จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ นิยาย บท 66

บทที่ 65

“คุยกับเจ้าตัวเขารึยังล่ะ บอกตามตรงนะ หลังจากได้ประสบการณ์จากเรื่องยัยเม แม่เองก็ไม่กล้าตัดสินใจแทนใครอีกแล้วละ” สีหน้าศรีไพรสลดลงทันตา เมื่อพูดถึงเรื่องแย่ๆ ที่ตัวเองก็มีส่วนผิดที่สนับสนุนให้ลูกแต่งงานกับคนมีฐานะโดยไม่ดูให้ดีก่อน

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอก ผมเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจคุณแม่ครับ”

“แม่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นแหละ ส่วนเรื่องของคุณกับยัยมัด ถ้าสองคนรักกันชอบกัน แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่รักและดูแลลูกสาวแม่ให้มากๆ ก็พอ” คนอยากแต่งงานได้ยินถึงกับยิ้มร่าทันที

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมสัญญาว่าจะรักและก็ดูแลมีนาให้ดีที่สุด เท่าที่คนอย่างผมจะทำได้” เขารับคำเสียงหนักแน่น

“อืม แม่เชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังคุณเจตต์”

“งั้นผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอมีนาให้เร็วที่สุดนะครับ”

“ต้องรีบขนาดนั้นเชียว” ผู้เป็นแม่อดล้อเลียนไม่ได้ ทำคนถูกล้อถึงกับยิ้มเจื่อนก่อนตอบ

“เอ่อ…ครับ” คนอยากนอนกอดเมียจึงยอมรับออกไปตรงๆ กระทั่งเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น

“คุยอะไรกันอยู่คะ มากินเกี๊ยวกันได้แล้ว” มีนาที่ยังใส่เสื้อกันเปื้อนเดินออกมาตาม ให้ตายสิ! เขาเพิ่งรู้ว่าเสื้อกันเปื้อนก็เซ็กซี่ได้ เพียงแค่เห็นเธออยู่ในชุดกันเปื้อน เขาก็ถึงกับตาพร่ามองชุดนั่นเป็นชุดเมดเซ็กซี่ และก่อนที่เขาจะคิดเตลิดไปมากกว่านี้ เขาจำต้องสะบัดหน้าแรงๆ ขับไล่ความฟุ้งซ่านนั่นซะ จากนั้นก็รีบเดินตามทั้งสองเข้าไป

หลังจากจัดการมื้อเย็นเสร็จ ทั้งหมดก็มานั่งคุยกันตามประสา ตอนนั้นเองที่ผู้เป็นพ่อหันไปส่งซิกให้ลูกสาว

“พี่มัดขา หนูมีการบ้านตอนปิดเทอมเยอะเลยที่ยังไม่ได้ทำ พี่มัดไปสอนหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากฟังพี่มัดเล่านิทานก่อนนอนด้วยค่ะ คืนนี้พี่มัดไปนอนกับหนูได้ไหมคะ” เด็กน้อยทำเสียงออดอ้อน แน่นอนว่าหนูน้อยไม่ได้มาเล่นๆ

“นะคะคุณยายขา คืนนี้ให้พี่มัดไปนอนกับหนูได้ไหมคะ” เด็กน้อยไม่เพียงเว้าวอน แต่ยังขยับไปกอดแขนคุณยายอย่างออดอ้อนด้วย

“ไม่เอาสิคะจันทร์เจ้า อย่าไปกวนใจคุณยายแบบนั้นสิลูก” อืม! ความพ่อลูกทำงานกันเป็นทีมอะนะ เมื่อคุณพ่อแสร้งเอ็ด คุณลูกก็แสร้งทำหน้าสลด

“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องทำหน้าเศร้าแล้วนะ คุณยายอนุญาตให้ไปก็ได้ค่ะ” ศรีไพรบอกพลางลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนพูดต่อ

“ไปอยู่กับจันทร์เจ้าก็ดีเหมือนกัน คุณยายจะได้สบายใจเรื่องความปลอดภัย เพราะอีกไม่กี่วันคุณยายว่าจะกลับต่างจังหวัดแล้วละ”

“เอ้า! ทำไมรีบกลับล่ะแม่ อยู่กับหนูอีกหน่อยไม่ได้เหรอ เราเพิ่งจะได้อยู่พร้อมหน้ากันนะแม่” ลูกสาวคนเล็กถึงกับโวยวายทันทีที่ได้รู้

“พี่เองก็ว่าจะกลับด้วยเหมือนกันนะ” น้องเล็กถึงกับหันขวับไปมองพี่สาวทันที นี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่กะทันหันสำหรับเธอ

“อะไรเนี่ย ทุกคนจะทิ้งหนูอีกแล้วเหรอ” คนที่เพิ่งรู้เรื่องทำท่างอแง

“พี่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย ถ้าอยากเจอ แกก็ไปหาได้ตลอดแหละ” เมษาบอกพลางลูบหัวน้องสาว

“แล้วพี่จะไปไหน ไม่ได้กลับบ้านกับแม่เหรอ”

“พี่มันกิเลสหนา ชอบอยู่กับแสงสีมากกว่าชนบท ถึงกลับไปพี่ก็ฟุ้งซ่านอยู่ดี สู้อยู่ใช้เงินที่นี่ยังดีกว่า อย่าลืมสิว่าก่อนแต่งงาน ไอ้สารเลวนั่นมันใช้ชื่อพี่ซื้อบ้านซื้อรถ แล้วไหนจะเงินสดอีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ที่อยู่ในบัญชี คอยดูเถอะ พี่จะผลาญเงินมันให้หมด ชดเชยที่มันทำให้ชีวิตพี่ต้องเจอเรื่องบัดซบแบบนี้” พูดถึงอดีตสามี เมษาก็แค้นขึ้นมาอีก คิดไปถึงสมัยก่อนแต่งงาน เห็นรายนั้นซื้อโน่นซื้อนี่ให้ก็หลงนึกว่าจริงใจ ที่ไหนได้มันทำเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงินเท่านั้น

“นี่…ไม่ต้องทำหน้าสงสารฉันขนาดนั้นเลย ฉันไม่ได้สิ้นไร้ถึงขนาดต้องจมปลักอยู่กับผู้ชายเลวๆ เพียงคนเดียวหรอกนะ เพราะถึงฉันจะผิดหวัง แต่ฉันก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองย่ะ ดีซะอีกได้กลับมาโสดอีกครั้ง จะได้เปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อยๆ แล้วถ้าผู้ชายมันหาดีไม่ได้ แค่ซื้อกินเอาก็จบ” เมษายักไหล่อย่างไม่แยแส

“ก็ถ้าพี่ทำได้อย่างที่พี่ว่า หนูก็ดีใจด้วย หนูอยากให้พี่ลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นไปให้หมด แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะพี่” มีนาบอกพลางโผเข้าไปกอดพี่สาว

“รู้แล้วน่า ห่วงตัวแกเองเถอะ คืนนี้จะไปนอนบ้านเขาไม่ใช่รึไง เก็บเสื้อผ้ารึยังล่ะ ไปๆๆ เดี๋ยวฉันช่วย” ว่าแล้วพี่สาวก็กึ่งลากกึ่งจูงมือน้องสาวให้เข้าไปเก็บเสื้อผ้าในห้องด้วยกัน โดยไม่ลืมที่จะพาเด็กน้อยเข้าไปด้วย

“ไปนะคะแม่ ไปนะพี่เม แต่ก่อนกลับพี่กับแม่ต้องรอหนูก่อนนะ ห้ามไปโดยพลการเด็ดขาด ไม่งั้นหนูโกรธจริงๆ ด้วย” เธอโบกมือให้แม่กับพี่สาวที่มายืนส่งอยู่หน้าประตู แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายหันมากำชับทั้งคู่อีก

“รู้แล้วน่า รีบไปได้แล้ว บ่นอยู่นั่นแหละ นี่แกเป็นแม่หรือน้องฉันกันแน่เนี่ย” เมษาว่าพลางโบกมือไล่

“แม่ไม่ได้ขี้บ่นอย่างน้องแกสักหน่อย” คนถูกพาดพิงรีบแก้ต่างให้ตัวเอง จากนั้นทั้งสามก็โผเข้ากอดกัน

“รีบไปเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวจะพานไม่ได้สอนการบ้านจันทร์เจ้ากันพอดี ใช่ไหมคะจันทร์เจ้า” ผู้เป็นแม่ยื่นหน้าไปถามเด็กน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ถ้าสอนการบ้านลูกไม่ทัน ก็หันไปสอนพ่อแทนสิ รายนั้นน่าจะอยากทำอยู่นะ…การบ้านน่ะ” เมษาขยับไปกระซิบข้างหูน้องสาวให้ได้ยินกันสองคน ทำเอาคนเป็นน้องสาวหน้าร้อนผ่าวทันที

“พี่เมอะพูดจาน่าเกลียด หนูไม่คุยด้วยแล้ว งั้นหนูไปนะคะแม่” เธอกระซิบตอบพี่สาว ก่อนหันไปโบกมือลาผู้เป็นแม่ จากนั้นก็หันไปจับจูงมือเด็กน้อยให้เดินไปพร้อมกัน

“งั้นผมไปนะครับ” เจตต์หันมาไหว้ลาบ้าง แต่ยังไม่ทันจะหันหลังเดินตามสองสาวออกไป เสียงของศรีไพรก็ทำให้เท้าทั้งคู่ของเขาหยุดชะงัก

“จันทร์เจ้าแกเป็นเด็กหัวไวนะคะ คุณพ่อสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ว่าแต่ซ้อมกันนานไหม” เจตต์ถึงกับลอบกลืนน้ำลายทันทีที่ถูกอีกฝ่ายรู้ทันแผนการ เช่นเดียวกับเมษาที่ถึงกับหันขวับมองหน้าผู้เป็นแม่ทันที

“นี่แม่ก็รู้เหรอ” เมษาถามเสียงสูง

“แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน แล้วแม่ก็ไม่ได้โง่นี่” คำตอบของศรีไพรทำเอาเจตต์ถึงกับหน้าเผือดแล้วเผือดอีก

“เอ่อ…คือผม” เขาอึกอัก แทบไม่รู้เลยว่าต้องพูดอะไรต่อ เห็นแบบนั้นศรีไพรก็อดขำไม่ได้ จึงแกล้งล้อเลียนให้อีก

“รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสอนการบ้านกันไม่ทันนะ” คนที่ถูกล้อเลียนแกมเหน็บแนมถึงกับเดินเหม่อลอยออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ