จักรพรรดิมารหวนคืน นิยาย บท 20

สรุปบท บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน: จักรพรรดิมารหวนคืน

สรุปเนื้อหา บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน – จักรพรรดิมารหวนคืน โดย หว่อปู้ซื่อZ

บท บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน ของ จักรพรรดิมารหวนคืน ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หว่อปู้ซื่อZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน

เรื่องของบริษัท จัดการจนถึงช่วงบ่าย ถึงจะแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ

หลังจากนั้น ซ่งชีงเหย็นกับเฉินจิ้นก็รีบเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยกัน

ในเวลานี้ แม่กับลูกสาวสองคนอย่างซ่งจื่อหารกับฉินเฝิ้งเจียว ที่รอด้วยความหวังอย่างจริงจังมานาน

ภายในใจ ก็พอจะพูดได้ว่าเป็นความร้อนรนกระวนกระวายใจ กระสับกระส่ายไม่เป็นสุข

“พี่ ในที่สุดพวกคุณก็มาสักที”

หลังจากที่เฉินจิ้นกับซ่งชีงเหย็นมาถึงโรงพยาบาล ซ่งจื่อหารก็ดีดตัวขึ้นมาทันที

หลังจากนั้น เธอก็เพิ่งจะพบว่า ตัวเองเหมือนจะไม่ได้สนใจเฉินจิ้น และเพื่อให้พ่อรักษาตัวให้รอดพ้นจากอันตรายนี้ ก็ยังต้องพึ่งเฉินจิ้น ด้วยเหตุนี้ ซ่งจื่อหารจึงทักทายเฉินจิ้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเฝิ้งเจียว เป็นฝ่ายเริ่มทักทายเฉินจิ้น

เหตุการณ์ในช่วงนี้ เธอได้ฟังมาจากซ่งจื่อหารทั้งหมดแล้ว

ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากจะเชื่อก็ตาม แต่ความจริงก็แสดงให้เห็นอยู่ตรงหน้า และเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ และอีกอย่าง ในขณะที่กำลังรู้สึกตกใจและทิ่งอยู่นั้น ภายในใจของฉินเฝิ้งเจียว ก็แอบมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย

สิ่งที่เธอไม่ชอบเฉินจิ้นลูกเขยคนนี้ที่สุดก็คือ ค่อนข้างเหลวแหลกและไร้ความสามารถ ซึ่งตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับญาติพี่น้องและเพื่อนทุกคน ทำให้ขายหน้าไม่มีศักดิ์ศรีเลย

เธอก็รู้สึกว่า ลูกสาวของตัวเอง ซึ่งเธอแบกรับภาระของบริษัทที่มีความกดดันมากขนาดนั้น และเฉินจิ้นไม่เพียงแต่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้แม้แต่น้อยเลย แต่กลับดึงเธอไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า และการที่ถูกคนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความสามารถ แถมทำให้เสียเวลาและความสุขไปตลอดชีวิตแบบนี้อีกด้วย

แต่ ถ้าหากเฉินจิ้นเปลี่ยนเป็นคนเก่งมากๆจริงๆ งั้นซ่งชีงเหย็นก็จะไม่ต้องลำบากขนาดนั้นแล้ว เธอที่ทำหน้าที่เป็นแม่ยาย งั้นก็จะทำให้คนอื่นอิจฉาได้

แต่ ทันใดนั้นฉินเฝิ้งเจียวก็เปรียบเทียบเรื่องความรัก ซึ่งเฉินจิ้นกลับเป็นคนที่ทั้งเย็นชา แข็งกระด้างคนหนึ่ง

สำหรับแม่ยายคนนี้ เขาไม่รู้สึกชอบหรือรักเลยแม้แต่น้อย

เฉินจิ้นก็ไม่พูดไร้สาระอะไรมากนัก แค่หยิบเข็มออกมา และก็ต้องการจะฝังเข็มลงไป

ในเวลานี้ เขาก็มาถึงนกลางของแดนฝึกลม ในร่างพลังพอเพียง เพียงแค่ต้องใช้เข็มที่ให้พลังงานหวุนกวน เข้าสู่ภายในร่างกายของซ่งเจี้ยนหยวน เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทของเขา ก็จะสามารถทำให้เขาฟื้นคืนสู่สภาพเดิมและตื่นขึ้นมาได้

แต่ทว่า เมื่อเฉินจิ้นกำลังเตรียมจะฝังเข็ม ประตูห้องผู้ป่วย ก็ถูกเปิดออกทันที

“ช้าก่อน!”

มีเสียงแก่ๆดังขึ้นมา

ทุกคนจึงหันไปมองตามเสียงนั้น

ก็เห็นแค่ชายชราที่ผมสีขาว แต่สีหน้าเปล่งปลั่ง แดงก่ำ ดูมีชีวิตชีวาเดินเข้ามา

และตามมาอยู่ด้านหลังเขา ซึ่งก็คือหลี่เฟย คุณหมอรักษาประจำของซ่งเจี้ยนหยวน

“นี่คือโรงพยาบาล ไม่ทราบว่าคุณมาด้วยฐานะอะไร ถึงมารักษาคนไข้โดยการฝังเข็ม?” ผู้อาวุโสเดินเข้ามา แล้วถลึงตามองเฉินจิ้นอย่างโกรธมากๆ

โชคดีที่เขามาทันเวลา ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดถูกชายหนุ่มทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างตามใจ แล้วเกิดเรื่องขึ้นกับคนไข้ ใครจะรับผิดชอบ

“ผม? ผมคือลูกเขยของเขา” เฉินจิ้นหรี่ตามองเล็กน้อย แล้วสายตาก็มองผ่านผู้อาวุโส ซึ่งเป็นหลี่เฟยที่โถมตัวเข้ามาทางด้านหลังเขา

ในเวลานี้หลี่เฟยก็กำลังจ้องดูเฉินจิ้น ซึ่งภายในสายตาที่เปล่งประกายออกมานั้น แสดงให้เห็นถึงความยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น

“ใช่ เขาคือลูกเขยของฉัน” ในตอนนี้ฉินเฝิ้งเจียวลุกขึ้นยืน แล้วยอมรับว่าเฉินจิ้นเป็นลูกเขยของเธอด้วยกิริยาท่าทางที่สง่า

แต่ทว่า หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้อาวุโสกลับโมโหมากขึ้นอีก สายตาของเขาก็ย้ายไปร่างกายของเฉินจิ้น เป็นหันไปมองฉินเฝิ้งเจียว แล้วพูดออกไปด้วยความโมโหว่า “เขาคือลูกเขยของคุณ แล้วเขาเป็นหมอไหม? คุณกล้าให้เขามาทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า คุณไม่รับผิดชอบต่อสามีตัวเองขนาดนี้เลยใช่ไหม? ”

ฉินเฝิ้งเจียวชะงักและทึ่ง เพราะจริงๆแล้วเฉินจิ้นไม่ใช่หมอ

ในเวลานี้เฉินจิ้น ก็หยุดสิ่งที่ได้ลงมือไป และเขาก็ต้องการเห็นชายชราคนนี้ ว่าสรุปแล้วต้องการอะไร

“ไม่ทราบว่าท่านคือ? ” ในเวลานี้ ซ่งชีงเหย็นลุกขึ้นยืน

“ท่านนี้คือซูนโก๋อาน เป็นผู้ที่เคยคำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจียงโจวมาก่อน และยังเป็นหัวหน้าของสมาคมแพทย์แผนจีนเจียงโจวอีกด้วย

หลี่เฟยรีบพูดแนะนำออกมา และแน่นอนยังมีอีกหนึ่งประโยคที่เขายังไม่พูด ก็คือนอกจากสองตำแหน่งนี้ แล้วซูนโก๋อานยังเป็นลุงของเขาอีกด้วย

ไม่เช่นนั้น เขาที่ยังเป็นวัยรุ่นขนาดนี้ แล้วจะได้ตำแหน่งเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาลเจียงโจวได้อย่างไร

เพียงแต่ ความสัมพันธ์ธ์ระหว่างพวกเขา มีไม่กี่คนที่รู้

“ท่านคือซูนโก๋อานหมอเทพเซียนซูน?”

เมื่อหลี่เฟยพูดออกไป ฉินเฝิ้งเจียวกับซ่งชีงเหย็นก็ถลึงตาทั้งสองข้างกว้าง แล้วรู้สึกยากที่จะเชื่อเล็กน้อย

ซูนโก๋อาน ผู้ที่รวบรวมแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันเข้าเป็นหนึ่งเดียว

เขาประกอบอาชีพทางการแพทย์มาสิบปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรที่เคยทำการผ่าตัดมาก็ยังไม่เคยทำพลาดเลย ในโลกทางการแพทย์ สามารถพูดได้ว่าเป็นการสร้างตำนานแห่งเทพ

ไม่เพียงเท่านี้ เทคนิคในการฝังเข็มของเขา ก็อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมขั้นเทพมากๆอีกด้วย

โรคต่างๆ มากมายที่ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และหลังจากที่เขาฝังเข็ม ก็สามารถทำให้อาการดีขึ้น จนกระทั่งหายเป็นปกติได้

แต่เพียงแค่ อายุของเขาที่มากขึ้น ซูนโก๋อานจึงอยู่ระหว่างสถานการณ์การปลดเกษียณชั่วคราว และให้ความสำคัญดูแลสุขภาพร่างกาย แล้วจำนวนของการรักษาโรค จึงน้อยลงเรื่อยๆ

และที่ซ่งเจี้ยนหยวนกลายเป็นบุคคลที่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวและความรู้สึกในสามปีนี้ ซ่งชีงเหย็นพวกเขาไม่ใช่ไม่เคยคิดที่จะเชิญให้บุคคลที่มีฝีมือและชื่อเสียงโโด่งดังมากในเจียงโจวอย่างหมอเทพเซียนซูน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย เพราะแม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยเจอเลย

“หมอเทวดา มิบังอาจหรอก แต่ซูนโก๋อาน เป็นคนแก่มากๆ”

ซูนโก๋อานมองสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของซ่งชีงเหย็นกับฉินเฝิ้งเจียว ภายในใจก็มีความพึงพอใจเล็กน้อย

ซ่งชีงเหย็นกับฉินเฝิ้งเจียวมองซึ่งกันและกัน ซึ่งภายในแววตานั้นเต็มไปด้วยความดีใจ

ตลอดชีวิตที่ซูนโก๋อานได้ประกอบอาชีพทางด้านการแพทย์มา ไม่เคยทำพลาด ถ้าหากซูนโก๋อานยอมลงมือจัดการ งั้นซ่งเจี้ยนหยวนก็จะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน

“ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่เฟยที่ขอร้องอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า ผมก็จะไม่มาไกลถึงขนาดนี้หรอกนะ” ซูนโก๋อานพูดต่อ

หลี่เฟยได้ยินแบบนี้ ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ เพราะภายในใจรู้สึกชื่นชมยกย่องลุงตัวเองอย่างมากมาย

ในเวลาเดียวกันนี้ สายตาที่มองไปทางเฉินจิ้น มีความหยิ่งยโสและจองหองอยู่มาก

ก่อนหน้านี้ ที่เขาเหน็บแนมหลี่เฟย ก็ยังมีเหตุมีผล แต่ตอนนี้ การกระทำที่ไม่เคารพหมอเทพเซียนซูนเลยแม้แต่นิดเดียว จึงทำให้ทุกคนโกรธเคืองในทันที

“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่?”

“รีบขอโทษ”

หมอและพยาบาลเหล่านั้นที่เลื่อมใสศรัทธาหมอเทพเซียนซูน ซึ่งเสมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือมานานถูกดูหมิ่นยังไงยังงั้น และแทบอยากจะกินเฉินจิ้นเข้าไป

ซ่งชีงเหย็น ก็ถูกท่าทางการกระทำของเฉินจิ้นทำให้ตกใจและรู้สึกทึ่ง

“แหะแหะ แท้จริงก็เป็นคนโง่ที่ไม่มีสมอง คุณต่อได้เลย ยิ่งด่าเท่าไรอารมณ์ของลุงก็ยิ่งโมโหขึ้นเท่านั้น และหลังจากนี้คุณก็ไม่ต้องคิดที่จะมาเป็นหมอที่เจียงโจวอีก”

ภายในใจของหลี่เฟยแอบดีใจมีความสุข

เฉินจิ้นที่ครั้งก่อนสามารถช่วยซ่งเจี้ยนหยวนกลับมา และถึงแม้หลี่เฟยจะไม่ยอมรับ แต่จริงๆเขาก็ยอมรับตัวเองว่าสู้ไม่ได้ และเพียงแต่ว่าความสามารถทางการแพทย์ของเฉินจิ้นดีมากขนาดนี้ จึงทำให้หลี่เฟยมองว่า เขาต้องการจะเป็นหมอแน่นอน แต่แค่ต้องการให้เฉินจิ้นล่วงเกินซูนโก๋อาน จากนั้นเฉินจิ้นก็จะจบเห่ และตลอดชีวิตก็อย่าคิดที่จะมีหน้ามีตาอีก

“เฉินจิ้น……”

ซ่งชีงเหย็นใช้สายตาเป็นการบอกใบ้เฉินจิ้น ให้รีบกล่าวขอโทษซูนโก๋อาน

ซูนโก๋อาน นับตั้งแต่เป็นหมอเทวดาที่ไม่เคยทำพลาด แล้วโดยธรรมชาติกับเส้นทางของตำแหน่งสูงและการมีอำนาจมากในเจียงโจวแต่ละเส้นทาง ก็มีความสัมพันธ์ธ์ที่ใกล้ชิดกันโดยไม่สามารถแบ่งแยกได้ และยิ่งเป็นคนที่มีเงินมีอำนาจ ก็จะยิ่งกลัวตาย และยิ่งกังวลว่าสุขภาพร่างกายจะมีปัญหา

จึงสามารถพูดได้ว่า อยู่ที่เจียงโจวซูนโก๋อานเป็นของบุคคลประเภทนั้นแน่นอน คือ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าไม่ถึงขนาดที่ต้องจำใจและไม่มีทางเลือก ก็ไม่สามารถล่วงเกินเขาได้ แต่กลับต้องประจบประแจงเขา และบุคคลประเภทนั้นก็จะรักษาความสัมพันธ์ธ์กับเขาไว้ได้อย่างดีอีกด้วย

ในเวลานี้ ซ่งชีงเหย็นไม่แม้กระทั่งกังวลว่าเฉินจิ้นจะล่วงเกินซูนโก๋อาน แล้วจะส่งผลให้ตระกูลซ่งต้องเจอความทุกข์ยากอะไรนั้น

แต่กลับกังวลว่าเฉินจิ้นจะล่วงเกินเขา และจะถูกคนส่วนใหญ่ของเจียงโจวที่มีคำแหน่งสูงและมีอำนาจมองเป็นศัตรู ซึ่งสำหรับเฉินจิ้น ก็เท่ากับได้ไม่คุ้มกับที่เสียไป

ถ้าหากเฉินจิ้นเป็นบุคคลธรรมดาก็โอเค แต่ตอนนี้เฉินจิ้นได้แสดงความสามารถที่มหัศจรรย์ออกมาอย่างชัดเจน และเนื่องจากศักยภาพของเฉินจิ้น ต่อไปในอนาคตก็จำเป็นต้องคบค้าสมาคมกับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากเหล่านี้ ซึ่งถ้าล่วงเกินคนเหล่านี้ก่อนล่วงหน้า ต่อไปในอนาคต ก็จะเดินไปอย่างยากลำบาก

เพียงแต่ หลังจากที่เฉินจิ้นเห็นสายตาที่บอกใบ้ของซ่งชีงเหย็น ก็ทำเป็นมองไม่เห็นยังไงยังงั้น

“ได้ ดีมาก”

หลังจากที่ซูนโก๋อานได้ยินคำว่า “เสียงดัง” สองคำนี้ ก็ชะงักไปหนึ่งวินาที หลังจากนั้นหน้าทั้งหน้าก็แสดงความโกรธไม่พอใจขึ้นมา

“ดูเหมือนว่าผมคิดไปเองแล้ว และในเมื่อพูดแบบนี้ งั้นก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ”

พูดจบ ซูนโก๋อานหันหลังกลับและเดินไปในทันที

“หมอเทพเซียนซูน กรุณารอสักครู่!”

ฉินเฝิ้งเจียวเรียกซูนโก๋อานในทันที

หลังจากที่รู้ว่าชายชราคนนี้คือซูนโก๋อาน ฉินเฝิ้งเจียวจึงฝากคววามหวังทั้งหมดไว้กับซูนโก๋อาน

ไม่มีทางเลือก เพราะซูนโก๋อานถูกยกย่องให้เป็นหมอเทวดากว่าสิบปี และผู้ป่วยที่เขาเป็นคนจัดการ ก็ไม่มีที่ไม่ดีขึ้น

ถึงแม้จะฟังซ่งจื่อหารพูดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าเฉินจิ้นเก่งและยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกัน ฉินเฝิ้งเจียวก็ยังเชื่อมั่นในซูนโก๋อานมากกว่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมารหวนคืน