บทที่ 19 นับวันก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้น
“พี่ เป็นอะไรไป?”
หลังจากซ่งชีงเหย็นวางสายโทรศัพท์ ซ่งจื่อหารก็รีบถามออกไปในทันที
“เกิดเรื่องกับบริษัทแล้ว การผลิตเครื่องสำอางของชุดสาวงามอดุลของพวกเรา ถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสั่งให้หยุด แล้วโรงงานการผลิตสินค้าก็ถูกตรวจสอบเพื่ออายัดด้วย”
บนใบหน้าของซ่งชีงเหย็นมีความโศกเศร้าอยู่เล็กน้อย เพราะว่าผลิตภัณฑ์สาวงามอดุลนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะค้นคว้าวิจัยและแก้ไขปัญหา เมื่อเริ่มที่จะผลิต ก็คาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์คือถูกตรวจสอบ
แต่ว่า พวกเราทำทุกอย่าง ถูกต้องตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ทุกอย่าง จะเกิดปัญหาได้ยังไงกันล่ะ!
“จื่อหาร คุณกับเฉินจิ้นไปโรงพยาบาลด้วยกันเถอะ ฉันต้องไปบริษัทก่อน”
การรักษาตัวให้พ้นจากอันตรายของพ่อนั้นสำคัญมาก และบริษัทก็คือกำลังกายและกำลังสมองของพ่อ และแน่นอนว่าไม่สามารถให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ซึ่งซ่งชีงเหย็นเพียงแค่ต้องไปจัดการก่อน
“ผมไปบริษัทเป็นเพื่อนคุณนะ” เฉินจิ้นพูด
เขารู้สึกว่าบริษัทของตระกูลซ่งถูกตรวจสอบ อาจจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“คุณไปบริษัท......” จริงๆแล้วซ่งจื่อหารอยากจะพูดว่า คุณไปบริษัทแล้วจะมีประโยชน์อะไร เพียงแต่พูดยังไม่จบ ก็ถูกเธอกลืนกลับเข้าไป เพราะเฉินจิ้นในปัจจุบันนี้ บางทีถ้าไปแล้วอาจจะมีประโยชน์จริงๆก็ได้
“งั้นพ่อล่ะ จะทำยังไง?” ซ่งชีงเหย็นปวดหัวเล็กน้อย
“จัดการแก้ปัญหาที่บริษัทเสร็จแล้วค่อยไปก็ไม่สาย ไปโรงพยาบาลช่วงเช้ากับช่วงบ่ายก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเยอะ” เฉินจิ้นพูด
ซ่งชีงเหย็นขมวดคิ้วเล็กน้อย ซึ่งในฐานะที่เป็นลูกสาว เธอก็หวังว่า พ่อจะฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว แต่ที่เฉินจิ้นพูด ก็เป็นความจริง
“โอเค” ในฐานะที่เป็นประธานบริษัท ซ่งชีงเหย็นก็ไม่ใช่คนที่เขินๆอายๆ จึงตัดสินใจทำในทันที
หลังจากนั้นให้ซ่งจื่อหารไปโรงพยาบาล และเธอก็พาเฉินจิ้นไปที่บริษัท
“หัวหน้าพรรคโหลว ทำไมคุณถึงมาด้วยตัวเองล่ะ? ” หลังจากที่ถึงบริษัท ซ่งชีงเหย็นก็เจอคนวัยกลางคนคนหนึ่ง จึงรีบเข้าไปต้อนรับทันที
บุคคลวัยกลางคนคนนี้ ที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันก็คือโหลวเหวินซี เป็นผู้ที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลวิสาหกิจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
“คุณซ่ง ผมก็ไม่อยากมา แต่ใครให้คุณทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาล่ะ”
โหลวเหวินซีฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา
ซ่งชีงเหย็นรับช่วงต่อบริษัทมาสามปีนี้ ก็ติดต่อเจรจากับเขาไม่น้อยเลย และก็ยังสังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติของเขาในทันทีอีกด้วย
“เรียนเชิญหัวหน้าพรรคโหลวชี้แนะอีกครั้ง ว่าบริษัทของพวกเราติดปัญหาตรงไหน?”
ซ่งชีงเหย็นถามออกไปอย่างไม่แสดงว่าตัวต่ำต้อยและไม่แสดงตัวว่าโอหัง
“ปัญหา ปัญหามีเยอะมาก” โหลวเหวินซีพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและแสดงออกถึงความไม่พอใจ “พวกเราได้รับรายงานต่อทางการว่า สภาพแวดล้อมที่ผลิตสินค้าและสุขลักษณะของบริษัทพวกคุณ ไม่ได้มาตรฐานเลย รวมไปถึงชุดเครื่องสำอางสาวงามอดุลที่พวกคุณกำลังค้นคว้าและวิจัยอยู่นี้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดฉลากเครื่องสำอาง และอีกอย่าง ถูกสงสัยว่าวัตถุดิบที่ใช้ยังไม่เคยผ่านการตรวจสอบมาก่อนด้วย......”
โหลวเหวินซีหยิบเอกสาร ที่แสดงถึงปัญหาเหล่านั้นออกมา
“สภาพแวดล้อมที่ผลิตสินค้าและสุขลักษณะไม่ได้มาตรฐาน เป็นไปไม่ได้ สำหรับเรื่องนี้ พวกเราระวังมากเป็นพิเศษ แล้วปีที่แล้ว สภาพแวดล้อมที่ผลิตสินค้าและสุขลักษณะของบริษัทพวกเรา ยังถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในแบบอย่างของสภาพแวดล้อมที่ผลิตสินค้าและสุขลักษณะของเจียงโจวอีกด้วย” ซ่งชีงเหย็นไม่อยากจะเชื่อว่าการผลิตสินค้าและสุขลักษณะของพวกเขาจะมีปัญหา เพราะเธอระมัดระวังเรื่องนี้มากมาโดยตลอด
“ฮะ? หรือว่าผลการตรวจสอบ จะสามารถโกหกผมได้ใช่ไหม?” โหลวเหวินซียิ้มเป็นเชิงเย้ยหยัน “แล้วนอกจากนี้ พวกคุณยังใช้วัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบแล้วลงบันทึกไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม นี่คือกฎหมายและข้อบังคับที่ควรจะท้าทายอย่างโจ่งแจ้งไหม? แล้วผมได้จัดการยื่นเรื่องเพื่อตรวจสอบบริษัทคุณแล้ว ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ในการจัดการ”
คำพูดของโหลวเหวินซี ทำให้สีหน้าของซ่งชีงเหย็นขาวซีด
สำหรับปัญหาอื่นๆ เธอกล้าที่จะรับประกัน เพราะเธอได้ทำตามกฎระเบียบข้อบังคับทุกอย่างแน่นอน
มีเพียงแค่การใช้วัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบและลงบันทึกไว้ ซึ่งเป็นเรื่องนี้แน่นอน
เพราะว่า วัตถุติบเหล่านั้น คือเฉินจิ้นเป็นผู้ที่แก้ไขปัญหาโครงการ และเลือกรูปแบบใหม่ล่าสุดมาประกอบรวมกัน แถมสภาพตลาดการค้า ยังไม่เคยปรากฏออกมาให้เห็นเลยด้วย
ในตอนนั้น ด.ร.ติงตื่นเต้นดีใจจนแทบจะเป็นลมไปเลย และสาเหตุส่วนใหญ่ เป็นเพราะว่าเฉินจิ้นได้ใช้รูปแบบในการเอาวัตถุดิบมาประกอบรวมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่แก้ยากและเป็นปัญหาใหญ่ของวงการเคมี
วัตถุดิบประเภทนี้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแน่นอน แต่วัตถุดิบยังไม่ผ่านการตรวจสอบและลงบันทึกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงๆ
“ทำไม คุณยังมีอะไรที่จะพูดอีกไหม? โรงงานการผลิตสินค้าของบริษัทต้องถูกตรวจสอบเพื่อที่จะอายัดชั่วคราวคุณซ่ง คุณไปด้วยกันกับพวกเราเถอะ ยอมรับการตรวจสอบ” โหลวเหวินซีมองซ่งชีงเหย็น ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโลภ แต่เขารู้ว่าหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบในวันนี้ เกือบจะทำสำเร็จแล้ว
“ช้าก่อน”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงที่คล้ายกับเป็นแม่เหล็กดึงดูด ดังขึ้นมาในทันที
โหลวเหวินซีขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองทางคนที่พูด
“คุณเป็นใคร? ต้องการจะขัดขวางงานราชการเหรอ? ” ไม่ว่าจะเป็นใคร โหลวเหวินซีก็เตรียมที่จะสวมหมวกก่อน แล้วค่อยว่ากัน
เหอๆ เฉินจิ้นหัวเราะ “ผมเป็นใคร ไม่สำคัญ ขัดขวางงานราชการและหมวกใบนี้ก็ค่อนข้างจะใหญ่ไป ไม่กล้า ไม่กล้า เพียงแค่ อยากจะรู้ เพราะสงสัยว่าการใช้วัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบและลงบันทึกนั้น ไม่ทราบว่าบริษัทใช้วัตถุดิบอะไร ที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบและลงบันทึกไว้ล่ะ? ”
“Supen-Y7 นี่คุณรู้อยู่แล้ว แล้วยังแกล้งถามใช่ไหม?” ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้โหลวเหวินซีพูดออกมาเอง เพราะลูกน้องของเขา ก็พูดออกมาแทนเขาอยู่แล้ว
โหลวเหวินซีมองไปทางหนุ่มคนนั้น ในใจคิดว่า เด็กโตแล้ว ก็พอที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ได้ และจะมีโอกาสที่ได้เลื่อนตำแหน่ง!
“หัวหน้าพรรคโหลว คุณแน่นอนนะว่าเป็นประเภทนี้ใช่ไหม? ” เฉินจิ้น ไม่สนใจเรื่องนั้น และมองโหลวเหวินซีต่อ
ซ่งชีงเหย็นไม่รู้ว่าเฉินจิ้นคิดจะทำอะไร ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอก็จะเป็นห่วงว่าเฉินจิ้นจะทำเรื่องนี้พัง แต่ตอนนี้ เห็นว่าเฉินจิ้นก็มีหน้ามีตาแล้ว เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลย
ดังนั้น เธอจึงยืนอยู่ข้างๆอย่างว่านอนสอนง่าย และไม่พูดอะไรออกมาเลย
“ใช่” โหลวเหวินซีพูดอย่างมั่นใจ
แต่ทว่า ในวินาทีที่โหลวเหวินซีให้ตำตอบอย่างมั่นใจออกมา เฉินจิ้นก็มีน้ำเสียงที่เด็ดขาดออกมาว่า “หัวหน้าพรรคโหลว แม้แต่มีวัตถุดิบตัวไหนที่บันทึกลงบนเว็บไซต์สำนักงานแล้วคุณไม่เข้าใจ ก็ยังกล้าที่จะตัดสินชี้โทษทางกฎหมายอย่างตามใจ แล้วยังตรวจสอบเพื่อที่จะอายัดบริษัทคนอื่นอย่างตามใจอีกด้วย?”
เฉินจิ้นมีน้ำเสียงที่เด็ดขาดทันที และทำให้โหลวเหวินซีกลัวจนตัวสั่น
คุณหมายความว่าอะไร? ” ในใจของโหลวเหวินซีมีลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมารหวนคืน