หลี่มู่มีเป้าหมายให้กับตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พรรคเสินหนงมีอำนาจในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์นี้อย่างไรบ้าง ในนั้นมียอดฝีมือที่ร้ายกาจหรือไม่?” หลี่มู่ถามขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าจวินอู่ใจเต้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลเมื่อวาน ตอนนี้เล่าลือกันในหมู่ชนชั้นสูงของทั้งอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว
ผู้คนมากมายคิดว่าขุนนางเมืองคนใหม่บ้าไปแล้ว ต่างก็รอดูเรื่องตลกกันทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ท่านขุนนางเมืองถามเช่นนี้ หรือว่าคิดจะลงมือกับพรรคเสินหนงจริงๆ?
“พรรคเสินหนงก่อตั้งมายี่สิบกว่าปี เป็นพรรคที่รวมพวกคนคนเก็บสมุนไพร นายพราน และผู้ทำยา มีสมาชิกพรรคราวหลายพันคน ถึงแม้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา แต่ก็นับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ ในนั้นมียอดฝีมือขั้นรวมกำลังประมาณสิบกว่าคน ขั้นรวมปราณสองคน แบ่งเป็นประมุขพรรคซือคงจิ้งกับขุนนางต่างแดนฟ่านฉางอัน” หม่าจวินอู่เป็นหัวหน้าองครักษ์ที่เข้าท่าทีเดียว รู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี สามารถพูดออกมาได้ไม่สะดุด
พูดมาถึงตอนนี้ หัวหน้าองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเสริมอีกประโยคหนึ่ง “พรรคเสินหนงกุมอำนาจในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์มาเป็นเวลาหลายสิบปี มีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อค้าผู้ร่ำรวยและขุนนาง ไม่สามารถดูแคลนได้เลย”
นี่ถือเป็นการเตือนอย่างคลุมเครือมากอย่างหนึ่ง
หม่าจวินอู่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้มีแค่เรื่องพวกนี้
ขุนนางเมืองคนนี้จะเข้าใจหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว
แม้ว่าหลี่มู่จะมีตำแหน่งสูงกว่า แต่ความคิดยังตื้นเขิน ยังหนุ่มและวู่วาม เขาไม่มีทางไปหาเรื่องตายกับหลี่มู่อย่างแน่นอน
เมื่อหลี่มู่ได้ยินข้อมูลเรื่องนี้ อารมณ์ก็ปะทุอยู่ในใจ
พูดแบบนี้แสดงว่าอำนาจของพรรคเสินหนงก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว รับมือยากอยู่
จะอดทนไปอีกปีครึ่งจนกระทั่งพลังพัฒนาไปอีกขั้น แล้วค่อยว่ากันใหม่ดีไหม?
แต่มาคิดดูอีกครั้งก็คงทำไม่ได้
เมื่อสวมรอยไปแล้ว แม้ว่าจะมีน้ำตาก็ต้องทำไปให้ถึงที่สุด
ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นตัวตลกแย่เลยสิ?
เวลานั้นพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายนอก องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “ใต้เท้า ใต้เท้า แย่แล้ว มีคนบุกโรงหมอ จางหลี่และลูกสาวถูกลักพาตัวไป ส่วนจางหรูโดนสังหารแล้วขอรับ…”
“อะไรนะ?” หม่าจวินอู่ลุกขึ้นยืน สีหน้าเปลี่ยนไป
หลี่มู่ตกตะลึง เข้าใจสถานการณ์ในทันที เขาก้าวสองสามก้าวไปด้านหน้า ถามองครักษ์คนนั้นว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“คนของพรรคเสินหนงบุกไปโรงหมอขอรับ…” องครักษ์คนนั้นได้รับบาดเจ็บ เขาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
จางหลี่และลูกสาวเสี่ยวฉินเป็นโจทก์ในคดีนี้ หลี่มู่ส่งพวกเขาไปรักษาตัวที่โรงหมอ ในเวลาเดียวกัน องครักษ์นามว่าจางหรูเป็นคนที่เขาส่งไปคุ้มกันคนทั้งสอง ผ่านไปเพียงวันเดียว กลุ่มพรรคเสินหนงปลุกปั่นคนในกลุ่มว่าจางหลี่กล่าวหาพรรคเสินหนงและร่วมมือกับขุนนางชั่วจะทำลายชีวิตพวกเขา จึงบุกเข้าโรงหมอแล้วลักพาตัวโจทก์ไป แต่จางหรูองครักษ์ของที่ว่าการถูกฆ่าตาย….ช่างบังอาจนัก
“ไอ้xxx”
หลี่มู่ระเบิดอารมณ์ทันใด
กล้าพูดว่าเขาเป็นขุนนางชั่วช้า?
เขาจะฆ่าพวกเวรนั่นให้ได้
……
โรงหมอประจำอำเภอขาวพิสุทธิ์
ประตูบานใหญ่ถูกพังเป็นชิ้นๆ แผ่นป้ายชื่อโดนทำลาย ภายในลานเละเทะ เสียงร้องครวญด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่ว
หมอสี่คนที่นั่นถูกทำร้ายจนสลบไปสามคน อีกหนึ่งคนศีรษะแตกเลือดไหลท่วม ซ้ำยังโดนหักขาข้างหนึ่ง ได้ลูกศิษย์ที่บาดเจ็บเต็มใบหน้าเหมือนกันช่วยประคองไว้ เขานั่งอยู่ที่ประตู มองสภาพโรงหมอที่พังเละเทะด้วยความรู้สึกด้านชา
พรรคเสินหนงกลับไปแล้ว
พวกหลี่มู่มาช้าไปก้าวเดียว
มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ
องครักษ์สี่คนที่ส่งมาคุ้มกันสองแม่ลูกสกุลหลี่ นอกจากคนที่หนีกลับไปรายงานคนนั้น อีกสองคนโดนตัดแขนขาหมดสติอยู่ในห้องตรวจ
ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นองครักษ์ที่ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง และเป็นคนเดียวที่หลี่มู่รู้จัก นั่นก็คือจางหรู ดูเหมือนว่าเขาจะขัดขืนจึงถูกพลั่วปลายแหลมแทงทะลุหน้าอก ถูกตรึงไว้ทั้งเป็นกับฉากกั้นลมไม้แดงในห้องตรวจ ในมือยังคงกำดาบไว้แน่น มีกองเลือดใหญ่อยู่ใต้เท้า ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดและโกรธแค้น ต้องตายไปอย่างไม่สงบ
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่มู่เห็นศพในระยะใกล้ขนาดนี้
แต่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวใดๆ
คนเป็นๆ เมื่อวาน วันนี้กลับกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ
หลี่มู่นำร่างจางหรูลงมา เช็ดใบหน้าให้อย่างเบามือก่อนจะปิดตาให้
ด้านหัวหน้าองครักษ์หม่าจวินอู่ แม้ที่ผ่านมาหลายปีจะเคยชินกับความกำแหงของพรรคเสินหนง แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขายากที่จะซ่อนความโกรธเอาไว้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา