ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่พาฟู่หลานเหิงและจินโหย่วเฉียนมาถึงเชิงเขา ทั้งสองคนมองไปยังเรือนที่ดูง่อนแง่นทำท่าจะพังทลายท่ามกลางหิมะ
ต่างก็ตกตะลึง
“เรือนนี้มันโทรมเกินไปแล้วนะ!”
แค่ลมพัดมาก็ปลิวได้แล้ว
“ตอนนี้กันลมกันฝนได้ไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันอิฐที่เผาเสร็จจะพอแล้ว ก็จะสร้างเรือนอิฐกระเบื้องได้แล้ว”
กู้หว่านเยว่ได้เลือกที่ดินแล้ว อยู่ใกล้กับเรือนหลังโทรม ๆ นั่นเอง ด้านหน้าจะทำเป็นแปลงปลูกผัก ส่วนข้างประตูจะกั้นไว้สำหรับเลี้ยงไก่และเป็ด
“หว่านเยว่ ถ้าไม่มีเงิน ก็บอกข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
ฟู่หลานเหิงรีบกล่าวขึ้น ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของกู้หว่านเยว่จะโทรมขนาดนี้ เขาควรจะจัดสรรเรือนใหม่ให้นางตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็นไร”
กู้หว่านเยว่กลับไม่ได้พูดเพราะเกรงใจ แต่หากพูดถึงเรื่องเงิน ทั่วทั้งต้าฉีก็ไม่มีใครมีมากกว่านาง
ล้อเล่นน่า นางเป็นผู้หญิงที่ครอบครองทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งในท้องพระคลังเชียวนะ
“เช่นนั้นก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไร เจ้าต้องบอกตรง ๆ นะ” ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
เมื่อเข้าไปข้างใน กลับพบว่าภายในนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
บนชายคาแขวนเนื้อตากแห้งที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ข้างในเรือนมีเตาถ่านที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ
ที่มุมห้องยังมีเตาผิงและเครื่องหอม เครื่องเรือนแม้จะเก่า แต่ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและอบอุ่น
“ท่านมาทำไมกัน?”
ซูจิ่นเอ๋อร์มองฟู่หลานเหิง แล้วพึมพำอย่างไม่พอใจ
เมื่อเห็นว่าหยางหลิวไม่ได้มาด้วย จึงไม่ได้ไล่เขาออกไป
เพียงแต่ปลาผัดเปรี้ยวหวานที่นางทำเองกับมือ นางจงใจทำน้อยไปหนึ่งตัวเพื่อไม่ให้แบ่งให้กับฟู่หลานเหิง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...