ที่ปากทางเข้าตรอก มีเจ้ายาจกหลายคนเห็นนาง ก็ล้อมวงเข้ามา ล้อมนางไว้
“ท่านชายน้อย ทำทานหน่อยครับ ให้เบี้ขยไปซื้อหมั่นโถวกินหนึ่งอันเถอะขอรับ……”
“ท่านชายน้อย……”
เฟิงฉิ้นหว่านคาดคะเนเจ้ายาจกตรงหน้าอย่างละเอียด พวกเขาพูดคำเจ้ายาจกก็เข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนางรู้สึกว่าระหว่างเอวถูกแตะต้องนั้น นางก็ยกเท้าขึ้น แตะไปที่เด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้กับนางที่สุด
“เอาออกมา!”
“ท่านชายน้อย นี่ท่านทำอะไร ?ไม่ยอมให้ทานด้วยใจจริง ก็ไม่ควรออกมือทำร้านคนสิ!”
“รีบมาเร็ว จะมีคนตายแล้ว!”
เจ้ายาจกอีกหลายคนก็เริ่มตะโกนขึ้นมา
สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านเปลี่ยนเล็กน้อย เด็กชายที่ถูกนางเตะนอนอยู่บนพื้น เขาสวมใส่เหมือนกับเจ้ายาจกคนอื่น ใบหน้าสกปรก นอกจากนี้แล้ว คุณจะเห็นว่ารูปลักษณ์เขาดูงดงามและละเอียดอ่อนไม่น้อย ใต้ตาข้างซ้าย มีจุดไฝเล็กๆหนึ่งจุด ดวงตาคล่อยลง เพิ่มความน่าสงสารขึ้นไม่น้อย
นางเดินไปอย่างไม่เร่งไม่รีบ ยกเท้าขึ้นเหยียบตรงกลางอกของเขา ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม:
“กล้าขโมยของของข้า ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตแล้ว!วันนี้ตีเจ้าให้ตาย ข้าเข้าศาลปกครองถูกปรับหลายตำลึง เจ้าเข้าหายมบาลทั้งชาติหมดทางกลับตัว!”
ตรอกตงซื่อ ให้นางรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าสถานที่ที่ประสบความเคราะห์ร้ายแล้วก็ยังถูกความเคราะห์ร้ายซ้ำเติมอีก
ตอนแรก ชื่อเสียงของนางพังทลาย แม่เลี้ยงตาได้รับบาดเจ็บหาหมอไม่ได้ ล้มป่วยด้วยไข้สูง เกาหวูยังพาคนมาหาเรื่องต่อหน้า ระหว่างที่นางรีบร้อนมาขอความช่วยเหลือจากฉินฮั๋วเหนียน แต่กับพบเจอเจ้ายาจกในตรอกตงซื่อ
เมื่อมียาจกหลายคนล้อมเข้ามานั้น นางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆเลย เพียงแค่รีบให้พวกเขาหลีกไป บอกว่าไม่มี เบี้ยให้พวกเขา
เจ้ายาจกพวกนั้นก็ไปแล้วจริงๆ แต่รอพวกเขาจากไปแล้วนั้น นางก็พบว่า เบี้ยที่นางนำติดตัวเพื่อรักษาโรคให้เสิ่นเยว่ไม่มีแล้ว และที่หายไปด้วย ยังมีจี้หยกที่ท่านพ่อของนางเหลือไว้ให้
นางจำรูปร่างหน้าตาของยาจกคนอื่นๆ ไม่ได้ ยกเว้นจำได้คนเดียว เขามีไฝที่มุมตาซ้าย รูปร่างหน้าตางดงามและหล่อเหลา...
เจ้ายาจกที่อยู่รอบๆ ต่างตกใจกับท่าทางของเฟิงฉิ้นหว่าน ตอนแรกพวกเขาเห็นเฟิงฉิ้นหว่านปากแดงฟันขาว ท่าทางงดงาม ดูแล้วก็คือแกะอ้วนตัวหนึ่ง
ตามประสบการณ์ของพวกเขา เมื่อมีท่านชายน้อยเช่นนี้เห็นเงินไม่กี่เหรียญบนถนน ก็ยังรู้สึกยุ่งยาก ไม่อยากก้มหยิบมันขึ้นมา แต่ใครจะไปคิดว่า แกะอ้วนตัวนี้มีฟันเหล็ก กัดพวกเขาทั้งหมดในครั้งเดียว
“ท่านชายน้อย ท่านอย่าให้ร้ายคนอื่นนะ พวกข้าเพียงแค่เจ้ายาจกเท่านั้น เคยขโมยของเมื่อไหร่?”
“ใช่ ท่านชายน้อยต้องเข้าใจผิดไปแน่นอน!”
หางตาเฟิงฉิ้นหว่านตกเล็กน้อย ออกแรงที่ขาเหยียบลงแรงขึ้น ยกมือชี้ที่กลางเอวตัวเอง : “เมื่อกี้จี้หยกที่ยังอยู่ พวกเจ้าพุ่งเข้ามาก็ไม่มีแล้ว ไม่ใช่พวกเจ้าขโมย?คิดว่าข้าตาบอดหรือ?”
“ท่านชายน้อย ท่านพูดต้องมีหลักฐาน เดาเอาไม่ได้มั้ง?ถ้าเช่นนั้นให้ท่านค้น?”
เหมือนท่านชายน้อยที่มั่งคั่งเช่นนี้ เพียงได้เจอพวกเขาก็รู้สึกรังเกียจ จะลดตัวไปแตะต้องยาจกได้อย่างไร?
เจ้ายาจกหลานคนคิดอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่คิดไม่ถึงว่าต่อมา เฟิงฉิ้นหว่านค่อยเหยียบเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ ค่อยก้มลงไปค้นบนตัวเขา หลังจากนั้นไม่นาน ก็หยิบจี้หยกจากแขนเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งของเด็กชายออกมา
“หึ จับโจรเอาของ ตอนนี้ดีแล้ว ก็สามารถส่งพวกเจ้าทั้งหมดเข้าศาลปกครองแล้ว!”
นางก็คือใจแคบ ก็คือคิดเล็กคิดน้อย ชาติที่แล้วยาจกเหล่านี้ทำให้สถานการณ์ของนางแย่ลง งั้นชาตินี้ก็ให้พวกนั้นได้รู้สึกถึงภัยพิบัติในคุกดู
เจ้ายาจกมองหน้ามองตากัน รีบคุกเข่าลง ร้องไห้อ้อนวอนต่อเฟิงฉิ้นหว่าน: “ท่านชายน้อย พวกข้าทั้งหมดหิวมาหลายวันแล้ว ทั้งถูกคนอื่นรังแก ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ถึงขโมยจี้หยกของท่านชายน้อย นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ และจะเป็นครั้งสุดท้าย ขอท่านชายน้อยได้โปรดไว้ชีวิตพวกข้าชีวิตด้วยเถิด!”
เฟิงฉิ้นหว่านมองลงไปยังที่นางเหยียบ แต่กลับมีคนไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ พ่นลมหายใจอย่างประชดประชัน: “เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไร?”
เด็กหนุ่มมองขึ้น ดวงตาบริสุทธิ์ดำสนิทเป็นพิเศษ ราวกับว่าสามารถดูดกลืนแสงเข้าไป ลึกมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่ไฝน้ำตานั้นกลับทำให้เขาเปราะบางมากขึ้น ทำให้รู้สึกใจอ่อนอย่างอธิบายไม่ถูก
“หยุนชี” หยุนชีนอนอยู่ที่พื้น กลางอกเจ็บจากการถูกเหยียบ แต่เขากลับไม่รู้สึกเลย เพียงแค่ยกตาขึ้นมองเฟิงฉิ้นหว่านที่ยืนย้อนแสง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ