จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 71

บทที่ 71 ซวยบรรลัยแล้ว
ProjectZyphon
ครืน!

เกลียวน้ำขนาดประมาณหนึ่งจั้งพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าจากกลางทะเลสาบ

อักขระค่ายกลแปลกประหลาดที่แต่เดิมลอยกระจัดกระจายอยู่บนผิวน้ำถูกเกลียวน้ำฉีกทำลายภายในเสี้ยวขณะ กรงตาข่ายแสงที่ยังเลือนรางเหลืออยู่กลางอากาศสลายไปทันที

หินสีดำก้อนนั้นสั่นไหวรุนแรง จากนั้น ‘เติบโต’ ขึ้นอย่างรวดเร็ว

‘อะไรวะเนี่ย…’

หลี่มู่รู้สึกแค่ว่าใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือน ทั้งตัวเหมือนถูกโยนออกไป

มือข้างหนึ่งของเขาจับเด็กน้อยหน้ามึนหมิงเยวี่ยเอาไว้ ร่างลอยอยู่กลางอากาศแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

หลี่มู่สำแดงวิชาตัวเบา พยายามทรงตัวกลางอากาศ

“ว้าวๆๆ…ตื่นเต้นดีจริงๆ…” หมิงเยวี่ยกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น

พระจันทร์เหนือหัวหายไป เงาดำผืนหนึ่งปรากฏ

หลี่มู่เงยหน้าขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว

ม่านตาของเขาหดเล็กลง

‘หาง’ สีดำขนาดมหึมายาวหลายร้อยจั้งมาพร้อมกับละอองหมอกคลุมเครือ กำลังสะบัดข้ามทะเลสาบมาราวกับสายอสุนีกลางท้องฟ้าราตรี

บนทะเลสาบราวกับมีพายุฝนห่าใหญ่

“หินก้อนนั้น…คือหาง?”

ขนทั่วร่างหลี่มู่ลุกชัน

ตอนนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าหินสีดำที่เขายืนข้างบนเมื่อครู่ไม่ใช่ก้อนหินอะไรเลย แต่เป็นหางของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอะไรไม่รู้ ก่อนหน้านี้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำดูละม้ายหินสีดำ

แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรกันถึงได้ตัวมหึมาขนาดนี้

หางใหญ่ถึงขนาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นก้อนหิน

ตูม!

หางมหึมานั้นตบลงไปบนผิวน้ำ หยดน้ำสาดกระจายราวพายุฝนฟ้าคะนอง

ทั่วทั้งทะเลสาบระเบิดขึ้นมาราวกับข้างใต้ฝังระเบิด T.N.T หนักหลายร้อยจินเอาไว้

หลี่มู่พาหมิงเยวี่ยหลบไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่ถูกหางนั่นตบเอา แต่ทั้งร่างเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ

ทั้งสองร่อนลงที่ริมฝั่ง

หลี่มู่หวาดผวา

หมิงเยวี่ยร้องกรี๊ดอย่างสนุกสนาน

สัตว์ตัวใหญ่ยักษ์สูงหลายร้อยจั้งเป็นเงาตะคุ่มอยู่ท่ามกลางละอองหมอกคลุมเครือ

ผิวน้ำโหมซัดเป็นระลอก

“นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน?” เด็กหนุ่มหาเสื้อผ้าของตนที่วางเอาไว้ริมฝั่งเจออย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเปียกโชกหมดแล้ว แต่ก็รีบใส่อย่างเร็วรี่ อย่างน้อยก็ดีกว่าเนื้อตัวล่อนจ้อน

“ไอปีศาจรุนแรงยิ่งนัก…” ขอทานเฒ่าอ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่เข้าไปได้

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!” เจ้าสุนัขสีน้ำตาลขู่แยกเขี้ยว เห่าไปยังสระน้ำอย่างบ้าคลั่ง

แม้แต่นักพรตตาบอดที่บาดเจ็บหนักก็ลืมแม้แต่ร้องครวญคราง มองไปยังสระน้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร ปีศาจชั้นยอดเช่นนี้อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ไยก่อนหน้านี้ข้าจึงไม่รู้สึก…”

เสียแรงที่ตนมีปณิธานจะมีชีวิตอยู่เพื่อกำจัดปีศาจ ครั้งนี้มองพลาดไปเสียแล้ว

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็ยืนอยู่บน ‘หินสีดำ’ ก้อนนั้นเช่นกัน

ทั้งยังเคยวางค่ายกลรอบหินสีดำนั่นด้วย

เขาที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมหยุดอยู่กลางน้ำนานสองนาน แต่กลับไม่พบปีศาจตัวมหึมาขนาดนี้…นี่มันเรื่องน่าหัวเราะชัดๆ

“ไอปีศาจรุนแรงนัก” ประโยคที่สองของขอทานเฒ่าก็ยังคงเอ่ยคำทอดถอนใจของตนเองซ้ำอีก

หลี่มู่ได้ยินคำดังนั้นก็นึกประหลาดใจ

ไอปีศาจคืออะไรกันแน่?

ก่อนหน้านี้นักพรตตาบอดและขอทานเฒ่าพูดกันหลายครั้งว่าบนร่างของหมิงเยวี่ยมีไอปีศาจ แต่ทำไมตนเองจึงมองไม่ออก?

เขาเพ่งพินิจไปกลางบึงน้ำอย่างละเอียด

อสุรกายละม้ายสัตว์ยักษ์บรรพกาลโผล่ร่างท่อนบนออกมาจากคลื่นปั่นป่วน ประหนึ่งสันเขาสีดำสลับสูงต่ำ หางมหึมาขยับขึ้นลง ทุกครั้งที่ฟาดลงมาทำเอาบึงน้ำปั่นป่วนคลื่นซัดถาโถม

เห็นได้รางๆ ว่ารอบกายของอสุรกายตัวมหึมานี้มีกระแสอากาศประหลาดที่โปร่งแสงหมุนวนอยู่

หรือกระแสอากาศประหลาดนี่ก็คือไอปีศาจที่ว่ากัน?

หลี่มู่มองไปยังหมิงเยวี่ย

แต่ข้างกายยัยเด็กโลลิไม่มีกระแสอากาศใดๆ หุ้มล้อมอยู่นี่นา

“ก๊าซ——!”

เสียงร้องคำรามดังมาจากทางสัตว์ตัวมหึมา ส่งเสียงขานรับกับเสียงกระหึ่มของน้ำตกเก้ามังกร ดังสะท้อนก้องไปทั่วหุบเหวลึกและขุนเขา

เสียงเช่นนี้แน่นอนว่าดังไปไม่ถึงในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์

หน้าผาลึกหลังเขาแห่งนี้สกัดกั้นเสียงทุกอย่างให้กับเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ตามธรรมชาติ ปกติแล้วเสียงกัมปนาทดุจสายฟ้าฟาดของน้ำตกเก้ามังกรที่ดังทั้งวันทั้งคืน เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังไม่ได้ยินแม้แต่น้อย

หากพูดว่าหน้าผาลึกหลังเขาคือโลกอันลึกลับซับซ้อนของธรรมชาติที่พลุ่งพล่านและป่าเถื่อน เช่นนั้นอำเภอขาวพิสุทธิ์ก็คือโลกที่สงบเงียบ เป็นมิตร เนิบนาบ และผ่อนคลาย

หน้าเขากับหลังเขา โลกสองใบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าใต้หุบเหวหลังเขาจะมีโลกเช่นนี้อีกใบ

เพราะพวกเขาไม่มีทางลงมาจากหน้าผานั้นได้

แต่หลี่มู่ยืนเป็นหนังหน้าไฟอยู่ริมฝั่ง ระลอกคลื่นอากาศที่ก่อตัวขึ้นจากเสียงคำรามของสัตว์ตัวยักษ์ราวกับลมกรด เกือบจะพัดเขากับหมิงเยวี่ยกลิ้งหลุนๆ เป็นน้ำเต้า

คลื่นเสียงคำรามถอนต้นไม้ริมฝั่งหลายสิบต้นออกไปทันที ก้อนหินหนักหลายร้อยจินก็กลิ้งดั่งก้อนฟาง

“นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่?”

หลี่มู่หวาดผวา

สิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกน่าจะเป็นวาฬสีน้ำเงินในมหาสมุทร แต่ขนาดความยาวมากสุดก็ไม่เกินสามสี่สิบเมตร ลิ้นของมันสามารถรับวัยรุ่นได้ห้าสิบคน ส่วนในยุคไดโนเสาร์ของโลกดึกดำบรรพ์ก็มีสิ่งมีชีวิตชื่อว่าพาตาโกไททัน ตัวใหญ่ถึงแปดสิบกว่าเมตร นี่คือสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ที่สุดที่ถูกค้นพบบนโลกแล้ว

แต่อสุรกายเบื้องหน้า ลำพังแค่ส่วนตัวที่โผล่พ้นน้ำมาก็ยาวหลายร้อยเมตรแล้ว เสียงคำรามดั่งอัสนีบาต ผิวดุจหินผา แค่หางก็ยาวเทียบได้กับวาฬสีน้ำเงินสี่ห้าตัวแล้ว เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อน

นี่มันคือสิ่งมีชีวิตอะไรกัน?

ก็อตซิลล่าเหรอ?

“มันคือเจียว ” ขอทานเฒ่าทอดถอนใจรอบที่สาม

ประโยคนี้ในที่สุดก็มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นเสียที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา