กู้หยุนหลันคิดว่าหลี่โม่มองครัฟฟ์ในแง่ลบมากเกินไป ครัฟฟ์เป็นถึงซีอีโอของบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ คงไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาบินมาเป็นพัน ๆ ไมล์เพื่อมาหลอกลวงตระกูลกู้หรอก
หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะเขาคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการบอกเรื่องนี้กับกู้หยุนหลัน
ครัฟฟ์เป็นแค่ลูกกระจ๊อกเล็กๆ ของราชินีของสำนักหลงเหมินเท่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อราชินีของสำนักหลงเหมินมาถึง ซึ่งหลี่โม่ก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน
ถึงอย่างไรแล้วอิทธิพลของราชินีของสำนักหลงเหมินก็แข็งแกร่งกว่าหลี่โม่อยู่ดี เพราะราชินีของสำนักหลงเหมินอยู่ในสำนักหลงเหมินมานานหลายสิบปีและได้ปลูกฝังสาวกไว้มากมาย ส่วนหลี่โม่นั้นออกมาจากสำนักหลงเหมินมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงแทบจะไม่มีอิทธิพลในสำนักหลงเหมินเลย
นอกจากความดีและชื่อเสียงที่เคยสร้างไว้ หลี่โม่ก็ไม่มีอะไรในสำนักหลงเหมินอีก โดยเฉพาะการขาดพันธมิตรในสำนักหลงเหมินก็เป็นจุดอ่อนของหลี่โม่มาก
เมื่อนึกถึงเรื่องของราชินีสำนักหลงเหมินหลี่โม่ก็เงียบไป
จากนั้นสักพักกู้หยุนหลันสะกิตหลี่โม่เบาๆ และทำให้หลี่โม่ตั้งสติได้
“คิดอะไรอยู่ ไปพักในออฟฟิศของฉันก่อนสิ ช่วงบ่ายไปตัดผมแล้วไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ไหม?”
กู้หยุนหลันคิดว่าควรพาหลี่โม่ไปเปลี่ยนลุคใหม่ เพราะถ้าแต่งชุดเดิมไปร่วมงานเลี้ยงคงต้องถูกคนอื่นดูถูกอย่างแน่นอน
หลี่โม่ส่ายหัวแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นไร ผมคิดว่าผมโอเคแล้วนะ เดี๋ยวตอนเย็นก็ไปแบบนี้เลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ครัฟฟ์ต้องออกหน้าปกป้องพวกเราอยู่แล้ว”
เมื่อหลี่โม่พูดอย่างแน่วแน่กู้หยุนหลันก็ไม่ได้ฝืนใจเขาอีก เพราะเธอก็ชินกับความเป็นหลี่โม่ในสภาพนี้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน ถ้าให้หลี่โม่แต่งชุดสูทรองเท้าหนังก็อาจทำให้กู้หยุนหลันไม่ชินมากกว่าด้วยซ้ำ
จากนั้นทั้งสองกลับไปนั่งคุยต่อที่ออฟฟิศ เมื่อใกล้ถึงเวลางานเลี้ยง หลี่โม่กับกู้หยุนหลันก็ออกจากออฟฟิศและตรงไปที่ปราสาทรอยัล ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงในคืนนี้
ปราสาทรอยัลถูกออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมปราสาทในสไตล์ยุโรป ซึ่งเจ้าของเป็นนักลงทุนด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในเมืองฮ่านและเป็นที่นิยมของกลุ่มหนุ่มสาวที่ต้องการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกด้วย
ด้านในปราสาทรอยัลจะมีห้องอาหารระดับไฮเอนด์ ซึ่งว่ากันว่าหัวหน้าเซฟในร้านอาหารนี้เป็นเซฟชื่อดังของกลุ่มเคลือข่ายร้านอาหารมิชลินระดับหนึ่งดาวด้วย ดังนั้นอาหารข้างในนี้จึงเป็นอาหารสไตร์ตะวันตกที่แพงที่สุดในเมืองฮ่าน
นอกจากนี้เหล่านักธุรกิจมักจะนิยมใช้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติ
เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันจากไป กู้ชิงหลินได้แต่กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด ถ้าเป็นไปได้เธอจะขอเป็นคนที่ไปร่วมงานแทนทั้งสองคนนี้เอง
“เรื่องอะไร! ทำไมพวกมันถึงมีสิทธิ์ไปร่วมงานเลี้ยง แต่พวกเรากลับทำได้แค่มอง!”
กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่พอใจ
แม้กู้ซิงเว๋ยจะรู้สึกอิจฉาด้วยเช่นกัน แต่เขาก็พยายามยับยั้งชั่งใจไว้ “ทำไงได้ล่ะ ก็ครัฟฟ์ไม่ได้เชิญพวกเรา แล้วจะไปยังไง ถ้าเธอไม่พอใจจริงๆ ก็ลองโทรถามดูสิว่าในเมืองฮ่านนี้มีใครไปบ้าง จะได้ให้เขาช่วยจัดการพวกมันแทนไง”
กู้ซิงเว๋ยแค่พูดลอย ๆ แต่กู้ชิงหลินกลับจริงจัง เธอกลอกตาแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรติดต่อทันที
“หวงจื่อเซวียนไปด้วย หวงจื่อเซวียนเป็นลูกชายคนสุดท้องของท่านประธานหวงที่ซึ่งเป็นเศรษฐีระดับต้นๆ ของเมืองฮ่านเชียวนะ ฉันติดต่อเพื่อนสนิทของฉันให้ช่วยพูดกับ หวงจื่อเซวียนแล้ว ถึงเวลาเขาจะจัดการไอ้กระจอกคนนั้นอย่างแน่นอน เสียดายนะที่ไม่ได้เห็นกับตา”
กู้ชิงหลินพูดอย่างได้ใจ แต่กู้ซิงเว๋ยได้แต่เอียงศีรษะแล้วถามเธอด้วยความสงสัย “เพื่อนสนิทของเธออยู่กับหวงจื่อเซวียนเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ ไม่งั้นฉันจะรู้วได้ไงว่าหวงจื่อเซวียนจะไปงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย”
กู้ชิงหลินเงยหน้าและพูดอย่างภาคภูมิใจ
กู้ชิงหลินมีเพื่อนสนิทที่รู้จักหวงจื่อเซวียน แสดงว่าเธอก็อาจมีโอกาสได้รู้จักหวงจื่อเซวียนด้วย ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจมากที่ได้รู้จักคนชนชั้นสูงของเมืองฮ่านอย่างหวงจื่อเซวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...