธ์ที่มีการบันทึกไว้ในตําราเก่าแก่ของสํานักโบราณ ใหญ่ๆ ต่างๆ ไม่ใช่พลังที่ขั้นแปรเปลี่ยนจะมาเทียบกันได้ ปราณแท้ที่ เปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ นี่น่าจะเป็นขั้นในตํานานแล้วกระมัง?
เทพสังหารหลี่มู่ เป็นเทพจริงๆ หรือ?
เพียงแค่ดีดนิ้ว ก็สามารถสร้างยอดฝีมือแห่งยุคออกมาได้?
ความหวาดกลัวที่ยากจะพรรณนา คลุมถมตัวหลิงเฮ่อจื่อ
พริบตานี้เขาได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าสิ่งที่ตนเองไปยั่วยุจริงๆ แล้ว เป็นการคงอยู่ของอะไร?
เรื่องเกินจริงของคนในยุทธจักรที่พ่ายแพ้รอดชีวิตกลับมาจากวัด หรานเติงเป็นเรื่องจริง?
เดิมทีมันก็เหมือนเป็นแค่เรื่องตลกไม่ใช่หรือ
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเกินจริงนะ แต่ยังปิดความลับเอาไว้อีกต่างหาก
คนแบบนี้ จับกระสุนปืนด้วยมือเปล่าแล้วจะทําไม?
ต่อให้มีชีวิตอยู่ได้ภายใต้การระเบิดของนิวเคลียร์ หลิงเฮ่อจื่อก็ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องประหลาดอะไรเลย
เขาไม่สามารถไปสนใจคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว
วันนี้ถ้าหากไม่สามารถทําให้หลี่มู่พอใจได้ ไม่ใช่เพียงแค่เขา น่า กลัวว่ากระทั่งทั้งสํานักวิญญาณแท้ก็คงจะจบเห่กันแล้ว…บนโลกใบนี้ เพราะอะไรจึงมีเซียนเทพอยู่จริงๆ กัน เขาร้อนรนจนแทบอยากจะสบถ คําหยาบออกมา
ท้ายสุด เขาทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นดังตุบ โขกศีรษะกับพื้นปึงๆๆ เอ่ยขึ้นว่า “ข้าผิดไปแล้ว พวกเราผิดไปแล้ว ขอให้ท่านหลี่มู่ไว้ชีวิตพวก เราสักครั้ง สํานักวิญญาณแท้ของพวกเรานับจากนี้ จะไม่กล้าเป็นศัตรู กับเซียนอย่างท่านอีก…โปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย”
เขาไม่เหลือความคิดที่จะรับหมัดจากหวางซืออู่อีกแล้ว
เพราะเขาเข้าใจชัดเจน ว่ารับไว้ไม่อยู่
ต่อให้เป็นพลังของเขา ผลลัพธ์จากการรับหมัดนี้ก็คง เหมือนกับเฉินเซ่าฮว๋า สลายกลายเป็นฝุ่นดํา เกิดใหม่ไม่ได้อีกตลอด กาล
เฮ่อเฟยเฮ่ออวี่ทั้งสองคน ก็เหมือนจะพลิกแพลงตามสถานการณ์ ได้อยู่บ้าง เมื่อเห็นอาจารย์ทําเช่นนี้ ก็ทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นบ้าง ทยอยๆ กันโขกศีรษะ ร้องขอชีวิต สารภาพผิดเสียงดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา