หลี่มู่โคจรกำลังภายใน กล้ามเนื้อทั่วร่างขยายใหญ่ เลือดลมไหลเวียนเร็วขึ้น กระดูกสันหลังสั่นเทา ส่งเสียงลั่นต่ำทุ้ม ราวกับมังกรที่หมายจะทะยานขึ้นฟ้า
นี่คือสภาวะที่เขาแข็งแกร่งที่สุด
เขาสัมผัสได้ถึงการข่มขู่อันไร้รูปร่างจากนักพรตตาบอดคนนี้
นักพรตผู้นี้ยืนเหมือนลำไผ่ท่ามกลางแสงจันทร์สว่าง ชุดนักพรตสะบัดพลิ้วกลางสายลมยามราตรี ร่างผอมแห้งเสียจนเหมือนลมจะพัดปลิวได้ แต่แผ่กระจายกลิ่นอายอันตรายออกมา ประหนึ่งสัตว์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ตัวมหึมาที่เก็บซ่อนหน้าตาอยู่ในเงามืด
หากไม่ใช่ว่าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายเช่นนี้ ด้วยนิสัยของหลี่มู่คงซัดหน้าหันไปนานแล้ว จะพูดให้มากความแบบนี้เสียที่ไหน
“ข้า?” เสียงของนักพรตแหบแห้ง “เป็นคนน่าสงสารที่ไร้บ้านให้กลับ”
แม่แกสิ
ยอดฝีมือนี่เป็นพวกคนบ้าจิตไม่ปกติไปเสียทุกคนรึไง?
ไม่ต้องวางท่าให้มาก พูดจากันให้ดีๆ ไม่ได้หรือ
หลี่มู่บ่นในใจ ก่อนจะถามอีก “จับเด็กรับใช้ของข้ามาทำไม?”
“เจ้าไม่รู้รึ?” นักพรตแสยะยิ้ม สีหน้าแข็งทื่อรวมกับเบ้าตากลวงโบ๋เหมือนคลื่นวนสีดำ ยิ่งทำให้เขาดูน่าขนลุกเข้าไปใหญ่ “เจ้าเด็กนี่เป็นปีศาจ”
“ปีศาจ? ปีศาจอะไร?” หลี่มู่ถาม
อาศัยโอกาสนี้รู้ตื้นลึกหนาบางของหมิงเยวี่ยให้ชัดเจนไปเลย
อย่างไรเสียเขาก็รู้สึกว่าหมิงเยวี่ยไม่ปกติอยู่แล้ว
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ตกใจเลยสักนิด?” นักพรตถึงแม้จะตาบอด แต่กลับรู้ชัดเจนถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่มู่ จึงย้อนถามกลับไป “เจ้ารู้นานแล้วใช่หรือไม่?”
หลี่มู่ส่ายหน้า “รู้แค่ว่ายัยเด็กนี่กินจุจนน่ากลัว ดังนั้นเลยรู้สึกว่าแปลก แต่ไม่รู้ว่านางเป็นปีศาจอะไร”
“อ้อ” นักพรตได้ยินดังนั้นก็คล้ายครุ่นคิดอะไร
เขาก้มหน้าเหมือนขบคิดอะไรสักอย่าง เอ่ยเหมือนพูดกับตัวเองว่า “เหมือนจะพูดความจริง”
หลังจากขบคิดเสร็จ นักพรตตาบอดก็เงยหน้าขึ้นกล่าว “ผู้ไม่รู้ไม่สมควรเอาผิด ในเมื่อเจ้าไม่รู้ บนร่างก็ไม่มีกลิ่นอายปีศาจ เช่นนั้นก็ไปเสียเถอะ ข้าไม่ฆ่าเจ้า”
ไป?
หลี่มู่ไม่ไปแน่นอน
ข้าตามมาตลอดทาง แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อมาดูเจ้าวางท่าแล้วก็จากไป
เขาหัวเราะฮี่ๆ พูดว่า “ท่านนักพรตยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าหมิงเยวี่ยเป็นปีศาจอะไร”
นักพรตตาบอดทำหน้าเหมือนขาดอากาศ กล่าวเนิบช้าว่า “ข้ายังดูไม่ออก”
“พรืด…ท่านนักพรตคงไม่ได้ล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?” ตาของหลี่มู่หรี่เล็กลง
“ข้าไม่เคยล้อเล่น” สีหน้าของนักพรตตาบอดกลับมาแข็งทื่อดังไม้ผุๆ เหมือนเดิม
“ในเมื่อดูไม่ออก ถ้าหมิงเยวี่ยไม่ใช่ปีศาจเล่า?” หลี่มู่ถามอีก
“ถึงแม้จะดูไม่ออก แต่กลิ่นอายปีศาจลอยตลบพวยพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นอายปีศาจมหาศาลหาได้ยากยิ่งในโลกนี้ ข้าไม่มีทางมองผิดแน่นอน” นักพรตตาบอดพูดอย่างมั่นใจเป็นที่สุด
หลี่มู่ถามอีก “ท่านนักพรตมีอาชีพกำจัดปีศาจ?”
“ข้าเคยสาบานไว้ว่าจะกำจัดปีศาจในโลกหล้าให้สิ้นซาก” นักพรตตาบอดพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ฆ่าปีศาจได้ตัวหนึ่งได้เงินเท่าไหร่?” เขาถามอีกครั้ง
“หาใช่เพื่อเงินทอง” นักพรตตอบ “แต่เพื่อผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์”
หลี่มู่อับจนคำพูด
ผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์?
เหมือนจะเป็นนักพรตชั่วที่มีหลักการนะนี่
แต่ว่าเจ้าเป็นนักบวชจะวางท่าขนาดนี้ไปทำไมเล่า
เขาค่อนขอดในใจ แต่ใบหน้ากลับยังยิ้มร่า ถามขึ้นอีกว่า “ไม่ว่าจะเป็นปีศาจดีหรือร้าย ท่านก็ฆ่าทั้งหมด?”
นักพรตตาบอดแค่นหัวเราะ “บนโลกนี้จะไปมีปีศาจดีได้อย่างไร?”
“ในเมื่อคนยังมีแบ่งดีชั่ว เช่นนั้นทำไมปีศาจจะแบ่งไม่ได้เล่า?” หลี่มู่ย้อนถาม
“ปีศาจจะเอามาเทียบกับมนุษย์ได้อย่างไร?” น้ำเสียงของนักพรตตาบอดเริ่มเจือความโมโห
หลี่มู่คิดถึงประโยคทองของพระถังซัมจั๋งที่น่ารำคาญเหมือนแมลงวันในหนังเรื่อง ‘ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน’ บนโลก ดังนั้นจึงหัวเราะลั่น “คนแม่ก็คลอดออกมา ปีศาจแม่ก็คลอดออกมา ในเมื่อล้วนมีแม่คลอดมา แน่นอนว่าย่อมเหมือนคน ทำไมจะเทียบไม่ได้?”
นักพรตตาบอดนิ่งอึ้ง
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าหลี่มู่จะพูดจาเช่นนี้
เขาใช้น้ำเสียงผิดหวังและโมโหกล่าวอย่างฉุนเฉียว “มีอย่างนี้ที่ไหนกัน…ผู้เยาว์ เจ้ามีพรสวรรค์เลิศล้ำ นับว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่คน เห็นแก่ที่เจ้าไม่รู้ว่าเด็กรับใช้นี่เป็นปีศาจ ข้าจะไม่หาเรื่องเจ้า เจ้าอย่าได้ใช้คำเพ้อเจ้อไร้สาระมาทดสอบความอดทนของข้า”
หลี่มู่เอ่ย “ทำไม หากข้าพูดอีกสองสามประโยค ท่านนักพรตจะฆ่าข้าอย่างนั้นรึ?”
“ข้าไม่ฆ่าคน” นักพรตพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่หากคนคบค้ากับปีศาจ ไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ เช่นนั้นก็คือปีศาจมนุษย์ ต้องฆ่าทิ้ง”
พรืด!
หลี่มู่น้ำแทบพุ่งออกจากปาก
สาวประเภทสอง[1]คำนี้ ที่แท้ดาวดวงนี้มีคำอธิบายอย่างนี้เองหรอกหรือ
นักพรตชั่วคนนี้นี่ช่างไม่มีอารยธรรมจริงๆ
หลี่มู่ไม่พูดอะไรอีกต่อไป
เขาเริ่มถอดเสื้อออก
ภายใต้แสงจันทร์ หลี่มู่ถอดชุดคลุมยาวบนร่างอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นถอดกางเกงออก สุดท้ายก็ถอดรองเท้า ทั้งตัวเหลือแค่กางเกงชั้นในเท่านั้น เขาพับเสื้อที่ถอดออกมาอย่างเป็นระเบียบแล้ววางไว้ข้างหินก้อนหนึ่ง ใช้ก้อนหินทับมันเอาไว้
“เจ้าทำอะไร?” นักพรตตาบอดงุนงงนัก
หรือขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์จะเป็นคนบ้า?
ต่อให้เป็นนักพรตตาบอดที่รอบรู้ ในตอนนี้ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน
หลี่มู่หัวเราะ
“มารดาท่านตาบอดรึ ข้ากำลังถอดเสื้ออยู่น่ะสิ…อ้อ โทษที ลืมไป ท่านก็ตาบอดจริงๆ นั่นแหละ”
เขาเริ่มเสียดสีสร้างศัตรู
ทว่านักพรตตาบอดไม่โมโหเป็นเดือดเป็นร้อนตามความคิดของหลี่มู่ แต่กลับถามอย่างแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “เหตุใดจึงต้องถอดเสื้อ?”
บ้าเอ๊ย ทำไมอารมณ์ของนักพรตชั่วถึงได้เย็นนักนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา