เกิดความเจ็บปวดเล็กน้อยขึ้นที่คาง เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้นมองฟู่ลั่วเฉินที่ปลอมตัวอยู่ แววตาปรากฏความรังเกียจที่ยากจะอธิบายได้
“เลือกที่รักมักที่ชังแล้วอย่างไร ? ใต้เท้าหลี่ผู้นั้นเป็นดั่งจานทองคำ ส่วนเจ้าเป็นเพียงแค่จานกระเบื้อง หรือควรนำสมบัติล้ำค่าไปวางไว้บนจานกระเบื้องกัน ?”
ฟู่ลั่วเฉินเหลือบมองท่าทีของเฟิงฉิ้นหว่าง แล้วหัวเราะออกมาด้วยความโกรธอย่างสุดขีด : “เฟิงฉิ้นหว่าง เจ้าช่างทำให้ข้าได้เปิดมุมมองใหม่จริง ๆ หลายวันมานี้ ข้าคอยเฝ้ามองท่าทางของเจ้าเวลาอยู่ต่อหน้าเสิ่นเยว่ จ้าวยี่ และหลี่หยวน ช่างไม่ซ้ำกันเลยจริง ๆ เวลาอยู่ต่อหน้าท่านชาย เจ้าก็แสดงความอ่อนแอออกมา เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องแสดงแล้วอย่างนั้นหรือ ?”
เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นดึงมือของฟู่ลั่วเฉินออก วินาทีต่อมาก็ถูกฟู่ลั่วเฉินดึงเข้ามาอีกครั้ง และถูกกักเอาไว้ระหว่างแขนและกำแพง
“ตอบคำถามของข้ามา ?”
“เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่าข้าเลือกที่รักมักที่ชัง ? หากเจ้าต้องการให้ข้าแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเจ้า เจ้าก็จงเปลี่ยนตนเองเป็นจานทองคำสิ มิเช่นนั้นหากเจ้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าจะไปหาท่านชายฟู่ ดูวิว่ากิจการของตระกูลเฟิง จะสามารถแลกชีวิตของเจ้าได้หรือไม่ !”
“เหอะ กล้าพูดได้เต็มปากจริง ๆ ตอนนี้ตระกูลเฟิงอยู่ในเงื้อมมือของท่านชายแล้ว”
“อีกสิบวันให้หลัง ข้าก็จะทวงกลับมา”
“ทวงกลับมาแล้ว เจ้าจะทำใจส่งกลับไปให้ท่านชายอีกครั้งได้อย่างนั้นหรือ ?” ฟู่ลั่วเฉิงคิดว่าเฟิงฉิ้นหว่านไม่มีทางยอมแลกเปลี่ยนเช่นนี้แน่
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ” เฟิงฉิ้นหว่านผลักฟู่ลั่วเฉินออก ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคางของตนเอง แล้วแสดงความรังเกียจออกมาอย่างเปิดเผย
ฟู่ลั่วเฉินแอบกัดฟัน มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา : “ฉิ้นหว่าน ชั่วดีเราก็เคยเป็นสามีภรรยากันหนึ่งคืน ทำไมจะต้องใจร้ายเช่นนี้ด้วย ? เมื่อครู่ข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดกับหลี่หยวนแล้ว หากข้านำคำพูดเหล่านั้นไปบอกท่านชาย เจ้าว่าท่านชายจะคิดเช่นไร ?”
“เจ้าขู่ข้าหรือ ?”
“เจ้าพึ่งพาท่านชายก่อน มาบัดนี้ก็แสดงความอ่อนแอต่อหน้าหลี่หยวนอีก ซ้ำยังให้เขาช่วยสืบสวนความจริงเรื่องการตายของเฟิงหลิงอีก ซ้ำจับปลาสองมือเช่นนี้ ระวังสุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเลย”
เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะร่าออกมา : “เหอะ เช่นนั้นเจ้าก็บอกท่านชายเสียเลยสิ”
“เจ้าไม่กลัวท่านชายจะนึกสงสัยหรือ ?”
“ท่านชายสงสัย ข้าก็จะไปอธิบายด้วยตนเอง หาข้ออ้างไปพบท่านชายอีกครั้งไม่ได้อยู่พอดี เจ้าช่วยใส่ร้ายข้าสักสองประโยค ข้าจะได้ไปอธิบายให้ท่านชายฟังสองครั้ง ซ้ำยังได้ถือโอกาสใกล้ชิดกับท่านชายอีกด้วย” เฟิงฉิ้นหว่านพูดอย่างไม่ไยดี
ฟู่ลั่นเฉินกัดฟันแน่นยิ่งขึ้น : “ครั้งที่แล้วยังพูดว่าท่านชายนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมตอนนี้กลับหาทางใกล้ชิดแล้วหรือ ?”
“ท่านชายไม่ใช่ว่าใครก็สามารถใกล้ชิดได้หรอกนะ”
เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างช้า ๆ หลับตาลงเล็กน้อย แววตาสั่นไหว ตรงระหว่างคิ้วปรากฏความโศกเศร้าขึ้นมา :
“ข้าย่อมรู้ดีว่าท่านชายฐานะสูงส่ง ข้าจึงไม่เคยคิดว่าจะได้ลงเอยกับท่านชายเลยสักนิด ขอเพียงได้รับความโปรดปรานสักครั้ง ข้าก็พอใจแล้ว......”
ฟู่ลั่วเฉินแอบสูดหายใจเข้า เขาเพียงรู้สึกว่าทั้งโมโหทั้งขำ
จู่ ๆ เฟิงฉิ้นหว่านก็เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายทันที : “ทำไม ? เจ้ากังวลเกี่ยวกับความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านชายเช่นนี้ หรือว่าเจ้าจะหึงเข้าแล้ว ? ครั้งก่อนยังพูดว่าจะช่วยสนับสนุนข้าอยู่เลยมิใช่หรือ ?”
“ข้านะหรือหึงเจ้า ?”
“เช่นนั้นก็หึงท่านชายของเจ้า ?” เฟิงฉิ้นหว่านแสยะยิ้มด้วยใบหน้าไม่แยแส “จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่า พูดคุยเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของบรรดาองครักษ์อย่างพวกเจ้ากับท่านชายก็ไม่เลวเช่นกัน รอให้ท่านชายรู้ว่าเจ้าแอบหึงหวงเขา ไม่แน่ว่าข้าอาจไม่ต้องลงมือเอง เขาก็คงกำจัดเจ้าให้สิ้นซากเสียก่อนแล้ว”
ฟู่ลั่วเฉินมองดูริมฝีปากที่ซีดเล็กน้อยของเฟิงฉิ้นหว่าน และไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่า ทำไมทุกประโยคที่นางพูดออกมา จึงกระทบถึงความรู้สึกของเขาทั้งสิ้น
ฟู่ลั่นเฉินก้าวไปด้านหน้า ยังไม่ทันจะเข้าใกล้เฟิงฉิ้นหว่าน ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอู้อี้ออกมา รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายไม่มีแรง และล้มลงไปกับพื้น
เฟิงฉิ้นหว่านย่อตัวลง ปลายนิ้วขยับเข้าไปใกล้แก้มของฟู่ลั่วเฉิน : “เวลาที่เจ้าอยู่ต่อหน้าข้า มักจะสวมหน้ากากปลอมตัวอยู่ตลอด หรือเป็นเพราะหน้าตาแท้จริงของเจ้าอัปลักษณ์จนไม่กล้าสู้หน้าผู้อื่น ?”
ฟู่ลั่วเฉินกำหมัดแน่น แต่น้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง : “เช่นนั้นเจ้าก็ลองเปิดออกดูสิ”
เฟิงฉิ้นหว่านขยับปลายนิ้วลงไปใกล้ แล้วค่อย ๆ ถูเบา ๆ ที่หลังหูของฟู่ลั่วเฉิน : “เช่นนั้นข้าก็จะขอดูใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า”
ฟู่ลั่วเฉินรู้สึกประหม่ายิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่อยากให้เฟิงฉิ้นหว่านรู้ถึงฐานะของเขาในตอนนี้
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ