หลี่มู่ตบหน้าผากเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะพูดขึ้น “อ้อ ลืมบอกไป อาการบาดเจ็บของหม่าจวินอู่ดีขึ้นแล้วกระมัง เจ้าให้เขาเลือกทหารองครักษ์สักห้าสิบคนไปเก็บกวาดสนามรบที่ทางแยกฮั่นเสียหน่อย ที่นั่นสยดสยองไปนิด อย่าปล่อยให้พ่อค้าประชาชนที่ผ่านไปมาตกใจกลัว”
ทางแยกฮั่น?
เฝิงหยวนซิงและเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงตะลึงไปพร้อมกัน
จากนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา
หรือว่า…
“ใต้เท้า ที่ทางแยกฮั่นเมื่อคืน หรือว่า…” เฝิงหยวนซิงถามลองเชิงเสียงสั่น
ตอนนี้ฝ่ายครัวเริ่มลำเลียงอาหารมาแล้ว
กลิ่นหอมฉุยทำเอาน้ำลายของหลี่มู่แทบไหลย้อย
ผ่านศึกใหญ่เมื่อคืนมา เขาใช้พลังไปไม่น้อย ท้องร้องโครกครากไปหมด ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่อ่าน ‘เพลงดาบโลกันตร์’ จบเพียงรอบเดียวก็พุ่งออกมาจากห้องฝึกยุทธ์หรอก ตอนนั้นเขาไม่สนใจจะเปลืองน้ำลายกับเฝิงหยวนซิงอีก พุ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที “พวกเจ้าไปก็รู้เองนั่นแหละ…”
แต่ทว่า เขาไม่ใช่คนแรกที่พุ่งไปยังโต๊ะอาหาร
หมิงเยวี่ยคนโง่ผู้บ้องแบ๊วไม่รู้ว่ามากินอย่างสุขสำราญอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ้ากินไปแล้วไม่ใช่หรือไง?” หลี่มู่แย่งขาแกะย่างมา เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “กล้าแย่งเนื้อของข้างั้นรึ?”
“ของเจ้าของข้าอะไรกันเจ้าคะ ตกถึงท้องของใครก่อนก็เป็นของคนนั้น” หมิงเยวี่ยน้อยถือเซี่ยงจี๊ผัดไฟแดงจานเบื้องหน้า ก่อนจะเงยหน้าอ้าปาก ใช้วิธีที่เหมือนกับเทขยะเทเข้าไปในปากของตัวเองทั้งหมด จากนั้นหยิบขาหมูสองขามา โวยวายสะอึกสะอื้น “ชิงเฟิงทารุณข้า ให้ข้ากินข้าวเช้าแค่โจ๊กหมูสิบชามเท่านั้น จะไปอิ่มได้อย่างไรกัน”
โจ๊กหมูสิบชามยังกินไม่อิ่ม?
หลี่มู่จนคำพูด
ต่อให้เลี้ยงจั้งเอ๋า[1]ตัวหนึ่งมันก็ยังกินไม่ได้เท่าเจ้าเลย
ท้องของเจ้าเป็นหลุมดำหรืออย่างไร?
เขาเองก็ไม่ได้สนใจคำพูดไร้สาระของเด็กโง่นี่อีกต่อไป รีบเดินศึกแย่งชิงอาหารทันที
ทั้งสองล้อมโต๊ะอาหารเอาไว้ ต่างจ้องกันเขม็ง ลงมือแย่งกันอย่างบ้าคลั่ง
เฝิงหยวนซิงอับจนคำพูดเช่นกัน
ใต้เท้าขุนนางเมืองของตนผู้นี้ บางครั้งก็ทรงอำนาจสยบผู้คน บางครั้งก็บ้าบอเหมือนเด็กน้อย บางเวลาแข็งแกร่งดุจเทพสงคราม บางเวลาโง่เง่าคล้ายปัญญาอ่อน…นี่มันช่าง…ช่างไม่อยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ มีลักษณะท่าทางแบบคุณชายยิ่งนัก
นอกจาก ‘ไม่อยู่ในกรอบกฎเกณฑ์’ เขาก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายใต้เท้าผู้นี้ของตนแล้ว
เด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงเหมือนจะเห็นจนชิน เขานวดขมับพูดกับตัวเอง “เฮ้อ เหนื่อยใจนัก เห็นทีคงต้องเพิ่มอาหารอีกแล้ว…”
เขาหมุนตัวเดินไปยังห้องครัว สั่งให้พ่อครัวเตรียมปริมาณเนื้อเพิ่มอีกสามเท่าเข้ามา
เหล่าพ่อครัวได้ยินแล้วได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
นับจากพวกเขาได้งานมาเป็นพ่อครัวในที่ว่าการอำเภอ ถึงแม้ค่าตอบแทนจะเพิ่มขึ้นสี่ห้าเท่า แต่งานก็เพิ่มขึ้นเยอะเช่นกัน ทำอาหารให้ใต้เท้าขุนนางเมือง เหนื่อยกว่าคอยปรนนิบัติลูกค้าทั้งหลายที่ไปๆ มาๆ อยู่ในภัตตาคารเสียอีก
เขาคนเดียวกับเด็กรับใช้บัณฑิตอีกสองคน ไยจึงกินเก่งเช่นนี้
สงสัยจริงว่าใต้เท้าขุนนางเมืองแอบเลี้ยงสัตว์ร้ายตะกละฝูงหนึ่งเอาไว้ในที่ว่าการหรือไม่
……
อรุณรุ่ง
แสงอาทิตย์ไม่นับว่าแรงเท่าใดนัก
ท้องถนนอำเภอขาวพิสุทธิ์เต็มไปด้วยด้วยบรรยากาศประหลาดบางอย่าง
ประชาชนชาวอำเภอขาวพิสุทธิ์ได้รับประกาศแจ้งจากทางการไม่ให้ออกจากบ้าน ร้านค้าและภัตตาคารให้หยุดกิจการชั่วคราว ปิดประตูให้สนิท
เรื่องราวเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นเมื่อหลายวันก่อนจะต้องสร้างความโกรธเคืองให้กับเหล่าบุรุษในยุทธจักรที่รวมตัวกันมาที่นี่อย่างแน่นอน
ร้านค้าที่ปิดกิจการเหล่านั้นเกรงว่าจะถูกชาวยุทธ์พังร้าน เจ้าของร้านก็ถูกทุบตีไม่น้อย
แต่หลังจากศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวที่เยี่ยมยุทธ์เชือดสังหารอย่างไม่ปรานีเมื่อวานนี้ ทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
บุรุษในยุทธจักรที่แต่เดิมอันธพาลระรานพวกนั้นตกใจกลัวกันไม่น้อย
ว่ากันว่าคนในยุทธจักรที่ทำเรื่องชั่วเอาไว้ในเมืองกลัวจนฉี่ราด หลบหนีไปกันทั้งคืน ส่วนคนที่ยังอยู่ ส่วนมากก็เก็บคมดาบ สงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ ไม่กล้ากร่างเที่ยวทำเรื่องวุ่นวายอีก
ตามการประกาศของทางการอำเภอ ร้านค้าหยุดกิจการ ประตูเรือนปิดสนิท
ชาวยุทธ์มากมายรวมกันเป็นกลุ่ม พูดคุยเสียงดังลั่น ต่างมุ่งไปยังซากพรรคเสินหนง การนัดประลองของสองพรรคใกล้จะเปิดฉากเต็มทีแล้ว สำหรับคนในยุทธจักรที่มีเลือดกระหายเรื่องครึกครื้นไหลเวียนในกาย นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่พลาดไม่ได้
……
ห่างจากเวลาเริ่มนัดประลองครึ่งชั่วยาม
ประตูเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ มีชายหนุ่มผมขาวหลังแบกกระบี่โบราณคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น
ใบหน้างามโดดเด่นเหนือสามัญ คิ้วกระบี่ดวงตาเป็นประกาย สง่างามยิ่งนัก ภายใต้การขับเน้นของผมยาวสีขาวราวหิมะ ยิ่งทำให้รูปลักษณ์เขาราวเซียนลงมาจุติอย่างน่าประหลาด เขาเข้ามาในเมืองทีละก้าวๆ ส่วนทหารที่เฝ้าประตูเมืองก็ราวกับมองไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น ไม่สกัดกั้นเลยสักนิด
“กลิ่นสัตว์ปีศาจ ทั้งยังเป็นปีศาจร้ายกาจด้วย…เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มผมเงินที่แบกกระบี่โบราณเผยสีหน้าตื่นตระหนก เงยหน้ามองไปยังที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่อยู่สูงในเมืองภูเขา
ลึกลงไปในดวงตาของเขามีแสงประหลาดเป็นเส้นๆ ลอยวน ยิ่งคล้ายกับมีหมอกเพลิง (เนบิวลา) ลอยอยู่
กระบี่โบราณที่หลังของเขาก็สั่นไหวเสียงหึ่งด้วยความเร็วสูง เป็นจังหวะที่คนอื่นไม่อาจจับสัมผัสได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา