เข้าสู่ระบบผ่าน

ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม นิยาย บท 10

กู้ชูหลันชะงักไป ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร

จะบอกว่านางจงใจไม่ปลุกตัวเอง แต่กลับมาสำนักบัณฑิตแต่เช้างั้นหรือ?

คำพูดแบบนั้น จะให้นางพูดออกไปได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "อีกอย่างเจ้าไม่ได้อาบน้ำจุดธูปหอม ไม่ตามข้าไปไหว้พระขอบพระทัยฝ่าบาท ถึงได้จงใจว่าร้ายข้า"

"ข้า..."

ให้ตายสิ นางสารเลวนี้ ติดกับนางอีกจนได้

สีหน้าของกู้ชูหลันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ทว่าตัวนั้นกลับนั่งไม่ติดที่

เซียวอวี่เชียนหันไปหากู้ชูหน่วนแล้วยกนิ้วให้ เพราะกู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างเขา เขาจึงเอ่ยกระซิบ "สาวน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเหนือชั้นยิ่งกว่าเดิมอีกนะ"

กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ยกตำราขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง หันหน้ามายิ้มเอ่ยกับเซียวอวี่เชียน "ชมกันอีกแล้ว หากฝีปากไม่ดี ท่านจะมาสู่ขอหรือ"

"โครม..."

เซียวอวี่เชียนล้มลงในทันที สีหน้าพลันถมึงทึง

หญิงผู้นี้ เกิดปีลิงหรืออย่างไร ถึงได้เล่ห์เหลี่ยมปานนี้

นางรู้จักทำคำว่าจริงจังหรือไม่

ลองนึกว่าหากตัวเองแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ ท่านพ่อคงตีเขาจนขาหัก

กู้ชูหลันนั่งข้างเจ๋ออ๋อง นางลอบมองกู้ชูหน่วน

ไม่ได้กลับบ้านไม่นาน น้องสามของนางเปลี่ยนไปยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้นางแกล้งโง่ หรือว่า...

"หญิงอัปลักษณ์ แต่อวดดีจริงเชียว เจ้ามาสายเองแท้ๆ ทำเสียเหมือนอาจารย์จงใจกลั่นแกล้งเจ้าเสียอย่างนั้น"

คนพูดคือองค์หญิงตังตัง อายุราวสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าจะยังเด็ก แต่หน้าตาใช้ได้ พอมองออกว่าวันหน้าต้องเป็นหญิงงามแน่นอน จากความดื้อรั้นบนใบหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่า ต้องเป็นองค์หญิงเอาแต่ใจ

อาจารย์สวีพยักหน้าเห็นด้วย "องค์หญิงตังตังพูดถูก"

กู้ชูหน่วนผายมือยักไหล่ "ข้าก็ไม่บอกว่าองค์หญิงพูดผิดนี่เจ้าคะ ข้าสำนึกผิดแล้วมิใช่หรือ ถึงได้หวังว่าอาจารย์จะให้โอกาสข้าได้กลับตัว"

หลอกใครกัน

ท่าทางโอหังนั่น เรียกว่าสำนึกผิดหรือ?

"ในเมื่อคุณหนูสามสำนึกผิด ทั้งยังเป็นความผิดครั้งแรก อาจารย์สวีให้โอกาสนางเถิดขอรับ"

ทันใดนั้น น้ำเสียงอ่อนโยนก็เอื้อนเอ่ยขึ้น เสียงนั้นก้องกังวาน ไพเราะเลยทีเดียว ได้ยินแล้วชวนให้รู้สึกสงบนิ่ง

กู้ชูหน่วนหันไปมอง ถึงได้พบว่าข้างอาจารย์สวีนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่

ชั่ววินาทีที่เห็นชายคนนั้น กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงในทันที

นี่มันผู้ชายอะไรกัน อบอุ่นดั่งแสงตะวัน สง่างามทว่าอ่อนน้อม รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของผู้คงแก่เรียน

เครื่องหน้าของเขาหล่อเหลา ราวกับเทพเซียนมาจุติ

เขาสวมชุดสีขาวพริ้วลม ดุจดั่งเทวดา เส้นผมสีดำหมึกถูกรวบไว้ด้านข้างด้วยเชือกขาวอย่างไม่ตั้งใจ ปล่อยให้เส้นผมดำขลับนั้นคลอเคลียลงมา

ยามลมพัดผ่าน เส้นผมปลิวไสว ยิ่งทำให้ดูงดงามไร้ปรุงแต่ง โดดเด่นกว่าใคร

กู้ชูหน่วนกล้ายืนยันได้เลยว่า นอกจากชายหนุ่มที่ถูกเธอข่มเหงในวันนั้นแล้ว ตั้งแต่เกิดมานี่คือหนุ่มหล่อที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น

"นี่ กู้ชูหน่วน เหตุใดถึงเอาแต่จ้องอาจารย์ซ่างกวานเช่นนั้น ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้ามองเขาอีก ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้า" องค์หญิงตังตังโมโห

กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว

องค์หญิงเอาแต่ใจนั่นชอบอาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้สินะ

ตาแหลมไม่เบานี่

อย่างน้อยก็ดีกว่ากู้ชูหลันกับกู้ชูฉิงเยอะ

แม้เจ๋ออ๋องจะไม่ได้ขี้เหร่ แต่หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวานแล้ว ไม่รู้ว่าห่างกันกี่โยชน์

นางคงถูกใจหน้าตา ฐานะ และความสามารถของเขาสินะ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน

"เมื่อครู่พวกเรากล่าวถึงสรรพสิ่ง มีเกิด มีรุ่งเรือง มีเสื่อมถอย เป็นธรรมดา ตอนนี้เรามาว่ากันต่อ..." อาจารย์สวีสอนหนังสือต่อ

"นี่ ชายงามที่นั่งข้างอาจารย์สวีคือใครกัน?" กู้ชูหน่วนใช้ศอกสะกิดเซียวอวี่เชียน ส่งเสียงคิกคัก

"ซ่างกวานฉู่อย่างไรเล่า อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในสำนักบัณฑิตหลวง ชาติตระกูลไม่รู้แน่ชัด รู้เพียงแค่ว่ารอบรู้รอบด้าน ได้ชื่อว่าเป็๋นหนึ่งในสี่อัจฉริยะทัดเทียมกับพี่ชายข้า"

"สี่อัจฉริยะ? อีกสองคนคือใคร?"

"ยัยขี้เหร่นี่ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร สี่อัจฉริยะผู้เลื่องชื่อคือใครบ้าง เจ้าไม่รู้เลยหรือ"

สวรรค์โปรดเมตตา เธอไม่รู้จริงๆ ในหัวเธอไม่มีความทรงจำเรื่องนี้เลย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกว่าความทรงจำบางส่วนของตัวเองหายไป

"แล้วทำไมอาจารย์ซ่างกวานถึงไม่สอน แต่ให้ตาเฒ่านั่นสอนคนเดียว?"

เซียวอวี่เชียนหัวเราะ "นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้? ในห้องเรียนของสำนักบัณฑิตหลวง อย่างน้อยต้องมีอาจารย์สองคน คนหนึ่งเป็นผู้สอน อีกคนหนึ่งมาฟัง หากมีนักเรียนถาม แล้วอาจารย์ผู้สอนตอบไม่ได้ อาจารย์ผู้ฟังก็จะตอบแทน ยัยขี้เหร่ ก่อนมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวง เจ้าไม่เคยรู้กฎระเบียบที่นี่เลยหรือ?"

"จะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ที่แบบนี้ สักวันข้าจะยุบทิ้งให้หมด สำนักบัณฑิตควรเปิดให้กับราษฎรทั่วทั้งแคว้นต่างหาก มีที่ไหนให้แต่ลูกหลานขุนนางราชวงศ์เข้าเรียน"

"เงียบ พวกเจ้าสองคนสุมหัวคุยอะไรกัน?" อาจารย์สวีตะโกนลั่น

ในห้องมีเด็กไม่เอาอ่าวอย่างเซียวอวี่เชียนคนเดียวก็พอแล้ว ยามนี้มีคนมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก

กู้ชูหน่วนปิดปากอย่างเขินอาย ยกตำราขึ้นมาบังหน้าตัวเองแล้วอ้าปากหาว ยิ่งฟังอาจารย์สวีก็ยิ่งง่วง

เมื่อครู่ตอนที่เธอออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เธอแวะร้านยาหลายแห่ง แต่ร้านไหนก็ไม่มียาที่เธออยากได้ ต่อให้มีอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงขึ้นไป

เธอต้องการตัวยาทั้งหมดสามสิบสองชนิด หนึ่งในนั้นมีหญ้าตี้อวี้และดอกเยียนหลัวที่หายากที่สุด ร้านยาในเมืองหลวงคงไม่มีขาย

กู้ชูหน่วนคิดหนัก ถ้าไม่มียา ต่อให้เธอเป็นหมอยอดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีทางถอนพิษบนใบหน้านี้ได้

ส่วนตัวยาอื่น ต่อให้เธอจะไม่มีเงินซื้อ แต่ก็พอหาเองได้เพียงแค่ลำบากนิดหน่อย แต่หญ้าตี้อวี้กับดอกเยียนหลัวนี่สิ? ตัวยาสองชนิดนี้เหมือนจะหายากมากในแถบนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม