นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเอง?
หลี่มู่ใช้สายตาประหลาดยิ่งก้มมองฝ่ามือของตนเอง แล้วมองไปยัง ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงที่ถูกตะขอเหล็กร้อยสะบักหลังอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้ามีชื่อเสียงสะท้านไปทั่วยุทธจักรพายัพมาหลายปีแน่หรือ? ไยจึงอ่อนแอเช่นนี้?”
“เจ้า…รังแกกันเกินไปแล้ว”
เถี่ยเจิ้นตงโกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง กระอักเลือดสีดำออกมาแล้วสลบเหมือดไป
“เอ๋ ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
หลี่มู่คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสคนนี้จะอ่อนแอถึงเพียงนี้
สายตาของเขามองไปยังเวทีสังเกตการณ์ของพรรคมังกรฟ้า
พวก ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนผู้นำระดับสูงของพรรคมังกรฟ้าเห็นสายตาที่กวาดมาจากลี่มู่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันควัน ใจเต้นกระสับกระส่าย
“ข้าสนิทกับใต้เท้าหลี่กังแห่งเมืองฉางอัน…” ตงฟางเจี้ยนทำอะไรไม่ได้ก็พูดประโยคนี้ออกมา แต่ยังพูดไม่ทันจบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นทันที ยากจะเก็บงำความอับอาย เพราะนี่ก็เป็นการแสดงความอ่อนข้อให้กับขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว
หลี่มู่หัวเราะ “ข้ารู้จักกับประธานาธิบดีของอเมริกาด้วยเถอะ จะมีประโยชน์อะไรเล่า”
ร่างเขาราวสายฟ้า กระโดดข้ามท้องฟ้ากว่าสามสิบจั้งมาปรากฏอยู่บนเวทีสังเกตการณ์พรรคมังกรฟ้าในพริบตา
รวดเร็วดุจปีศาจ
“เหตุใดต้องขุดรากถอนโคนกันเช่นนี้…ขุนนางเมืองหลี่ ทำสิ่งใดต้องเหลือทางถอยไว้บ้าง วันหน้าพบกันจะได้ไม่มีปัญหา”
ตงฟางเจี้ยนอกสั่นขวัญแขวน
เสียงกระบี่ดังอ้อยอิ่ง กระบี่ยาวถูกชักออกจากฝัก
เขาวางตาข่ายกระบี่ถี่ยิบไว้เบื้องหน้า ซัดเงากระบี่มากมายออกไป ในขณะที่โจมตีเพื่อป้องกันก็ผละตัวไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ตงฟางเจี้ยนเป็นอันดับหนึ่งในสี่กระบี่ไวแห่งยุทธจักรทิศพายัพ ความชำนาญในวิชากระบี่ไม่ธรรมดา เงากระบี่หนาแน่นดั่งกำแพงเหล็ก ไอเย็นยะเยือก ปราณกระบี่หมุนวน กลิ่นอายที่คมกริบราวตัดเหล็กเฉือนหยกได้ทะลักไปในอากาศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ
“อย่าหลงตัวเองนักเลย วันหน้าข้าไม่ได้อยากจะเจอเจ้าอีกเสียหน่อย”
ฝ่ามือของหลี่มู่ทะลวงเข้าไปในม่านกระบี่เป็นชั้นๆ อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เงากระบี่ทั้งหมดหายไปในชั่วพริบตา
เห็นเพียงหลี่มู่จับกระบี่ของตงฟางเจี้ยนเอาไว้อย่างแม่นยำท่ามกลางเงากระบี่นับร้อยนับพัน
จับกระบี่ด้วยมือเปล่า
ที่จริงนี่ไม่ใช่ทักษะพิเศษอะไร
ความเร็วของปฏิกิริยาตอบสนอง พลังสายตา และความแข็งแกร่งของฝ่ามือ หลี่มู่เหนือชั้นกว่าคู่ต่อสู้ เหนือกว่าขีดสุดของจอมยุทธ์ขั้นรวมจิตอย่างสิ้นเชิง เงากระบี่ทับซ้อนที่เร็วเหมือนสายฟ้าในสายตาคนอื่น แต่ในสายตาเขาเหมือนกับภาพช้า ไม่มีภัยคุกคามอะไรเลย
ข้อมือเพียงสะบัด
กระบี่คมกริบที่มีชื่อเสียงลือเลื่องในยุทธจักรเล่มนี้ก็สั่นขึ้นอย่างที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ตงฟางเจี้ยนร้องลั่น หูโขว่ปริแตก เลือดอาบย้อมนิ้วทั้งห้า ไม่อาจจับกระบี่ที่เขารักดั่งชีพเล่มนี้ได้อีก
“ขุนนางเมืองหลี่ ไว้ชีวิตด้วย…ข้าคือหลานแท้ๆ ของเจ้าเมืองหลี่แห่งเมืองฉางอัน ข้า…” ตงฟางเจี้ยนตะโกนลั่นภายใต้สถานการณ์คับขัน
เขาหวาดกลัวเป็นที่สุด
วันนี้หากหลี่มู่จัดการเขาจนสลบโยนแล้วเข้าห้องขังที่ว่าการ เช่นนั้นชื่อเสียงของเขาก็ย่อยยับสิ้น จะต้องกลายเป็นตัวตลกของยุทธจักรทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างแน่นอน
การเหยียดหยามเช่นนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก
หลี่มู่ได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดก็หยุดมือลง
“เจ้ารู้จักเจ้าเมืองหลี่จริงๆ รึ?” เขาถามขึ้น
ตงฟางเจี้ยนโล่งอก พยักหน้าติดๆ กันก่อนจะตอบ “เป็นเรื่องจริงแน่นอน ข้ารู้จักกับเจ้าเมืองหลี่จริง”
หลี่มู่ขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้”
ตงฟางเจี้ยนนึกยินดี “ใต้เท้าก็รู้จักเจ้านางเมืองหลี่เช่นกันรึ?”
หลี่มู่พลันเงยหน้าหัวเราะลั่น “ข้าหมายถึง…บังเอิญเสียจริงที่ข้าไม่รู้จักกับเจ้าเมืองหลี่”
ตงฟางเจี้ยนแทบจะกระอักเลือด
นี่เรียกว่าบังเอิญแม่เจ้าสิ
เขาถูกหยอกเข้าเสียแล้ว
“ฆ่า”
“หยุดมันเอาไว้”
ยอดฝีมือพรรคมังกรฟ้าบุกมาแล้ว
“พี่ใหญ่ ท่านรีบหนีไป…” ‘กระบี่แจ้งใจ’ เกาเซิ่งเผิงตะโกนบอกตงฟางเจี้ยน จากนั้นก็พุ่งมายังหลี่มู่อย่างบ้าคลั่ง
“ปกป้องท่านตงฟาง”
“ตายเสียดีกว่ายอมแพ้ มังกรฟ้าไร้พ่าย”
“อย่างดีก็แค่สู้ตาย”
ยอดฝีมือของพรรคมังกรฟ้าแต่ละคนคับแค้นเต็มอก พร้อมสละตัวเพื่อผดุงคุณธรรม
ความรู้สึกนี้เหมือนหลี่มู่คือราชามารที่เหี้ยมโหดอำมหิตกำลังล้างสังหารฝ่ายธรรมะอย่างไรอย่างนั้น
“บ้าเอ๊ย พวกเจ้าก็เป็นแค่พวกตัวร้ายเท่านั้น แต่กลับแสดงบทจงรักภักดีปกป้องเจ้านาย แสดงผิดเรื่องรึเปล่าหา”
หลี่มู่รู้สึกไม่สบอารมณ์สุดๆ
เขาก้าวเท้ายาวออกไปรับ
เพียะ เพียะ เพียะ!
จากนั้นซัดไปคนละที
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์รุ่นหนึ่งหรือผู้นำพรรค หรือจะเป็น ‘กระบี่แจ้งใจ’ เกาเซิ่งเผิงผู้แข็งแกร่งขั้นรวมจิต เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือของหลี่มู่ก็โดนตบปลิวราวกับตุ๊กตาของเล่น แต่ละคนร่วงตุบกองอยู่หน้าโซ่ตรวนเหล็กดำกองนั้น ดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย ไร้แรงขัดขืน
ในชั่วพริบตา ยอดฝีมือคนสำคัญทั้งหลายของพรรคมังกรฟ้าก็ไม่เหลือสักคนเดียว ทั้งหมดถูกซัดร่วงไปกองอยู่บนพื้น
ส่วนลูกศิษย์ทั่วไปพรรคมังกรฟ้าที่พลังธรรมดาต่างมองหน้ากันไปมา มือถืออาวุธแต่ขากลับอ่อนแรง ไม่กล้าบุกไปอีก
ล้อมโจมตีเป็นวิธีที่ผู้อ่อนแอเอาชนะผู้แข็งแกร่งเสมอ
แต่วิธีนี้ได้ผลกับผู้แข็งแกร่งทั่วไปเท่านั้น
สำหรับตัวประหลาดอย่างหลี่มู่ ต่อให้มีคนมากกว่านี้บุกมาก็เป็นได้แค่เครื่องเซ่น
หากพูดตรงๆ อีกสักหน่อยก็คือ ขวัญกำลังใจและจิตมุ่งต่อสู้ของยอดฝีมือที่นี่ล้วนมลายหายเพราะโดนฝ่ามือนั้นตบผัวะๆ ต่อให้เป็นยอดฝีมือในยุทธจักรที่ดื้อดึงหยิ่งยโสเพียงใดก็ต้องหัวหด
แข็งแกร่งเกินไป
แข็งแกร่งเกินพิกัดไปแล้ว
จากต้นจนจบล้วนเป็นการบดขยี้
ต่อให้เป็น ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงหรือ ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนยอดฝีมือระดับหนึ่งขั้นรวมจิตที่พลังแข็งแกร่งที่สุด ยามอยู่ต่อหน้าหลี่มู่ แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ไม่อาจสำแดงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา