จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 69

บทที่ 69 ขี่หมามาเยือน
ProjectZyphon
บนผิวน้ำที่แต่เดิมราบเรียบแผ่ระลอกคลื่นสีขาวเหมือนมีครีบปลาลากอยู่ใต้น้ำ ดวงจันทร์ทั้งสองที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำวูบไหว แสงจันทร์ขยับไปมา ก่อนแปลงเป็นอักขระโบราณตัวแล้วตัวเล่าวิ่งไปบนผืนน้ำ

หลี่มู่รู้สึกทันทีว่าในอากาศมีอะไรบางอย่างไหลวน

ในระยะหลายร้อยจั้งทั่วบริเวณทะเลสาบ มีพลังลึกลับบางอย่างกำลังรวมตัวกัน

อักขระโบราณบนผิวน้ำขยับไหวส่องประกายแสงเจิดจ้า ต่อมาลำแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็พุ่งขึ้นฟ้าออกมาจากอักขระโบราณพวกนี้

ลำแสงต่างพันรัดซึ่งกันและกัน

ดูแล้วเหมือนมีฝ่ามือไร้รูปร่างกำลังใช้ลำแสงพวกนี้เป็นเส้นไหมถักทออะไรสักอย่าง

สุดท้าย กรงขังที่เหมือนกับกรงนกก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงเงาที่หมุนวน

ขั้นตอนทั้งหมดรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

หลี่มู่และโลลิน้อยหมิงเยวี่ยถูกขังอยู่ในกรงนกลำแสงขนาดมหึมา

นักพรตตาบอดยืนอยู่บนหลังอีกายักษ์กลางฟ้า นิ้วขยับทำปางมือ ปากร่ายคาถาอาคม

นี่คือ…ค่ายกล

ในหัวของหลี่มู่สว่างวาบ พลันเข้าใจขึ้นมาทันที

มารดามันเถอะ นักพรตเวรนี่กล้าลอบทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ

นักพรตตาบอดจะต้องมาถึงที่นี่ก่อนแล้วแอบเตรียมการบางอย่าง วางกลไกเอาไว้รอบๆ เป็นแน่…

ชิงเฟิงและหม่าจวินอู่พูดไว้ไม่ผิด นักพรตเวรนี่ใช้วิชามารได้จริงๆ ด้วย

ฉากแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เคล็ดการต่อสู้อะไรทำได้อย่างแน่นอน

“นักพรตชั่ว เจ้าใจไร้ธรรมะ วางอุบายกับข้างั้นรึ?” สีหน้าของหลี่มู่อึมครึม “นี่หรือเรียกว่าผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์?”

ประมาทไปแล้ว

“กำจัดปีศาจ ไม่ต้องเลือกวิธี” สีหน้าของนักพรตตาบอดแข็งทื่อราวกับผีดิบ

เขาทำปางมือ ปากร่ายทำนองคาถาที่งึมงำฟังไม่ชัด จากนั้นก็รัวคำพูด “ ‘เต๋าไร้สิ้นสุด หยิบยืมพลังจากฟ้าดิน’ สลาย!”

กรงขังลำแสงสั่นสะเทือน เปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้น

เห็นเพียงในลำแสงทุกต้นมีอักขระบางอย่างหมุนวนอยู่รางๆ กรงขังค่อยๆ หดเล็กลง ลำแสงกลายเป็นเส้นสีเงินเล็กบางเหมือนคมมีดเชือดเฉือนมายังหลี่มู่และหมิงเยวี่ย

หลี่มู่ชกหมัดออกไป

พลังหมัดราวมังกร คลื่นอากาศทรงพลัง ถาโถมออกไปอย่างบ้าคลั่งและระเบิดโจมตีกลางอากาศ

ตาข่ายที่บางดุจคมดาบรับหมัดเข้าเต็มๆ แต่พลังหมัดแข็งแกร่งซัดผ่านตาข่ายแสงไป ทำให้ตาข่ายบิดเบี้ยวสั่นไหวเท่านั้น กลับไม่อาจทำลายมันได้

สุดท้ายพลังแข็งแกร่งของหมัดนี้ก็แค่ทะลวงผ่านไปเท่านั้น

หลี่มู่ได้เห็นก็รู้ว่าตนระเบิดตาข่ายแสงที่หดเล็กและเชือดเฉือนข้ามอากาศมาไม่ได้แน่แล้ว

เขาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทิศออกหมัด สะเทือนไปยังนักพรตตาบอดและอีกายักษ์ที่อยู่กลางอากาศ

ครั้นหมัดนี้ชกออกไป อากาศแผ่ระลอกก่อเป็นปราณทรงพลัง เสาอากาศโปร่งแสงตั้งตรง ผ่าท้องฟ้าลงมาเหมือนดาบเทวะไร้รูปร่างขนาดหลายร้อยจั้ง

อาศัยเพียงกำลังกายชกหมัดที่มีพลังได้ถึงเพียงนี้ ก็สามารถพูดได้ว่าน่าครั่นคร้ามแล้ว

พลังหมัดดั่งดาบเทวะไร้รูปร่างทะลุผ่านกรงขังตาข่ายแสง สะเทือนไปถึงนักพรตตาบอดและอีกายักษ์

“เต๋าไร้สิ้นสุด หยิบยืมพลังจากฟ้าดิน…ป้องกัน!”

นักพรตตาบอดสีหน้าจริงจัง ตะเบ็งเสียงเอ่ย

ขนนกที่ให้ความรู้สึกเหมือนโลหะรอบกายเขาราวกับมีชีวิต เคลื่อนไหวล่องลอยเหมือนลำดับขีด จับกลุ่มกันเองเป็นอักษรและเครื่องหมายโบราณต่างๆ กัน จากนั้นสร้างค่ายกลประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมา

พลังหมัดของหลี่มู่ซัดไปบนค่ายกลพวกนี้ แรงกระเพื่อมเป็นคลื่นราวกับระลอกน้ำก็ไม่ปาน

ขนนอกสีดำแต่ละอันปลิวว่อนจากแรงสั่นสะเทือน

แต่ขนนกสีดำอันอื่นๆ ก็เข้ามาแทนที่

ขนนกดำราวกับลำดับขีดอักษรก่อตัวขึ้นเอง กลายเป็นเครื่องหมายซ้อนทับกัน และเหนี่ยวนำพลังจากฟ้าดิน สร้างเป็นเกราะไร้รูปร่างปกคลุมนักพรตตาบอดเอาไว้ข้างใน

ตูม ตูม ตูม!

พลังหมัดแต่ละหมัดปะทะไปบนเกราะคุ้มกัน

อีกายักษ์ส่งเสียงร้องแหลมสูง ร่างถูกแรงสะเทือนจนโซเซบินถอยหลังไม่หยุด

สีหน้าของนักพรตที่แต่เดิมเคร่งขรึมก็ปรากฏร่องรอยเหลือเชื่อเช่นกัน

เห็นได้ชัด เขาคิดไม่ถึงว่าปราณจากหมัดของหลี่มู่จะน่ากลัวถึงขนาดนี้

นักพรตตัวเอียงจนเกือบจะเสียสมดุลร่วงลงมาจากหลังอีกา จึงย่อมประสานปางมือและร่ายคาถาต่อไปไม่ได้ สุดท้ายได้แต่หมอบลงกอดคออีกาเอาไว้ ถึงจะฝืนทรงตัวได้

“กา กา กา…”

อีกายักษ์ร้องอย่างโมโห

มันกระพือปีกบินสูงขึ้น

เงาร่างมหึมาสีดำฉวัดเฉวียนราวกับอสุนีแลบแปลบปลาบ กะพริบหลบปราณหมัดที่หลี่มู่โจมตีออกมา ไม่ต่างจากเครื่องบินขับไล่ที่แสดงทักษะหลบหลีกต่างๆ ไม่หยุด

ในสถานการณ์เช่นนี้ นักพรตตาบอดค่อนข้างทุลักทุเล ไม่อาจควบคุมกรงตาข่ายแสงได้อีกต่อไป

ร่างกายของจอมเวทอย่างไรเสียก็สู้จอมยุทธ์ไม่ได้

แต่ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ วิกฤตอันตรายของหลี่มู่ก็ยังไม่สามารถจัดการได้โดยสิ้นเชิง

เมื่อไร้การควบคุมจากนักพรตตาบอด กรงตาข่ายแสงก็แค่ไม่หดเล็กลงมา แต่มันยังคงอยู่เหมือนเดิม

โลลิน้อยหมิงเยวี่ยโยนดาบสั้นในตัวออกไป

ดาบสั้นตีขึ้นจากเหล็กกล้าชั้นยอด ด้วยความแข็งแกร่งของมัน เมื่อสัมผัสตาบนข่ายแสงนั้นกลับหักสะบั้นลงอย่างไร้สุ้มเสียงเหมือนโคลน รอยหักราบเรียบดั่งผิวกระจก

เด็กน้อยหมิงเยวี่ยผู้โง่เขลาเห็นภาพนี้แล้ว ก็ไปหลบหลังหลี่มู่ทันทีเหมือนกระต่ายตกใจ

“เข้…”

หลี่มู่สบถคำหยาบในอินเทอร์เน็ตบนโลกออกมา

ในสมองเขาพลันผุดภาพทางเชื่อมรักษาความปลอดภัยที่ยิงเลเซอร์ออกมาแล้วผ่าทุกสิ่งให้กลายเป็นลูกเต๋าของบริษัทอัมเบรล่าคอเปอเรชั่นจากหนังเรื่อง ‘ผีชีวะ’

นักพรตชั่วตาบอดนี่สร้างค่ายกลอะไรออกมา ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้?

กายเนื้อของหลี่มู่ผ่านการยกระดับทางกายภาพจาก ‘พลังก่อนกำเนิด’ และฝึกฝนพลังจาก ‘หมัดยุทธ์แท้’ จึงแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่มีทางแข็งไปกว่าเหล็กกล้าได้

หากกรงตาข่ายแสงนั่นผ่ามาทั้งหมด เกรงว่าคงเหมือนกับดาบสั้นเมื่อครู่ กลายเป็นก้อนเนื้อสารพัดรูปทรงในชั่วพริบตาแน่นอน

คราวนี้เหงื่อเย็นชื้นซึมออกมาจากหน้าผากของหลี่มู่

ตอนนี้เขาถึงเข้าใจอย่างแท้จริงว่า สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายเพียงใด

“ว้ากกกกกกก ต่อยเข้า ต่อยเข้า ต่อยๆๆๆ….”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา