“ในตอนนั้น ต้าเจ๋อเปี๋ยที่ชื่อเสียงลือเลื่องทั่วที่ราบทุ่งหญ้า อายุเพียงยี่สิบปีก็แสดงพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์อันน่าครั่นคร้าม วิชาธนูไร้ผู้เทียบเทียม ‘ธนูรั้งจันทรา’ ของเขาเอาชนะยอดฝีมือธนูของที่ราบทุ่งหญ้ามาไม่รู้ต่อเท่าไหร่ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในสี่เทพธนูของแผ่นดินใหญ่เสินโจว มีชื่อเสียงมาคู่กันกับหานอวี่แห่งทุ่งปิดภูผา ทหารม้า ‘วิหารเทพหมาป่า’ อันเหี้ยมโหดแปดร้อยนายที่เขาคุมยิ่งเยี่ยมยอดไร้เทียมทานในหมู่ชนเผ่าใหญ่แห่งทุ่งหญ้า ได้รับการขนานนามว่า ‘ปักษีตกหน้าเกาทัณฑ์ เมฆาพลันเคลื่อนคล้อย’ ช่างองอาจยิ่งนัก
เพียงแต่ ต้าเจ๋อเปี๋ยที่ชื่อเสียงเกรียงไกรผู้นี้ ภายหลังกลับยอมตกต่ำกลายเป็นศัตรูกับที่ราบทุ่งหญ้า แอบสานสัมพันธ์กับธิดาเทพหลิวจื่อหยวนแห่ง ‘สำนักบัณฑิตถามเต๋า’ หนึ่งในเก้าสำนักเทพจนเกิดความรักขึ้น ยังไม่ทันได้ตบแต่งก็ตั้งครรภ์ ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง จากนั้นทั้งสองหนีตามกันไป ทำให้ ‘วิหารเทพหมาป่า’ และ ‘สำนักบัณฑิตถามเต๋า’ อับอายเป็นอย่างมาก ทั้งสองสำนักต่างไล่ล่าสังหาร น่าเสียดาย หลังจากต่อสู้ติดพันหลายครั้ง คนที่ควรตายทั้งสองกลับหนีไปได้ ราวกับมัจฉาคืนกลับสู่มหานที ไร้ซึ่งร่องรอย”
ประวัติศาสตร์ที่ฝุ่นจับหนานานหลายปีถูกเอ่ยจากปากของหญิงสาวใสบริสุทธิ์เท้าเปลือยเปล่า ราวกับเล่านิทานก็ไม่ปาน
ชายหน้าหยินหยางคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
แต่ไม่นานเขาก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ นี่ยังไม่ถูก หากเป็นต้าเจ๋อเปี๋ยคนนั้นจริงย่อมมีฝีมือเช่นนี้แน่นอน แต่ไม่ง่ายเลยกว่าต้าเจ๋อเปี๋ยและหลิวจื่อหยวนจะพ้นเคราะห์รอดมาได้ ไม่ใช่ว่าควรจะหลบซ่อน ไม่เปิดเผยร่องรอยหรอกหรือ ไยเขาจึงสังหารอู่เปียวที่ไร้ซึ่งความแค้นต่อกันที่นี่? หากตัวตนเปิดเผย การล่าสังหารจากสองสำนักเทพจะมาเยือนทันที พวกเขาไม่มีทางโชคดีอีก…นี่ไม่สมเหตุผล”
หญิงสาวใสซื่อเท้าเปล่าเปลือยยิ้มกว้างกล่าว “ทีแรกข้าก็คิดเหมือนท่าน แต่หากท่านพิจารณารูธนูบนเชิงผานี้ให้ถี่ถ้วน ก็จะไม่คิดเช่นนั้นแล้ว”
“รูธนู?” ชายหน้าหยินหยางตะลึง ก่อนจะโคจรพลังที่ดวงตา มองรอยธนูที่ใหญ่ราวหลุมลึกบนเชิงผาข้างถนนสายหลักที่ไกลออกไปหลายร้อยจั้ง
ใบหน้าด้านซ้ายของเขาดำทมิฬ ด้านขวาขาวสะอาด แต่หลังจากที่โคจรวิชาเนตรบางอย่าง นัยน์ตาซีกหน้าดำข้างซ้ายขาวราวหิมะ ส่วนนัยน์ตาซีกหน้าขาวข้างขวาดำมืดราวหยดหมึก แสงสลัวเป็นสายพุ่งออกมาจากดวงตา
หลังจากนั้นหลายอึดใจ
ดวงตาทั้งสองข้างของชายคนนั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติ ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่า “จุดลึกของรูธนูมีพลังของแก่นดวงจันทร์กระจายอยู่ เป็น ‘ธนูรั้งจันทรา’ ไม่ผิดแน่ ต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้าคือผู้ลงมือจริงๆ…ยังเป็นน้องหญิงที่รอบคอบเช่นเคย ข้าเกือบจะพลาดเรื่องใหญ่ไปแล้ว ฮ่าๆๆ”
พูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ไม่หัวเราะไม่ได้
เพราะในเรื่องเล่าที่ลึกลับนี้ ในตัวของคู่สามีภรรยาที่หนีภัยมีของล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง นั่นเป็นถึงของที่ปีศาจจากนอกโลกทิ้งเอาไว้ ต่อให้เป็นเก้าสำนักเทพก็อยากได้มาครอบครองทั้งนั้น
ตอนนั้นที่พวกเขาถูกล่าสังหาร ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเหมือนดั่งที่เห็น
ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะแอบหนีตามกัน แต่อีกครึ่งใหญ่นั้นเป็นเพราะคนไร้ความผิด ผิดที่ถือครองหยก[1]
“ไม่ใช่แค่เท่านี้ พี่ชายท่านลองตรองดูให้ดี จะพบว่าพลังแก่นจันทรานั่นกระจัดกระจาย มีรูปแต่ไร้จิตวิญญาณ ด้วยพลังของต้าเจ๋อเปี๋ยในตอนนั้นจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่หมายถึงอะไรล่ะ?” หญิงสาวขยิบตา
“หรือจะเป็นผู้สืบทอดของเขาลงมือ? หรือว่า…” ชายหน้าหยินหยางนึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง โดนพูดเสียจนเริ่มเป็นทุกข์เป็นร้อน
“คิกๆๆ พี่ชาย หากความคิดท่านได้สักครึ่งหนึ่งของพละกำลัง จะยังหยุดอยู่ที่ตำแหน่งผู้คุมกฎขวาไม่ก้าวหน้าได้อย่างไร?” สตรีใสซื่อเท้าเปล่าเปลือยส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วกล่าวขึ้น “ต้าเจ๋อเปี่ยหลบหนีเร้นกาย จะมีผู้สืบทอดได้ที่ไหน?”
“เช่นนั้นมันอย่างไรเล่า?” ชายหน้าหยินหยางอึ้งไป ก่อนจะยิ้มขื่น “ข้าความคิดหลักแหลมเช่นน้องหญิงเสียที่ไหนเล่า จะว่าไปแล้ว ข้ามี ‘สตรีเจ้าแผนการ’ ที่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเช่นเจ้าอยู่ข้างกาย ต้องคิดให้มากเองไปทำไม… ”
สตรีไร้เดียงสากลอกตามองเขาด้วยท่าทีชวนหลงใหล
นางกล่าว “ยามนั้นต้าเจ๋อเปี๋ยและหลิวจื่อหยวนถูกไล่ล่าอยู่หลายปี สู้รบเหนือใต้ บาดเจ็บไม่น้อย จากการคาดเดาของข้าจะต้องเป็นเพราะเขาบาดเจ็บสาหัส ระดับลดฮวบ ไม่อาจดึงพลัง ‘ธนูรั้งจันทรา’ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ จึงทิ้งร่องรอยเช่นนั้นเอาไว้ในการต่อสู้ ส่วนที่ว่าเหตุใดเขาจึงสังหารอู่เปียวโดยไม่ถือสาที่จะเปิดเผยตัวตน อาจมีเหตุผลอื่นซึ่งพวกเราไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้ก็คือคู่สามีภรรยาต้าเจ๋อเปี๋ยต้องอยู่ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์อย่างแน่นอน โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว”
“เช่นนั้นพวกเราก็รีบลงมือค้นหาทั้งในและนอกอำเภอขาวพิสุทธิ์ เชื่อว่าจะต้องหาพวกเขาเจอแน่ ขอแค่จับคนชั่วช้าของสำนักเทพทั้งสองนี้ได้ ไม่ใช่แค่เพียงจะได้รับรางวัลจากสองสำนักเทพ แม้แต่ของวิเศษในตำนานนั่นก็อาจได้มาด้วย…”
สีหน้าของชายหน้าหยินหยางลิงโลด
แต่สตรีใสซื่อกลับส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้ แจ้งสำนักให้สำนักส่งคนมาเถิด”
“อะไร? เนื้อมาถึงปากไยจึงต้องส่งให้ผู้อื่นกินเล่า?” ชายหน้าหยินหยางไม่เห็นด้วย
หญิงสาวใสบริสุทธิ์ยกนิ้วชี้ไปยังชายหนุ่ม แย้มยิ้มน่ารักพลางเอ่ย “พี่ชายคนโง่ของข้า เนื้อมาถึงปากน่ะใช่ แต่ต้องกินมันลงไปได้ด้วยซิ สามีภรรยาคู่นี้น่ากลัวถึงเพียงใด สองสำนักเทพไล่ล่ามานานหลายปียังสังหารพวกเขาไม่ได้ ต่อให้ต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้าบาดเจ็บสาหัสพลังลดลง แต่ท่านอย่าลืมว่าหลิวจื่อหยวนก็เป็นบุคคลชั้นยอดของสำนักเทพในวันวานเช่นกัน จะดูแคลนไม่ได้”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง พยักหน้าตอบ “ก็จริง”
เขาเป็นผู้ที่หยิ่งทะนงเป็นอย่างมาก แต่ในใจเขาก็ต้องยอมรับ ชายหญิงที่เคยสร้างระลอกคลื่นลูกใหญ่ให้กับแผ่นดินใหญ่เสินโจวคู่นั้นเป็นบุคคลชั้นยอด น่ากลัวอย่างยิ่ง
บุคคลที่ทรงอิทธิพลถึงเพียงนั้น ต่อให้ตกอับโดนรังแก ก็ใช่ว่าใครจะเอาชนะพวกเขาได้
ทว่าเบาะแสที่ราคาล้ำค่ามหาศาลเช่นนี้ หากนำไปแจ้งกับสำนัก ใจของเขายังรู้สึกปล่อยวางไม่ลง
ความคิดของชายหนุ่มไยหญิงสาวจะมองไม่ออก นางยิ้มบางๆ พลางบอก “บางครั้งต้องยอมสละบางส่วนถึงจะให้ได้มา ของที่พวกเรากินลงไปไม่ได้ก็ให้คนอื่นกินไปก่อน คนอื่นคิดอยากกินได้อย่างสบายใจ ก็ต้องตักอะไรให้เรามาบ้าง”
ชายหนุ่มมองมือปราบของอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่ยุ่งวุ่นวายเหมือนมดตรงทางแยกฮั่นด้านล่าง ก่อนจะพยักหน้า นับว่าสุดท้ายเห็นด้วยกับแผนการของหญิงสาว
“ก็ดี…ครั้งนี้แต่เดิมแค่อยากประลองกับไป๋หรูซวง คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับโอกาสเช่นนี้ น้องหญิง หลังจากแจ้งข่าวแล้ว เจ้าไปอำเภอขาวพิสุทธิ์กับข้าสักครั้งเถอะ” เขาเอ่ยปากพูดอีกว่า “ไป๋หรูซวงยามนี้น่าจะอยู่ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว ข้าต้องไปวัดพลังกับเขาเสียหน่อย ผู้สืบทอดของสำนักดับนิวรณ์และสำนักหมาป่าสวรรค์ ควรจะตัดสินให้รู้ดำรู้แดงกันนานแล้ว”
“ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่าน” สตรีใสบริสุทธิ์อิงแอบอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม พยักหน้าพลางหัวเราะ
……
“อู้ว พอใจสุดๆ ไปเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา