ยามจิตสังหารพลุ่งพล่าน เขาคิดว่าสิ่งที่ตนทำทั้งหมดนั้นถูกต้อง แต่ตอนนี้มองซากศพที่เกลื่อนกลาดไปทั่วอีกครั้ง หลี่มู่อดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดทบทวนว่าตัวเองอาศัยคำว่าคุณธรรมเที่ยวฆ่าล้างสังหารหรือไม่
อย่างไรเสียเขาก็เป็นนักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ คนหนึ่งจากโลก…อย่างน้อยเดือนสองเดือนก่อนก็ใช่ ถึงแม้จะเคยสังหารคนมาแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงของจิตใจเช่นนี้จำต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อทำความคุ้นชิน
หลี่มู่ยืนอยู่ที่เดิมใต้แสงจันทรา นิ่งสงบไม่เคลื่อนไหวเหมือนก้อนหินต้นไม้
หลังผ่านไปนาน จิตใจของเขาก็สงบลง
เขามาถึงข้างล่างยอดหินผา
เศษเนื้อของ ‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียวร่วงอยู่ตามก้อนหินและต้นไม้
พูดตามสภาพความจริงแล้ว พลังวิชาดาบของอู่เปียวแข็งแกร่งกว่าหลี่มู่มากนัก
หากเขาสามารถสู้กับหลี่มู่ด้วยจิตต่อสู้ที่พวยพุ่ง ไม่มีทางจะพ่ายแพ้ถึงแก่ชีวิตในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่นั้นแน่ ต่อให้สุดท้ายเขาอาศัยความเร็วและพละกำลังเอาชนะได้ ก็ทำได้แค่ชนะอย่างอเนจอนาถ กระทั่งไม่มีทางเอาชนะอู่เปียวในด้านเพลงดาบได้เลย
น่าเสียดาย พลังสมานกายเนื้ออันพิสดารของหลี่มู่และเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่พูดออกไปตามปากไม่กี่ประโยคทำให้อู่เปียวเสียกำลังใจจะต่อสู้โดยสิ้นเชิง ใจคิดหนีอย่างเดียว จึงตายเร็วเช่นนั้น
จิตมุ่งมั่นต่อสู้และความกล้าหาญสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับหลี่มู่แล้ว นี่คือบทเรียนที่ลึกซึ้งเช่นกัน
“ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว”
หลี่มู่มองไปยังเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์
อาวุธของพวกทหารม้าโลหิตไม่เลวเลย สามารถให้ทหารของอำเภอมาเก็บกวาดสนามรบได้
……
ราตรีเนิ่นช้ายาวนาน แสงจันทรากระจ่างฟ้า
เงาร่างหนึ่งทะยานผ่านไปในเทือกเขา รวดเร็วดุจอัสนี
นั่นคือหลี่มู่ที่เดินทางกลับนั่นเอง
ลอบโจมตีพวกค่ายลมโชยครั้งนี้ หลี่มู่ได้ผลประโยชน์มหาศาล เขาอารมณ์ดีเป็นที่สุด
ไม่นานก็มาถึงใกล้ๆ หุบเขาสูงชันด้านหลังเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์
ผิวน้ำของน้ำตกเก้ามังกรยังคงเป็นประกายระยิบระยับ
ตอนนี้ดวงจันทร์ทั้งสองลาลับไปแล้ว แสงสว่างในท้องฟ้าอับแสงกว่าตอนที่หลี่มู่ไปเล็กน้อย ทำให้สีสันของน้ำในสระมืดหม่นเหมือนกับสระน้ำหมึก ยิ่งทำให้ดูลึกลับเกินหยั่ง กลิ่นอายดิบเถื่อนที่ชวนให้คนหวาดหวั่นลอยอวล
เมื่อเข้าใกล้ผืนน้ำนี้อีกครั้ง หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนั้นอีกครา
เหมือนว่าในที่มืดมีสัตว์บรรพกาลตัวมหึมาที่น่ากลัวกำลังมองดูอยู่
“เวรเอ๊ย ในน้ำนี้ไม่ใช่ว่ามีสัตว์ประหลาดซุ่มอยู่หรอกมั้ง?”
หลี่มู่รู้สึกตื่นกลัว
เขาไม่หยุดอยู่อีกต่อไป รีบมายังตีนผาสูงชันทันที
ข้างบนละอองน้ำหนาทึบ
เขาแบกดาบสีเลือดที่หนักพันจินพุ่งทะยานขึ้นไปสิบสองจั้ง วนเวียนไปมาดุจเหยี่ยวตัวใหญ่
หลังจากพุ่งขึ้นลงหลายครั้ง หลี่มู่ก็มาถึงระดับความสูงร้อยยี่สิบจั้ง
เสียงกระหึ่มของน้ำตกที่อยู่เหนือหัวค่อยๆ เริ่มดังสนั่นหู
สามารถมองเห็นน้ำตกเก้ามังกรได้แล้ว
หลี่มู่ปรับเปลี่ยนทิศทาง กระโดดขึ้นอีกครั้งแล้วร่อนลงข้างๆ น้ำตกเก้ามังกร
เสื้อผ้าบนร่างของเขาเปียกชื้นเพราะละอองน้ำหนาทึบ
มองย้อนกลับไปจากทางนี้ ไกลออกไปสามสี่จั้งจะเห็นเสาน้ำต้นมหึมาหนาหลายสิบจั้งพวยพุ่งออกมาจากหน้าผาสูงชันได้อย่างชัดเจน ช่างเหมือนกับเทพมังกรสีเงินทะยานออกมาจากเขาสูงเสียจริงๆ
นี่เป็นน้ำตกสายที่อยู่ชายขอบที่สุด และเล็กที่สุดในบรรดาทั้งหมดของน้ำตกเก้ามังกร
แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนใจสั่นไหวแล้ว อย่างน้อยในตอนที่อยู่บนโลก หลี่มู่ยังไม่เคยเห็นน้ำตกที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน
สามพันฉื่อวารีไหลริน ดุจดาราสินธุ์หลั่งรด[1]
หลี่มู่อดชื่นชมในใจไม่ได้
เขาโคจรการมองเห็น มองไปยังข้างหลังน้ำตก
จากรอยแยกม่านน้ำตกสามารถมองเห็นอุโมงค์คล้ายถ้ำได้รางๆ เช่นที่คิดไว้ มืดมิดเย็นเยือกไม่รู้ว่าทะลุไปที่ใด ชวนให้คนรู้สึกลึกลับ อันตราย ลึกล้ำ และมืดครึ้ม ข้างในเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตลึกลับอยู่
‘ในไซอิ๋วซุนหงอคงเจอถ้ำสุ่ยเหลียนต้งหลังน้ำตกฮวากั่วซาน ข้างหลังน้ำตกเก้ามังกรนี่จะมีสถานที่งดงามเหมือนกับถ้ำสุ่ยเหลียนต้งหรือเปล่านะ?’
หลี่มู่อดคิดเชื่อมโยงไม่ได้ ความคิดต่างๆ นานาผุดขึ้นมา
เขามีความรู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปในม่านน้ำตกแล้วสำรวจถ้ำข้างหลังนี้เสียหน่อย
แต่ลองคำนวนเวลาดู ห่างจากฟ้าสางไม่ถึงครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจะต้องรีบกลับไปยังที่ว่าการอำเภอ มิฉะนั้นแล้วตัวตนจะถูกเปิดเผย อีกทั้งในเมืองยังมีเรื่องราววุ่นวายรอให้เขากลับไปจัดการ เรื่องแรกเลยก็คือ ‘นัดประลอง’ ระหว่างพรรคมังกรฟ้ากับสำนักเขี้ยวพยัคฆ์
“อย่างไรน้ำตกเก้ามังกรก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลา ต่อให้อยากสำรวจก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตอนนี้รอให้พลังยกระดับขึ้นอีกเล็กน้อย เตรียมตัวให้พร้อมยิ่งขึ้นแล้วค่อยมาก็ไม่สาย”
ตัดสินใจได้แล้ว หลี่มู่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
เขาโคจรวิชาตัวเบา ทะยานไปยังยอดผาสูงชันต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา