จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 9

สรุปบท บทที่ 9 การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน: จอมศาสตราพลิกดารา

อ่านสรุป บทที่ 9 การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน จาก จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet

บทที่ บทที่ 9 การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 9 การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ProjectZyphon
แต่หลี่มู่ขาดประสบการณ์ในการต่อสู้จริง หากต้องสู้ขึ้นมาจริงๆ อีกฝ่ายคงไม่ยืนนิ่งเป็นหินให้เขาจัดการตามใจ ดังนั้นหากสู้กับคนที่มีพลังแบบหม่าจวินอู่ โอกาสแพ้มีอยู่ราวเจ็ดส่วนได้

หลี่มู่มีเป้าหมายให้กับตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“พรรคเสินหนงมีอำนาจในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์นี้อย่างไรบ้าง ในนั้นมียอดฝีมือที่ร้ายกาจหรือไม่?” หลี่มู่ถามขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าจวินอู่ใจเต้น

สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลเมื่อวาน ตอนนี้เล่าลือกันในหมู่ชนชั้นสูงของทั้งอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว

ผู้คนมากมายคิดว่าขุนนางเมืองคนใหม่บ้าไปแล้ว ต่างก็รอดูเรื่องตลกกันทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ท่านขุนนางเมืองถามเช่นนี้ หรือว่าคิดจะลงมือกับพรรคเสินหนงจริงๆ?

“พรรคเสินหนงก่อตั้งมายี่สิบกว่าปี เป็นพรรคที่รวมพวกคนคนเก็บสมุนไพร นายพราน และผู้ทำยา มีสมาชิกพรรคราวหลายพันคน ถึงแม้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา แต่ก็นับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ ในนั้นมียอดฝีมือขั้นรวมกำลังประมาณสิบกว่าคน ขั้นรวมปราณสองคน แบ่งเป็นประมุขพรรคซือคงจิ้งกับขุนนางต่างแดนฟ่านฉางอัน” หม่าจวินอู่เป็นหัวหน้าองครักษ์ที่เข้าท่าทีเดียว รู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี สามารถพูดออกมาได้ไม่สะดุด

พูดมาถึงตอนนี้ หัวหน้าองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเสริมอีกประโยคหนึ่ง “พรรคเสินหนงกุมอำนาจในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์มาเป็นเวลาหลายสิบปี มีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อค้าผู้ร่ำรวยและขุนนาง ไม่สามารถดูแคลนได้เลย”

นี่ถือเป็นการเตือนอย่างคลุมเครือมากอย่างหนึ่ง

หม่าจวินอู่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้มีแค่เรื่องพวกนี้

ขุนนางเมืองคนนี้จะเข้าใจหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว

แม้ว่าหลี่มู่จะมีตำแหน่งสูงกว่า แต่ความคิดยังตื้นเขิน ยังหนุ่มและวู่วาม เขาไม่มีทางไปหาเรื่องตายกับหลี่มู่อย่างแน่นอน

เมื่อหลี่มู่ได้ยินข้อมูลเรื่องนี้ อารมณ์ก็ปะทุอยู่ในใจ

พูดแบบนี้แสดงว่าอำนาจของพรรคเสินหนงก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว รับมือยากอยู่

จะอดทนไปอีกปีครึ่งจนกระทั่งพลังพัฒนาไปอีกขั้น แล้วค่อยว่ากันใหม่ดีไหม?

แต่มาคิดดูอีกครั้งก็คงทำไม่ได้

เมื่อสวมรอยไปแล้ว แม้ว่าจะมีน้ำตาก็ต้องทำไปให้ถึงที่สุด

ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นตัวตลกแย่เลยสิ?

เวลานั้นพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายนอก องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “ใต้เท้า ใต้เท้า แย่แล้ว มีคนบุกโรงหมอ จางหลี่และลูกสาวถูกลักพาตัวไป ส่วนจางหรูโดนสังหารแล้วขอรับ…”

“อะไรนะ?” หม่าจวินอู่ลุกขึ้นยืน สีหน้าเปลี่ยนไป

หลี่มู่ตกตะลึง เข้าใจสถานการณ์ในทันที เขาก้าวสองสามก้าวไปด้านหน้า ถามองครักษ์คนนั้นว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“คนของพรรคเสินหนงบุกไปโรงหมอขอรับ…” องครักษ์คนนั้นได้รับบาดเจ็บ เขาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

จางหลี่และลูกสาวเสี่ยวฉินเป็นโจทก์ในคดีนี้ หลี่มู่ส่งพวกเขาไปรักษาตัวที่โรงหมอ ในเวลาเดียวกัน องครักษ์นามว่าจางหรูเป็นคนที่เขาส่งไปคุ้มกันคนทั้งสอง ผ่านไปเพียงวันเดียว กลุ่มพรรคเสินหนงปลุกปั่นคนในกลุ่มว่าจางหลี่กล่าวหาพรรคเสินหนงและร่วมมือกับขุนนางชั่วจะทำลายชีวิตพวกเขา จึงบุกเข้าโรงหมอแล้วลักพาตัวโจทก์ไป แต่จางหรูองครักษ์ของที่ว่าการถูกฆ่าตาย….ช่างบังอาจนัก

“ไอ้xxx”

หลี่มู่ระเบิดอารมณ์ทันใด

กล้าพูดว่าเขาเป็นขุนนางชั่วช้า?

เขาจะฆ่าพวกเวรนั่นให้ได้

……

โรงหมอประจำอำเภอขาวพิสุทธิ์

ประตูบานใหญ่ถูกพังเป็นชิ้นๆ แผ่นป้ายชื่อโดนทำลาย ภายในลานเละเทะ เสียงร้องครวญด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่ว

หมอสี่คนที่นั่นถูกทำร้ายจนสลบไปสามคน อีกหนึ่งคนศีรษะแตกเลือดไหลท่วม ซ้ำยังโดนหักขาข้างหนึ่ง ได้ลูกศิษย์ที่บาดเจ็บเต็มใบหน้าเหมือนกันช่วยประคองไว้ เขานั่งอยู่ที่ประตู มองสภาพโรงหมอที่พังเละเทะด้วยความรู้สึกด้านชา

พรรคเสินหนงกลับไปแล้ว

พวกหลี่มู่มาช้าไปก้าวเดียว

มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ

องครักษ์สี่คนที่ส่งมาคุ้มกันสองแม่ลูกสกุลหลี่ นอกจากคนที่หนีกลับไปรายงานคนนั้น อีกสองคนโดนตัดแขนขาหมดสติอยู่ในห้องตรวจ

ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นองครักษ์ที่ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง และเป็นคนเดียวที่หลี่มู่รู้จัก นั่นก็คือจางหรู ดูเหมือนว่าเขาจะขัดขืนจึงถูกพลั่วปลายแหลมแทงทะลุหน้าอก ถูกตรึงไว้ทั้งเป็นกับฉากกั้นลมไม้แดงในห้องตรวจ ในมือยังคงกำดาบไว้แน่น มีกองเลือดใหญ่อยู่ใต้เท้า ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดและโกรธแค้น ต้องตายไปอย่างไม่สงบ

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่มู่เห็นศพในระยะใกล้ขนาดนี้

แต่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวใดๆ

คนเป็นๆ เมื่อวาน วันนี้กลับกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ

หลี่มู่นำร่างจางหรูลงมา เช็ดใบหน้าให้อย่างเบามือก่อนจะปิดตาให้

ด้านหัวหน้าองครักษ์หม่าจวินอู่ แม้ที่ผ่านมาหลายปีจะเคยชินกับความกำแหงของพรรคเสินหนง แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขายากที่จะซ่อนความโกรธเอาไว้เช่นกัน

เขาหูตาว่องไว ทุกเรื่องที่เกิดในอำเภอเมืองล้วนรู้ทั้งสิ้น

ด้านข้าง นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงเอ่ยกลั้วยิ้มน้อยๆ “พรรคเสินหนงเป็นพรรคที่เจิ้งหลงซิงคอยสนับสนุน และเป็นกำลังหลักของนายตรวจการผู้นี้ หลายปีมานี้ก็จัดการเรื่องให้เขามาไม่น้อยเลย เพียงแต่เจิ้งหลงซิงกลับไม่รู้ว่าใต้เท้าสอดมือเข้ายุ่งในพรรคแบบลับๆ คนผู้นั้นให้คนไปบุกโรงหมอ คงไม่คิดจะสังหารใคร แต่ใต้เท้าลอบไปผสมโรงด้วย…ฮ่าๆ คราวนี้เรื่องวุ่นกันไปใหญ่ ดูซิว่าเจิ้งหลงซิงจะมีจุดจบเช่นไร”

โจวอู่ยิ้มๆ ด้วยสีหน้านึกสนุก เอ่ยว่า “เรื่องนี้น่ะหรือ ยังไม่ใหญ่มากพอ”

“ใต้เท้าหมายถึงว่า…” เฝิงหยวนซิงยิ้มถาม

“ท่านว่าหากขุนนางเมืองหนุ่มของเราไม่ทันระวัง ตายในฐานที่มั่นหลักพรรคเสินหนง เจิ้งหลงซิงจะจนตรอกยิ่งกว่าเดิมหรือไม่” ผู้ช่วยขุนนางเมืองกล่าวเรียบๆ

คู่สนทนาชะงักไป จากนั้นดวงตามีแววตระหนกพาดผ่าน

เป็นแผนการที่เหี้ยมนัก

ถ้ายืมมือพรรคเสินหนงฆ่าขุนนางเมืองได้ เกรงว่าอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ขุนนางขั้นเก้าคนหนึ่งตายในน้ำมือของหนึ่งพรรค ถึงแม้การปกครองท้องถิ่นของจักรวรรดิจะหละหลวมทุจริตยิ่งกว่านี้ แต่ก็ต้องสืบเรื่องราว จากความสัมพันธ์ของเจิ้งหลงซิงกับพรรคเสินหนิง ทางจักรวรรดิสืบเจอตัวได้ไม่ยาก ถึงคราวนั้นต่อให้ไม่ตาย นายตรวจการผู้นี้ก็จบเห่แน่

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอแค่จัดการอะไรสักหน่อย ตำแหน่งขุนนางเมืองของอำเภอนี้ก็จะตกเป็นของโจวอู่แล้ว

……..

ในเวลาเดียวกัน

จวนนายตรวจการ

เจิ้งหลงซิงกำลังมีสีหน้ายินดี “ฮ่าๆ เจ้าเต่าหัวหดนี่ออกจากที่ว่าการได้เสียที ไม่เสียแรงที่ข้าลำบากวางหมากไว้มากมายเพียงนั้น…แต่ว่าองครักษ์นั่นตายได้อย่างไร? ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามฆ่าคนของทางการ”

“อาจเป็นเพราะพวกโจรในพรรคยั้งมือไม่ดีขอรับ” คนสนิทที่คุกเข่าอยู่อธิบายขณะใจเต้นรัว

“ช่างเถิด อย่างไรก็บรรลุเป้าหมายแล้ว องครักษ์ตายไปคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เจิ้งหลงซิงโบกมือ

“ใต้เท้า ไม่สู้ให้ซือคงจิ้งจัดการฆ่าเจ้านั่นให้จบเรื่องไปเสีย” ข้ารับใช้คนสนิทผู้นั้นหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว

“ไร้สาระ” ผู้เป็นนายก่นด่า “ใครบ้างไม่รู้ความสัมพันธ์ของข้ากับพรรคเสินหนง หากให้เจ้าขุนนางเมืองหนุ่มตายที่นั่น ข้าก็สลัดข้อหาไม่พ้นเช่นกัน เฮอะๆ ยามนี้เกรงว่าทั้งอำเภอเมืองจะสนใจเรื่องนี้กันหมด เจ้าไปบอกซือคงจิ้งให้เก็บตัวอยู่เงียบๆ เสีย ไม่ต้องไปพบหน้าเจ้าเด็กนั่น หากมันบุกไปก็ให้บริวารแสร้งทำเป็นไม่รู้จักแล้วจับตัวไว้ก่อน จากนั้นเหยียดหยามทรมานมันสักหน่อย ค่อยปล่อยตัวไปต่อหน้าฝูงชน….ส่วนเรื่องต่อจากนี้ก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”

“รับบัญชา” คนสนิทผู้นั้นลุกขึ้นแล้วจากไป

………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา