จินหมิงงุนงงเป็นอย่างยิ่ง : “แล้วทำไมผู้ดูแลร้านเหล่านั้นยังฟังคำสั่งของเจ้าอยู่ ?”
“ไม่ได้ฟังคำสั่งข้าเสียหน่อย พวกเขาเพียงแค่เห็นสิ่งยืนยันเท่านั้น”
“สิ่งยืนยัน......” จินหมิงตาเบิกโพลงทันที แทบจะถือจี้หยกในมือต่อไปไม่ไหว “เจ้าหมายความว่า จี้หยกชิ้นนี้คือสิ่งยืนยันที่ใช้โยกย้ายทรัพย์สินของตระกูลเฟิงจนหมดสิ้นอย่างนั้นหรือ ?”
เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้ายืนยัน
จินหมิงยืนกำจี้หยกนิ่ง ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไม่อาจตั้งสติกลับมาได้
ฟู่ลั่วเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่านอย่างเย็นชา ผ่านไปสักพัก เสียงหัวเราะเยาะเบา ๆ ก็ดังออกมาจากปาก : “หึ”
ดี ดีจริง ๆ !
เขาคิดว่าที่เฟิงฉิ้นหว่านยอมจำนนในตอนแรกก็เพื่อต่อสู้ดิ้นรน คิดไม่ถึงเลยว่านางจะวางแผนเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ต้น !
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของฟู่ลั่วเฉิน เฟิงฉิ้นหว่านก็เม้มปากอย่างไม่สบายใจนัก
“ท่านชาย ตอนนั้นในเรือนจำ เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับท่านชาย ถึงแม้ท่านพ่อเคยบอกว่า หากท่านปรากฏตัวขึ้น จะต้องเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเฟิงอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดครั้งแรกที่พบหน้ากัน ฉิ้นหว่านยังไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของท่านชาย ดังนั้นจึงได้มีความคิดเช่นนี้หลงเหลืออยู่บางส่วน”
“นี่เรียกว่าหลงเหลืออยู่บางส่วนหรือ ? เจ้ากำลังคิดที่จะรับมือกับข้าโดยสมบูรณ์ต่างหาก”
ฟู่ลั่วเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่าน ความโกรธในใจปะทุขึ้นมา : แต่ไหนแต่ไรมามีแต่เขาที่วางแผนจัดการกับคนอื่น ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนอื่นวางแผนจัดการอย่างสมบูรณ์
ท่านชาย นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ ในภายหลังข้าเองก็ไม่เคยคิดจะวางแผนจัดการกับท่านอีกชายอีก”
“เหอะ ไม่เคยคิดวางแผนจัดการอีกอย่างนั้นหรือ ? วันนี้ที่เจ้ามาหาข้า ไม่ใช่เพราะอยากซื้อตระกูลเฟิงกลับไปจากข้าหรอกหรือ ?” ความโกรธที่วนเวียนอยู่รอบตัวฟู่ลั่วเฉินยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
เฟิงฉิ้นหว่านแอบพึมพำอยู่ในใจ : สามารถจัดการกับฟู่ลั่วเฉินได้ช่างมีความสุขจริง ๆ จนลืมปัญหานี้ไปเสียได้
“ท่านชาย วันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อถามท่านชายว่ากิจการของตระกูลเฟิง ตอนนี้คิดที่จะขายหรือไม่ ?”
จินหมิงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เขายืดตัวตัวแล้วกัดฟันพูดว่า : “ท่านชาย ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องข้าน้อย ต่อให้ต้องขายกิจการของตระกูลจินออกไปบางส่วน ข้าน้อยก็จะต้องหาเงินมาให้พอ เพื่อซื้อสวนชาของตระกูลฉือให้ได้”
ในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ จะให้นายท่านของตนเองถูกข่มขู่ได้อย่างไร ?
เฟิงฉิ้นหว่านหันหน้ากลับไป เมื่อเห็นท่าทางของจินหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบตาปริบ ๆ : “เถ้าแก่จิน ทำไมต้องทำร้ายตนเองเช่นนี้ด้วย ต่อไปพวกเราต่างก็เป็นผู้รับใช้ที่คอยทำงานให้ท่านชายด้วยกันทั้งนั้น ?”
“หึ !”
“ท่าทางของเถ้าแก่จินดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก ? ไม่รู้ว่าท่านต้องการจะขายกิจการของตระกูลจิน ? ล้วนแต่เป็นคนกันเองทั้งนั้น หรือว่าข้าควรจะซื้อเอาไว้บางส่วนดี ?”
จินหมิงโกรธจนตาถลน : “ข้าขายกิจการ เจ้าเข้ามาซื้อ เช่นนี้ยังเรียกว่าคนกันเองอีกหรือ ?”
“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ทำไมถึงไม่ใช่คนกันเองล่ะ ? อีกอย่าง หากเถ้าแก่จินขายให้คนอื่นในช่วงคับขัน ก็ยากที่จะเลี่ยงการถูกกดราคาลงได้ แต่หากขายให้ข้าย่อมไม่เหมือนกัน ข้าไม่มีทางกดราคาอย่างรุนแรงแน่นอน”
“ไม่กดราคาอย่างรุนแรง นั่นหมายความว่ายังคิดจะกดราคาอย่างนั้นหรือ ?” จินหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“แม้แต่พี่น้องท้องเดียวกันยังต้องสะสางบัญชีให้ชัดเจน ในโลกของการค้าไม่อาจเห็นแก่ความสัมพันธ์เป็นหลักเพียงอย่างเดียวได้ หากเถ้าแก่จินต้องการขายกิจการ จะต้องคำนวณให้ชัดเจนว่าขายเท่าไรจึงจะเหมาะสม เพราะข้าได้ยินมาว่า หลี่เซิ่งซึ่งเป็นพี่น้องกับใต้เท้าหลี่ ได้เตรียมเงินทุนเอาไว้แล้ว เขาจะสู้อย่างถึงที่สุดเพื่อแย่งชิงสวนชามาให้ได้”
“แล้วจะทำไม ? ตระกูลหลี่จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลจินอย่างนั้นหรือ ?” ในใจของจินหมิงเต็มไปด้วยความโกรธ “หากไม่ใช่เพราะเจ้า สถานการณ์จะเลวร้ายเช่นนี้หรือ ?”
สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านเย็นชาลงเล็กน้อย : “ข้ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ ทำไมเถ้าแก่จินจะต้องโมโหด้วย ? ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะท่านละโมบ เห็นแก่ผลกำไร กว้านซื้อสินค้าเอาไว้มากมายเป็นการส่วนตัว ก็คงไม่ทำให้ขาดแคลนเงินอย่างเช่นวันนี้ ถ้าหากเถ้าแก่จินไม่หยิ่งยโสเช่นนั้น หลังจากได้รับกิจการของตระกูลเฟิงแล้ว ก็ทำการตรวจสอบโดยละเอียด ผู้ดูแลร้านเหล่านั้นก็คงไม่มีโอกาสโยกย้ายทรัพย์สินของตระกูลเฟิงจนหมด เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนทำผิด แต่วันนี้กลับโมโห นี่มันคือเหตุผลเช่นไรกันแน่ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ