ในหอหญิงงามเมือง เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มสนิทสนมให้กับฟู่ลั่วเฉิน: “ท่านชาย เมื่อครู่ท่านอ๋องอยู่ ไม่อาจแสดงตัวชัดเจน ดังนั้นจึงต้องทำตัวห่างเหินกับท่านชาย หวังว่าท่านชายจะไม่ถือสา”
แววตาของฟู่ลั่วเฉินลุ่มลึก ทำให้คนยากจะอ่านความรู้สึกของเขา: “เจ้าจะสอนเห้อเหลียนฉางเซิง?”
“ไม่ถือว่าเป็นการสอน เพียงแค่มีเวลาว่างจึงสอนเขาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”
“การศึกษาของเจ้าเป็นเช่นไร?”
“เคยเรียนกับอาจารย์ที่ท่านพ่อเชิญมาสอนสองปี ไม่ถือว่าดีนัก” เฟิงฉิ้นหว่านไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฟู่ลั่วเฉิน พูดด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ในเมื่อไม่ถือว่าดี เช่นนั้นหากใช้ในการสอนผู้อื่น เป็นการไม่รับผิดชอบต่อลูกศิษย์ไม่ใช่หรือ?”
มีความหม่นหมองแล่นผ่านดวงตาหงส์ของฟู่ลั่วเฉิน: “เจ้ารับปากแล้ว ไม่อาจคืนคำ”
“เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“ในฐานะนาย ย่อมไม่อาจเห็นบริวารของตนขาดความรับผิดชอบต่อลูกศิษย์ ดังนั้นนับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าหาเวลาหนึ่งชั่วยามมาที่สวน ข้าจะให้ความรู้กับเจ้าเอง”
เฟิงฉิ้นหว่านสั่นเทาเล็กน้อย: หากตอนนี้นางบอกว่าไม่ไปสอนเห้อเหลียนฉางเซิงแล้ว จะสายเกินไปหรือไม่?
เมื่อเห็นเฟิงฉิ้นหว่านไม่ตอบรับทันที ลำแสงในแววตาของฟู่ลั่วเฉินยิ่งคบกริบ: “ทำไม? เจ้ารู้สึกว่าความรู้ของข้าไม่มากพอ ไม่อาจสอนเจ้า?”
เฟิงฉิ้นหว่านรีบส่ายหน้า: “เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? เพียงแค่มองก็รู้ว่าท่านชายเป็นคนมีความรู้อยู่เนืองแน่นและมากความสามารถ มิเช่นนั้น จะสง่าผ่าเผยเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ฟู่ลั่วเฉินถอนสายตากลับ พูดเสียงหนักแน่น: “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้ามีเวลา เจ้ามาให้ตรงเวลา”
“เจ้าค่ะ”
“ในเมื่อข้าให้ความรู้กับเจ้า เช่นนั้นก็ถือเป็นอาจารย์ของเจ้าครึ่งหนึ่ง พรุ่งนี้อย่าลืมนำของไหว้ครูมาด้วย เพราะถึงอย่างไร ข้าก็ไม่อาจสอนเจ้าโดยไม่รับผลตอบแทน”
เฟิงฉิ้นหว่านตั้งสติทันที: “เช่นนั้นท่านชายรู้สึกว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือเจ้าคะ”
“ระหว่างพวกเราไม่ถือว่าเป็นอาจารย์และลูกศิษย์อย่างแท้จริง ให้ของธรรมดาๆ ก็พอแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเจ้าเป็นเช่นไร?”
“พอใช้ได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นนำของหวานที่เจ้าทำมาอีกสองอย่าง คล้ายกับขนมดอกไม้ก่อนหน้านี้ก็พอแล้ว”
“ท่านชาย นี่น้อยไปหรือไม่เจ้าคะ?”
“เชื่อฟังเจ้า หรือว่าเชื่อฟังข้า?” ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้น แววตาของเขาเยือกเย็น
“แน่นอนว่าเชื่อฟังท่านชายเจ้าค่ะ” เฟิงฉิ้นหว่านรีบยิ้มแล้วพูด
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
“เจ้าค่ะ”
แค่ของหวานสองจานเท่านั้นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นนางทำเอง
ถึงอย่างไรคนนอกก็กำลังจับตาดูความสัมพันธ์ของนางกับฟู่ลั่วเฉิน ประจวบเหมาะฉวยโอกาสนี้ ให้สิ่งที่คนนอกคาดเดากลายเป็นความจริง มีประโยชน์ต่อนางไม่มีผลร้ายใดๆ
ถึงเวลาปิดหอหญิงงามเมืองแล้ว แขกเหรื่อด้านนอกเริ่มกลับไป
ฟู่ลั่วเฉินเหยียดกายลุกขึ้น: “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
“ท่านชายเชิญสั่งเจ้าค่ะ”
“ของขวัญที่ข้าให้เจ้า เจ้าจัดการเช่นไร?” แววตาของฟู่ลั่วเฉินสั่นไหวเล็กน้อย ถึงแม้คำพูดก่อนหน้านี้ของหยุนซวนจะมีเหตุผล แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องดูว่าเฟิงฉิ้นหว่านเข้าใจหรือไม่
“เรียนท่านชาย ของขวัญพวกนั้นข้าเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าของขวัญที่ฟู่ลั่วเฉินส่งมานั้น มีความหมายแอบแฝง มิเช่นนั้น เหตุใดวันนี้ต้องถามอย่างอ้อมค้อมว่าตนเข้าใจความหมายหรือไม่
“เหตุใดต้องเก็บเอาไว้ด้วย?” น้ำเสียงของฟู่ลั่วเฉินเยือกเย็นเล็กน้อย
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตาปริบๆ พูดหยั่งเชิง: “เช่นนั้นข้ากลับไปแล้วนำของขวัญขึ้นบูชา?”
รอบตัวฟู่ลั่วเฉินแผ่ซ่านด้วยไอเย็น: “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้”
“แล้วท่านชายหมายความเช่นไร?” เฟิงฉิ้นหว่านหมดคำจะพูด
บูชาก็ไม่ได้ หรือว่าจะให้นางจุดธูปสามดอกทุกวัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ