“อยู่ต่อหน้านักการแห่งศาลาว่าการก็กล้าตีคน เจ้าเสียสติไปแล้วกระมัง?”
จางเอ้อร์และนักการแห่งศาลาว่าการอีกสองคนยืนขนาบข้างกายกู้หว่านเยว่ ช่วยสนับสนุนนาง
แม้ไม่รู้เพราะเหตุใดกู้หว่านเยว่ต้องช่วยออกหน้าแทนคนไม่รู้จัก แต่คนเหล่านี้ล้วนเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่โดยไม่มีเงื่อนไข
ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดเมื่อครู่ของเจ้าของร้าน พวกเขาเองก็ได้ยินแล้ว เจ้าของร้านคนนี้เป็นพวกรังแกคนอ่อนแอกว่าคนหนึ่ง
“บัณฑิตคนนี้ไม่อยากขายตำรับให้เจ้า เจ้าก็แย่งเขา? ไฉนเลยจะปล่อยให้เจ้าทำเช่นนี้ได้?”
“เข้าใจผิดๆ ก็คือพวกเดียวกันไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันดุจน้ำหลากลงวัดมังกร พวกใต้เท้าอย่าถือสาเลย” เจ้าของร้านเองก็คิดไม่ถึง ตนเองตีคนจนคุ้นชินแล้ว วันนี้ถึงขั้นยังมีนักการแห่งศาลาว่าการขวัญกล้ามาดูแล รีบเอ่ย “เป็นเจ้าคนนี้พูดว่าต้องการขายตำรับอาหารให้ข้า ผลปรากฏว่านึกเสียใจภายหลังแล้ว ท่านว่านี่เขามิใช่กำลังหลอกคนหรือ?”
เว่ยเฉิงเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เปล่งเสียงหนัก “ตำรับนี้ข้าขายหนึ่งร้อยตำลึง เจ้ากลับให้เพียงสิบตำลึง ไม่ให้เจ้าก็แย่งไป ข้าว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นโจรต่างหาก!”
“เจ้า!” ใบหน้าเจ้าของร้านแดงก่ำ ให้ตายเถอะ เจ้าบัณฑิตคนนี้พูดคล่องแคล่วยิ่งนัก!
เว่ยเฉิงจ้องเขาอย่างเย็นชา สายตาคล้ายมีดก็มิปาน ตีไม่ชนะเขายังพูดเอาชนะไม่ได้หรือ?
กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็น “ที่แท้ก็มาแย่งตำรับอาหาร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเห็นว่าพวกเรามิอาจพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้ มิสู้ไปพูดที่ศาลาว่าการเถอะ ท่านนักการจาง ท่านว่าถูกหรือไม่?”
กู้หว่านเยว่จงใจเอ่ยถามจางเอ้อร์ จางเอ้อร์รีบพูดให้ความร่วมมือ “ใช่แล้ว ให้ใต้เท้าของพวกเราสอบสวนดู!”
สายตาเจ้าของร้านหม่นลง เดิมทีเขาเห็นเว่ยเฉิงเป็นคนยากจนคนหนึ่ง ตีก็ตีไปเถอะ
คิดไม่ถึงถึงขั้นมีแม่นางน้อยคนหนึ่งโผล่ออกมาช่วยเขา ยังมีนักการแห่งศาลาว่าการสนับสนุนอีกด้วย
คราวนี้แหย่รังแตนแล้วจริงๆ
เพียงครู่เดียวหนังศีรษะก็ชา รีบพูด “เป็นผู้น้อยวู่วามไปชั่วขณะ ผู้น้อยคิดว่าคุณชายเว่ยเป็นพวกหลอกลวง ข้าจะขอขมาคุณชายเว่ยเดี๋ยวนี้เลย”
เจ้าของร้านอาหารประคองเว่ยเฉิงขึ้นมา พยักหน้าโค้งคำนับ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...