หลินหยู่มองไปที่เซี่ยจินอันที่ยืนอยู่ด้านหน้า รอยยิ้มอย่างจริงใจปรากฏบนใบหน้า
"พวกเขาใช่ ตอนแรกถ้าไม่ใช่พี่เซี่ยช่วยพวกข้าไว้ เกรงว่าพวกข้ายังคงถูกพวกคนเลวเหล่านั้นรังแกอยู่"
เดิมทีเด็กๆที่เจอเหมือนกันก็มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เด็กในวัยเดียวกันสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น หลังจากพูดคุยกันกับหลินหยู่และคนอื่นๆ หลิ่วสือซานก็สบายใจมากขึ้น
ไม่เพียงแต่เขาคนเดียว เด็กที่เหลือก็โล่งใจเช่นกัน ความกลัวเมื่อตอนที่มาถึงที่นี่ก็หมดไป เซี่ยจินอานเห็นอย่างนี้ก็เริ่มพิธีอย่างเป็นทางการ
เดิมทีเซี่ยจินอานต้องการจัดคนเข้าห้องเรียนเดียวกัน แต่ตอนนี้มีคนเพิ่มมาอีกหลายคน เซี่ยจินอานเลยแบ่งเด็กเหล่านี้เป็นสองกลุ่ม อายุต่ำกว่า 10 ปีอยู่กลุ่มที่สอง อายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปอยู่กลุ่มที่หนึ่ง แบ่งเป็นสองห้องพอดี
หลังจากที่แบ่งกลุ่มเสร็จ เซี่ยจินอานอธิบายเรื่องการมาเข้าชั้นเรียนให้กับพวกเขาฟัง หนีไม่พ้นกลยุทธ์เดิมที่เรียนมาจากโรงเรียนสมัยใหม่คือเชื่อมั่นในความรัก โรงเรียนคือบ้านของเรา การปกป้องต้องอาศัยทุกคนเป็นต้น
จนกระทั่งในที่สุดเซี่ยจินอานก็เปลี่ยนคำพูดและพูดว่า : "ข้าไม่ได้ฝึกให้พวกเจ้าโดยเปล่าๆนะ ข้าไม่เก็บเงินค่าเรียนกับพวกเจ้า ให้อิสระเพียงพอในการเรียนรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการเรียนรู้ แต่มีเงื่อนไข"
"ผู้ที่เรียนแพทย์อยู่ในสวนสงเคราะห์ หลังจากเรียนจบจะต้องรักษาให้ประชาชนคนจนเป็นจำนวนสามปีโดยไม่เก็บค่าเก็บเงิน ผู้ที่เรียนการสู้รบ หลังจากเรียนจบต้องรับราชการทหารที่ชายแดนปกป้องชาติปกป้องบ้านสามปี ผ่านไปสามปีแล้วจะอยู่หรือไปก็ตามสบาย ผู้ที่เรียนวิชาการหลังจากสอบจอหงวนได้แล้วจะต้องรักชาติและจงรักภักดีต่อประเทศเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ขยันรักประชาชน ผู้ที่เรียนค้าขาย เมื่อพวกเจ้ารวยแล้ว จะต้องสร้างบุญบริจาคให้มาก…."
"หากพวกเจ้าไม่ยินยอม สามารถไปจากที่นี่ได้ทันที"
คนข้างล่างก็เงียบไม่มีเสียง แต่ก็ไม่มีใครหันหลังจากไป
"ดีมาก ข้าหวังว่าทุกท่านจะเป็นคนที่มีประโยชน์กับประเทศและประชาชน หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้างต้น ข้าจะเรียกเก็บค่าเรียนกลับคืนเป็นสิบเท่า"
เซี่ยจินอานมองดูทุกคน นางทราบดีว่าใจคนยากคาดเดา และทราบดีว่าไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเป็นอย่างที่นางคาดหวัง
แต่ว่าเรื่องบางเรื่องหากไม่พูดไม่ทำ จะสำเร็จได้ยังไง
พูดมาถึงจุดนี้แล้ว เหตุการณ์หลังจากนี้คงมีเพียงเวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์
ชิงหยางเซียนเซิงและคนอื่นๆได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อึ้ง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุยเรื่องโรงเรียน เขาไม่ได้บอกว่ามีข้อตกลงแบบนี้
อีกอย่างแต่ละเงื่อนไขข้างต้นมาจากการพิจารณาของสังคม ไม่มีความเห็นแก่ตัว ในใจยังค่อยๆชื่นชมเซี่ยจินอานอีกด้วย
หยุนฝู้เฉินตกอยู่ในอาการครุ่นคิดเพราะคำพูดเหล่านี้
เขารู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎของเซี่ยจินอาน แต่ถ้าหากคนที่มีใจถูกโน้มน้าว สามารถมีคนทำได้หนึ่งสองส่วนในหมู่คนนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของประชาชน
หลังจากที่พูดจบแล้ว เด็กๆรีบเข้าโรงเรียนของตัวเอง สองห้องเรียนได้มีชิงหยางเซียนเซิงและอาจารย์หานมาสอน เซี่ยจินอานให้ซ่งขุยไปรอที่เรือนเล็กที่ไม่ไกลมาก อีกสักครู่จะไปฝังเข็มให้เขา
เซี่ยจินอานและหยุนฝู้เฉินเดินเคียงไหล่กันออกมาจากเรือนหนาน แต่ว่าเพิ่งจะออกจากประตู อารักขาที่เฝ่าหน้าประตูมารายงาน
"คุณชายเซี่ย คุณหนูเสิ่นของจวนเฉิงเซี่ยงขอพบ"
หยุนฝู้เฉินและเซี่ยจินอานดูซบเซาไปพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าเสิ่นหลีซูจะมาแทรกแซงเรื่องในวันนี้
ในเวลาเดียวกัน หน้าประตูสวนสงเคราะห์ เสิ่นหลีซูลงมาจากเกี้ยว บนใบหน้าปิดด้วยผ้าคลุมหน้า ทั้งชุดเป็นสีขาวลักษณะทั้งเย็นชาและดูแพง ดุจดั่งนางฟ้า เสมือนภาพจินตนาการเห็นอยู่ไกลๆแต่จับต้องไม่ได้
ประชาชนที่เดินผ่านหน้าประตูสวนสงเคราะห์มองเห็นเสิ่นหลีซูต่างก็พากันอยากรู้
"นี่ไม่ใช่หลิวหลีจวิ้นจู่หรือ? ทำไมถึงได้มาที่สวนสงเคราะห์ได้?"
"เจ้าไม่เห็นหลังรถม้ามีพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกหรือ? คาดว่าจะเตรียมมาให้เด็กกำพร้าที่นี่"
"หลิวหลีจวิ้นจู่ใจบุญจริงๆ ปีนั้นน้ำท่วมที่แม่น้ำเจียง หากไม่ใช่นางที่เสนอวิธีสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ไม่รู้ว่าจะมีคนตายเท่าไหร่!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเซี่ยจินอาน
จบแบบรีบไปหน่อยเลยหรือเปล่า....สุกมาตั้งแต่ต้น..น่าจะแปลข้ามฟากไปเลยอ่ะ...
เป็นเรื่องที่สนุก เนื้อเรื่องตลก น่ารักดี แต่ตอนจบคือหักมุมจบแบบง่ายเกินไปหน่อยนะคะ...