"แม้ว่าข้าจะไม่ใช่เทพพระเจ้า แต่ข้าเป็นหมอผู้หนึ่ง"
เซี่ยจินอานพูดอย่างแผ่วเบา
หยุนฝู้เฉินยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง แม้ว่าสีหน้าของเขานั้นจะดูไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
อย่าพยายามพูดโน้มน้าวใจคนที่มีศรัทธาเลย เพราะนั้นหมายถึงเจ้ากำลังดูถูกเหยียดหยามความศรัทธาของเขา
แต่ลูกน้องทั้งสี่คนของนางนั้นไม่รู้ความศรัทธาอะไรนั้นหรอก พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ผ่านความยากลำบากและอันตรายมา จะไปมีความเมตตากรุณาที่ไหนกัน!
"หมออะไรกัน! นักฆ่าอย่างพวกข้า ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือผู้อื่น!" มู่หลานจิ่นกล่าวอย่างโกรธแค้น
"ถูกต้อง! ประมุขเจ้าเปิดโรงหมอพวกข้าก็เห็นด้วย แต่ถ้าเจ้าจะไปหมู่บ้านโรคปอดอะไรนั้น พวกข้าไม่ตกลงแน่นอน! กงซุนหนันเสียนตะโกน
"หากประมุขก้าวเข้าไปในหมู่บ้านโรคปอดเพียงก้าวเดียว ข้าจะฆ่ากวาดล้างหมู่บ้านนั้นให้หมดเกลี้ยงแน่!" เพ้ยจิ่วชวนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
จื่อโม่ตกตะลึง ดูเหมือนว่าทุกคำพูดนั้นจะโดนพวกเขาพูดไปหมดแล้ว ช่างเฮ้อพูดมั่วๆสักประโยคหนึ่งละกัน
"ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้สำนักซื่ออิ่งนั้นเปิดศึกการล่าฆ่าขึ้นอีกครั้ง!"
ภารกิจที่สำนักรับนั้น พึ่งเริ่มบรรจบลงมาหน่อยในไม่นานนี้ ฆ่าเฉพาะคนเลวฉาวโฉ่
เปิดศึกการล่าฆ่าขึ้นใหม่นั้นก็พูดไม่ผิด
ต้องบอกว่าสิ่งที่เพ้ยจิ่วชวนกับจื่อโม่พูดนั้นเป็นปัญหาที่เซี่ยจินอานกังวลมากที่สุดในตอนนี้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่นางลังเลในตอนนี้
"พวกเจ้าอย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย" เซี่ยจินอานกล่าวว่า "ซ่าอะไร ดีร้ายยังไงกัน"
"นี่ตอนนี้ข้าก็กำลังหารือกับพวกเจ้าอยู่ไม่ใช่รึ"
"ไม่มีอะไรน่าหารือ"มู่หลานจิ่นกล่าว
"ที่จริงแล้ว ข้าสามารถรักษาโรคนี้ได้จริงๆ" เซี่ยจินอานกล่าว
แต่ทุกคนไม่เชื่อและไม่ได้ให้เวลานางพูดอีกต่อไป หันหลังเดินออกจากโรงหมอโดยตรงเลย
เวลาเปิดร้านดีๆเช่นนี้ กลับพลาดมันไปเช่นนี้
เซี่ยจินอานหันมองไปทางหยุนฝู้เฉิน กำลังจะหารือเรื่องที่จะปิดบังเพ้ยจิ่วชวนและอีกสามคนและแอบไปอย่างไร แต่หยุนฝู้เฉินกลับพูดอย่างเย็นชาว่า:"รอเจ้าได้รับการอนุญาตจากลูกน้องเจ้าเสร็จ แล้วเจ้าค่อยมาหาข้าหารือเรื่องนี้"
พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไป
มีคนจากไปเยอะเช่นนี้ ทันใดนั้นในโรงหมอนั้นก็เงียบเหงาเหลือเกิน เซี่ยจินอานเดินออกหน้าประตูโรงหมออย่างหงุดหงิด ยืนมองอยู่บนถนน
ในขณะนี้ฉีเซียวเซียวก็เดินออกมาจากอนุเคราะห์พิภพพอดี และทั้งสองก็สบตากันพอดี
ฉีเซียวเซียวเห็นเซี่ยจินอานทำหน้าหงุดหงิด และคิดว่าที่เซี่ยจินอานไม่ดีใจนั้นเป็นเพราะไม่มีคนไข้ ดังนั้นจึงกล่าวอย่างได้ใจว่า: "คุณหนูเซี่ยนี่ช่างว่างเหลือเกินนะ ในโรงหมอนั้นก็ไม่มีคนแม้แต่ผู้เดียวเลย จะไปเหมือนกับอนุเคราะห์พิภพของพวกข้าได้อย่างไร คนเยอะจนเกินความจุแล้ว"
เซี่ยจินอานเหลือบมองอีกฝ่าย "โอ๊ยจริงรึ ก็ไม่แปลกนี่ เพราะความจุของสมองเจ้าก็มีแค่นี้แหละ"
เมื่อฉีเซียวเซียวได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็แข็งทื่อแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า:"คนเช่นไรก็ควรทำเรื่องเช่นนั้น อย่างคิดโลภที่จะเอาสิ่งของที่ไม่ใช่ของตัวเอง"
"ข้าไม่ได้คิดโลภที่จะเอาสิ่งของที่ไม่ใช่ของตัวเองหรอกนะ แต่มีของบางสิ่งบางอย่างนะสิมักจะชอบมาให้คนอื่นด่าว่าอยู่เรื่อย"
"เจ้าบอกใครเป็นสิ่งของ"
"ก็พูดเจ้านะสิ!"
"ข้าไม่ใช่สิ่งของ!"
"อืม เจ้าไม่ใช่สิ่งของ" เซี่ยจินอานใช้สายตาที่ห่วงใยคนปัญญาอ่อนนั้นมองดูฉีเซียวเซียว
[ไม่ใช่สิ่งของ มีความหมายแฝงว่าเจ้ามันเชี่ย]
ดู ดูคนบางคนสิไม่ค่อยฉลาดเลย!
ทันใดนั้นฉีเซียวเซียวก็รู้ตัวได้ว่าตัวเองถูกเซี่ยจินอานแกล้ง และกล่าวอย่างโกรธว่า:"เล่นตัวอักษร!"
เซี่ยจินอานยิ้มบอกว่า:"อย่านับถือข้ามากล่ะ!"
"ผีนั่นแหละถึงจะนันบถือเจ้า!"ฉีเซียวเซียวกล่าวอย่างโกรธเคือง
แต่เซี่ยจินอานกลับจ้องมองฉีเซียวเซียว จากนั้นก็พูดนอกเรื่องมาคำหนึ่งว่า: "จู่ๆข้าก็พบว่าเลี้ยงดอกไม้เลี้ยงแมว ไม่สู้เลี้ยงเจ้าคนเดียว"
เมื่อฉีเซียวเซียวได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ้มอย่างได้ใจ "ทำไมตอนนี้รู้ว่าข้าดีกว่าเจ้าแล้วรึ มันสายเกินไปแล้ว!"
เซี่ยจินอานส่ายหัวและบอกว่า:"NONONO หลักๆแล้วเป็นเพราะเลี้ยงหมูทำให้ร่ำรวยได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเซี่ยจินอาน
จบแบบรีบไปหน่อยเลยหรือเปล่า....สุกมาตั้งแต่ต้น..น่าจะแปลข้ามฟากไปเลยอ่ะ...
เป็นเรื่องที่สนุก เนื้อเรื่องตลก น่ารักดี แต่ตอนจบคือหักมุมจบแบบง่ายเกินไปหน่อยนะคะ...