เงียบและสุขสงบ
ใต้เท้าขุนนางเมืองจัดการคนในยุทธจักรที่ชั่วร้ายพวกนั้นให้สิ้นซากในวันเดียว สำหรับประชาชนในอำเภอทุกคนแล้ว ความหวาดกลัวและไม่เป็นสุขหลายวันที่ผ่านมาสลายหายไป ในที่สุดพวกเขาก็สามารถนอนอย่างสบายใจ หลับฝันดีได้
บนหอวิจิตรอลังการ
ในที่สุดเด็กชายตัวน้อยฉินเจิ้งที่สวมชุดคลุมยาวลายมังกรสีเหลืองสดก็ทำบทเรียนของหนึ่งวันเสร็จ ก่อนจะกลับห้องมาฝึก ‘วิชาหยกจรัส’
นับตั้งแต่สามขวบ เขาก็เริ่มฝึกฝนตามการจัดการของพี่หญิง
‘วิชาหยกจรัส’ เป็นเคล็ดวิชาที่พี่หญิงเลือกให้เขาด้วยตนเอง ว่ากันว่าฝึกฝนจนถึงขีดสูงสุดจะทำให้ ‘จิตใจไร้มลทิน ร่างบริสุทธิ์ดุจหยก’ เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนกายและใจชั้นยอด กระทั่งว่าสามารถเบิกปัญญา มีประโยชน์มากมาย
เด็กรับใช้ชุดดำชิงเอ๋อร์ที่ติดตามข้างกายอาจารย์หวางยืนอยู่ในห้องดั่งรูปปั้น เฝ้าดูอยู่ข้างกายฉินเจิ้งอย่างเงียบๆ
เขากำลังจับตาดูอยู่ที่นี่ตามคำสั่งขององค์หญิง
สายตาของชิงเอ๋อร์หยุดบนใบหน้าของเด็กชายที่อยู่ในสภาวะ ‘ดำดิ่งในสมาธิ’
ต้องยอมรับว่าองค์ชายน้อยผู้นี้หน้าตางดงามยิ่งนัก รับใบหน้างดงามของบิดามารดามา ฉลาดหลักแหลม แต่มีนิสัยรักสนุก มักจะก่อเรื่องข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง เป็นคุณชายเกเรชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองฉิน หลายครั้งแม้แต่องค์หญิงยังต้องปวดหัว
ชิงเอ๋อร์คิดอยู่หลายครั้ง คนมากมายยอมลำบากและเสียสละเพื่อเด็กน้อยซุกซนผู้นี้ มันคุ้มค่าหรือ?
เขาจะมีอนาคตได้จริงๆ หรือ?
แน่นอน ทั้งหมดนี้นางก็แค่คิดเท่านั้น
ในเมื่อนางมองสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอันซับซ้อนของจักรวรรดิไม่ออก แต่อาจารย์ที่ราวกับเทพเจ้าในสายตาของนางกลับยืนหยัดสนับสนุนเด็กน้อยดื้อรั้นผู้นี้มาโดยตลอด
เวลาไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้น สีหน้าของชิงเอ๋อร์เปลี่ยนไป
ในขณะเดียวกัน ฉินเจิ้งก็ลืมตาขึ้น
หน้าผากของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ สีหน้าขาวซีด ราวกับฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น เขาหอบหายใจถี่ก่อนพูดขึ้น “ข้า…ข้าเหมือนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังตื่นขึ้น”
แสงเทียนไหววูบเบาๆ
ในห้องพลันมีร่างเงาหนึ่งปรากฏ
“เจิ้งเอ๋อร์” มือขององค์หญิงฉินเจินเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของฉินเจิ้งอย่างเบามือ ก่อนจะเอ่ยว่า “วันนี้เจ้าเหนื่อยแล้ว ‘วิชาหยกจรัส’ ย้อนทำร้าย วันนี้ไม่ต้องฝึกแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอรับ” ฉินเจิ้งพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ต่อหน้าพี่หญิงเขาเป็นแกะน้อยว่านอนสอนง่ายเสมอ
ไม่นานนักหญิงรับใช้สองคนก็เข้ามาคอยปรนนิบัติฉินเจิ้งให้เข้านอน
ฉินเจินพยักหน้ากับชิงเอ๋อร์ จากนั้นหมุนตัวออกจากห้องไป
ข้างนอกห้อง อาจารย์หวางยืนรออยู่
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” เห็นองค์หญิงฉินเจินเดินออกมา อาจารย์หวางก็เอ่ยถาม
องค์หญิงฉินเจินส่ายหน้า “ ‘วิชาหยกจรัส’ ของเจิ้งเอ๋อร์ยังฝึกฝนไม่ล้ำลึก สัมผัสถึงกลิ่นอายพวกนั้นได้แค่เล็กน้อย พักคืนหนึ่งก็ไม่เป็นไรแล้ว เพียงแต่… ”
ทั้งสองเดินไปพูดไปจนมาถึงระเบียงทางเดินด้านนอก
สายลมกลางคืนพัดโชย
สายตาของฉินเจินมองไปยังที่ว่าการอำเภอที่ตั้งอยู่บนที่สูง
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวนั้นทะลักออกมาจากข้างหลังที่ว่าการ
กลิ่นอายกลุ่มนี้ทั้งประหลาดทั้งเย็นเยือก ดูถูกไม่ได้เลย ต่อให้แข็งแกร่งเช่นนางก็วางใจไม่ได้
อาจารย์หวางพูดขึ้น “ข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน”
ฉินเจินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้ากล่าว “ก็ดี แต่อย่าได้เข้าไปพัวพันด้วยจะดีที่สุด”
อาจารย์หวางหัวเราะ “องค์หญิงวางใจเถิด”
พูดจบ ร่างของเขาก็หายไปจากที่ตรงนั้น
……
นอกเมือง ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
แสงจันทร์กระจ่างดาราลี้หาย เสียงกบร้องดังเป็นระลอก
ชายหน้าเหลี่ยมมีหนวดเคราผลักประตูกระท่อมมุงจากออกมา ขมวดคิ้วมองไปทางเขาด้านหลังเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์
ประตูข้างหลังเปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวงามล้ำอ่อนหวานเดินออกมาเช่นกัน
“พี่ชิง…” ในสายตาของนางแฝงความกังวลรางๆ
ชายมีหนวดเคราหันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้ กุมมือเนียนขาวของภรรยาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “สุขสงบมานานหลายปี พายุฝนก่อตัวขึ้นอีกแล้ว…ท้องฟ้าเช่นนี้ พายุกำลังจะโหมกระหน่ำ”
“เป็นท่านผู้นั้นที่อยู่ใต้น้ำลึกในอำเภอกระมัง” หญิงสาวงามพิลาศถอนใจ “คิดไม่ถึงเลย ในที่สุดก็มีวันนี้”
“จำศีลใต้น้ำลึกพันปี แปลงกายเป็นมังกรทะยานสู่สวรรค์” ชายมีหนวดเคราท่าทีองอาจผึ่งผาย “ก็ถึงเวลาที่เขาควรทะยานสู่ท้องฟ้าแล้ว ตอนนั้นท่านอาจารย์บอกไว้ว่าเจ้าและข้าจะอยู่สุขสงบได้ห้าปี ยามนี้ก็เป็นปีที่ห้าแล้ว”
“มังกรเจียวปรากฏ โลกหวาดผวา กลัวแต่ว่าคนพวกนั้นจะมาเพราะได้ยินข่าว ถึงตอนนั้นท่านและข้าคงถูกตามเจอร่องรอย ชีวิตที่สุขสงบเช่นนี้ไม่อาจมีได้อีกแล้ว” หญิงสาวซบหน้าลงที่อกของสามี “พายุฝนคาวเลือดจะก่อตัวอีกครั้ง ข้ากับท่านจะสังหารได้สักเท่าไหร่?”
“มาหนึ่งคน ฆ่าหนึ่งคน มาเป็นคู่ ฆ่าทั้งคู่” ชายไว้หนวดเคราองอาจน่าครั่นคร้าม
หญิงสาวแย้มยิ้มบางๆ ราวกับตกอยู่ในห้วงความองอาจของสามี
คิดถึงตอนนั้น นางกำลังเจิดจรัสเป็นที่รักของทุกคน ความรักตกอยู่กับนางเพียงผู้เดียว ผู้เกี้ยวพานางมีมากราวปลาตะเพียนในแม่น้ำ แต่นางไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย นางมองวีรบุรุษมากพรสวรรค์ที่สง่ารูปงามนับพันนับหมื่นของทั้งสามจักรวรรดิแห่งแผ่นดินเสินโจวอย่างไร้ค่า ทว่ากลับมอบใจให้กับชายหยาบกร้านที่มาจากที่ราบทุ่งหญ้าผู้นี้ คนมากมายเหยียดหยาม เยาะเย้ย เสียดสี รอหัวเราะเยาะนาง
แต่ก็เหมือนกับการดื่มน้ำ ร้อนหรือเย็นมีเพียงตนเองเท่านั้นที่รู้
ปุถุชนที่ยึดติดกับกิเลสพวกนั้นจะมาเข้าใจความสุขในใจนางได้อย่างไร
ฝ่าฟันมาตลอดยี่สิบปี แม้วันเวลาผันผ่าน แต่นับจากพบกับชายหนุ่ม จนบัดนี้ก็ยิ่งไม่เคยเสียใจ
ในใจของนาง กัวอวี่ชิงผู้เป็นสามีคือยอดบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
“ต้าเจ๋อเปี๋ยผู้เป็นใหญ่ในที่ราบทุ่งหญ้าย่อมเก่งกาจไร้เทียมทาน หากมีแค่ท่านและข้าย่อมไม่ต้องกังวล แต่วันนี้ข้างกายเรามียายาและเซียวเหยาด้วย” หญิงสาวผู้งามล้ำเงยหน้าขึ้น กล่าวว่า “มิสู้พาพวกเขาไปจากที่นี่ ไปหาที่ปลอดภัย…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา