หวังต้าโก่วแสดงท่าทีโง่เขลาออกมา
“หมู่บ้านสือหานของพวกเรามีสิบสองเดือนเข้าสู่ฤดูหนาวไปแล้วแปดเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมของปีหน้าจะมีหิมะตกหนัก น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง นอกจากพืชที่ทนความหนาวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด พืชที่เหลือตายหมด ข้าวและข้าวสาลีที่พวกเจ้ากล่าวถึง....พวกเราไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว”
เมื่อโพล่งประโยคนี้ออกไป ทุกคนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านสือหาน
เมื่อเดินทางมาถึงตีนเขา ทุกคนก็พากันสูดลมหายใจเย็น
นี่...
นี่คือบ้านหรือ?
ลักษณะของบ้านมีเพียงเสาบ้านที่กองสุมรวมกัน รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยหญ้ากองโต....
“กระท่อมหลังนี้เราจะอยู่ได้อย่างไร?”
หวังต้าโก่วเลียริมฝีปาก “บ้านในหมู่บ้านมีไม่เยอะ พวกเจ้าดันล่วงเกินผู้ใหญ่บ้านอีก จึงถูกขับไสให้มาอยู่ที่นี่”
เรื่องที่เขาไม่ได้บอกก็คือ ที่ตีนเขาแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกไม่น้อย
ถัดจากภูเขานี้ไปก็คือแคว้นโจวตะวันออก ทุกครั้งที่ฤดูหนาวมาเยือน จะมีคนของแคว้นโจวตะวันออกมาปล้นสะดม
เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
“น้องต้าโก่วลำบากเจ้าแล้ว”
กู้หว่านเยว่ให้มันเทศสองลูกกับเขาเป็นการขอบคุณ จากนั้นก็เริ่มเก็บกวาดบ้าน
ตีนเขาแห่งนี้ ยังมีบ้านที่ผุพังไปแล้วอีกหลายหลัง
กู้หว่านเยว่เลือกบ้านที่อยู่ติดกับตีนเขาที่สุด นางลากเกวียนเข้าไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเลือกบ้านของตัวเอง
โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์
รีบเก็บกวาดบ้านที่พอจะอาศัยได้ ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านสือหาน หางานเพื่อความอยู่รอดต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด
“ได้ เช่นนั้นข้าไปล่ะ มีปัญหาอะไรพวกเจ้าก็ค่อยมาหาข้าก็แล้วกัน”
มันเทศสองหัว หวังต้าโก่วก็เหมือนเด็กน้อย เขารู้สึกดีกับกู้หว่านเยว่ไม่น้อย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...