จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 53

บทที่ 53 กาทมิฬ • เท้าเปล่า
ProjectZyphon
หัวหน้ามือปราบคนนี้ส่ายหน้าพลางเอ่ย “เฮ้อ เรื่องในยุทธจักรมันน่าดึงดูดขนาดนั้นเชียวรึ? รบราฆ่าฟัน จะเทียบกับชีวิตเรียบง่ายสุขสบายในอำเภอเล็กๆ ของพวกเราได้ที่ไหน ครั้งนี้พวกเรามีใต้เท้าขุนนางเมืองเป็นผู้นำ หวังว่าคนในยุทธภพพวกนี้จะรีบไปเสีย”

พูดยังไม่ทันจบ

“กา กา กา…”

เสียงอีกาดังขึ้นเป็นระลอก

หัวหน้ามือปราบและมือปราบทั้งหลายต่างตะลึงไป หันมองตามเสียงโดยไม่รู้ตัว

เห็นนักพรตตาบอดสวมชุดนักพรตสีดำขาดวิ่นคนหนึ่ง ในมือถือไม้ไผ่หนาประมาณหนึ่งนิ้วมือ กำลังคลำทางพลางมุ่งหน้ามายังประตูเมือง

จุดที่น่าประหลาดคือบนบ่าของนักพรตตาบอดคนนี้มีอีกาตัวโตตัวหนึ่งเกาะอยู่ ขนมันดำขลับอย่างถ่าน สองกรงเล็บดุจเหล็กดำ ดวงตาแดงก่ำ รอบนอกเปลือกตาเป็นสีเงิน

อีกาตัวนี้ใหญ่ยิ่งนัก ราวเหยี่ยวก็ไม่ปาน

เสียงร้องกาๆ ก่อนหน้านี้ก็คือเสียงของมันนั่นเอง

นักพรตตาบอดใช้ไม้ไผ่คลำทาง ทุกครั้งที่เจอหลุมบ่อหรือเดินออกนอกเส้นทาง อีกาบนบ่าจะร้องกาๆ เสียงดังเพื่อเตือน ดังนั้นเขาจึงเหมือนมีดวงตา ผ่านประตูเมืองเข้าไปได้โดยตรง

ระหว่างนั้น มีมือปราบคนหนึ่งคิดอยากขวางเพื่อสอบถาม แต่หัวหน้ามือปราบห้ามเอาไว้

หัวหน้ามือปราบส่ายหน้า ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องห้าม ปล่อยให้เข้าเมืองไปได้เลย

ใต้เท้าขุนนางเมืองสั่งลงมาแล้วว่า คนในยุทธจักรที่ต้องการจะเข้าเมืองไม่ต้องสกัดกั้น ดั่งเช่นขบวนสินค้าเล็กๆก่อนหน้านี้ ขอทานเฒ่า และนักพรตตาบอด พวกเขามีลักษณะท่าทางพิเศษเฉพาะ บางทีอาจจะเป็นคนในยุทธภพก็เป็นได้ ดังนั้นปล่อยให้เข้าเมืองไปก็เพียงพอแล้ว

หลายวันที่ผ่านมานี้ เสือสิงห์กระทิงแรดแต่ละทิศรวมตัวมายังเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ ในฐานะที่เป็นมือปราบรักษาประตูเมือง พวกเขาได้เห็นคนประหลาดต่างๆ มาไม่น้อย จนเกือบจะชินชาแล้ว

ทุกคนรู้ว่านัดประลองของพรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ในวันนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย คนที่เข้าเมืองมาในวันนี้จึงมีจำนวนมากนัก คนพวกนี้ยังไม่เคยได้ยินชื่อเสียงความเหี้ยมโหดของ ‘หนึ่งดาบเยือนนรก’ ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิว จึงมาชุมนุมดูกันอย่างคึกคัก

หลังจากนั้นประมาณครึ่งก้านธูป

เสียงฝีเท้าม้าดังมาจากในเมือง

ทหารองครักษ์ยอดฝีมือควบม้าตรงเข้ามา

คนเป็นผู้นำมีใบหน้าเหลี่ยม ท่าทางเกรงขามน่าเคารพ คนผู้นี้ก็คือหัวหน้าองครักษ์หม่าจวินอู่ที่ช่วงนี้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากหลี่มู่เป็นอย่างมาก

ข้างหลังเขายังมีทหารองครักษ์ยอดฝีมือที่คัดเลือกมาอีกห้าสิบคนสวมเกาะอ่อนควบม้าตะบึงตามมา ไม่นานนักก็มาถึงหน้าประตูเมือง

“ใต้เท้าหม่า นี่ท่าน…” หัวหน้ามือปราบรักษาประตูเมืองนามว่าเกาเซิ่งเอ่ยทักทาย ถามไถ่ตามปกติ

เขารู้สึกประหลาดใจ วันนี้ในเมืองมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น กำลังทหารขาดแคลนนัก ไยหม่าจวินอู่จึงยังพากำลังคนออกไปนอกเมือง

“เป็นเรื่องที่ใต้เท้าบัญชามา สั่งให้ข้านำคนมุ่งหน้าไปยังทางแยกฮั่น” หม่าจวินอู่แสดงป้าย

เกาเซิ่งมองดู เห็นป้ายไม่มีปัญหาจึงรีบปล่อยไป “เชิญสหายหม่า”

หม่าจวินอู่หวดแส้ควบม้าไป พาลูกน้องยอดฝีมือห้อตะบึงไปยังทางแยกฮั่นราวกับลูกธนูออกจากแล่ง

เนื่องจากเป็นกองกำลังทหารม้า ความเร็วของการเดินทัพตอนเช้าจึงรวดเร็วยิ่งนัก

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กลุ่มของหม่าจวินอู่ก็ห้อทะยานเกือบร้อยลี้มาถึงยังทางแยกฮั่น

“สวรรค์ นี่มัน…”

หม่าจวินอู่หยุดม้า พรั่นพรึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า

ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บหนักด้วยน้ำมือของคุณชายหลี่ปิง สองวันมานี้เพิ่งจะรักษาบาดแผลจนหายสนิท วันนี้ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ อันที่จริงก่อนออกเดินทางเขายังมึนงงอยู่ คำสั่งที่นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงถ่ายทอดมาจากใต้เท้าขุนนางเมืองก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าที่ทางแยกฮั่นเกิดอะไรขึ้น

เศษแขนขากระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

บนพื้นมีร่องรอยของสัตว์ร้าย หมาป่าดำหลายสิบตัวตื่นตกใจเพราะเสียงฝีเท้าม้า คาบซากศพหนีเข้าไปในป่าแล้ว แร้งบนฟ้าบินวนต่ำ ตั้งท่าพร้อมจะโฉบมาแย่งอาหารทุกเมื่อ…

ทั้งยังมีหนอนแมลงพิษที่กินซากเน่าต่างๆ รวมตัวมายังพื้นที่แห่งนี้ บินหึ่งๆ ตอมไปมา

เห็นได้ชัดว่ากลิ่นคาวเลือดดึงดูดสัตว์พวกนี้มาทั้งสิ้น

“พวกที่ตายล้วนเป็นโจรป่าของค่ายลมโชย”

หม่าจวินอู่สงบสติอารมณ์ลง สังเกตไปไม่นานก็ได้ข้อสรุป

เขากระจ่างแจ้งในที่สุด เข้าใจในทันทีว่าทำไมเมื่อคืนวานโจรค่ายลมโชยจึงไม่มาโจมตีเมืองขาวพิสุทธิ์อย่างที่หลายคนกังวลและหวาดกลัว ที่แท้พวกมันตายอยู่ที่นี่แล้วนี่เอง

องครักษ์ห้าสิบนายที่ตามหม่าจวินอู่มาก็ตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก

“เก็บกวาดสนามรบ” หม่าจวินอู่ตะโกนลั่น จัดการสั่งการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เหล่าองครักษ์ลงจากม้า เริ่มลงมือเก็บกวาดทำความสะอาด

ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ กองกำลังที่สามารถออกสู้ได้แบ่งเป็นมือปราบ องครักษ์ และทหารพลเรือน หนึ่งในนั้นมือปราบเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด หลักๆ แล้วจะคอยจับกุมโจร คนร้าย หรือสยบประชาชนที่ก่อความวุ่นวาย ทหารพลเรือนเปรียบได้กับทหารชาวบ้านของโลกมนุษย์ กำลังต่อสู้ต่ำที่สุด ส่วนหน้าที่หลักของทหารองครักษ์คือดูแลรักษาความปลอดภัยของที่ว่าการอำเภอและขุนนางเมือง กำลังรบถึงแม้จะไม่เลว แต่หน้าที่หลักส่วนมากก็คืองานสนับสนุน

ความแตกต่างของกองกำลังทั้งสาม เปรียบได้กับหน่วยจู่โจม ตำรวจติดอาวุธ และทหารชาวบ้าน

คนทั้งห้าสิบที่หม่าจินอู่นำมาล้วนเป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาทหารองครักษ์ เก็บกวาดสนามรบย่อมไม่เป็นปัญหา

“ระวังตัวด้วย ระวังจะมีโจรที่ยังไม่ตายลอบทำร้ายเอา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา