เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 11

“พี่ใหญ่ ข้าน่ะแค่เคยอ่านหนังสือมาบ้าง ก็เลยจำได้ แต่หากถามว่าเหตุใดข้าถึงรู้ ข้าบอกเหตุผลที่แน่ชัดไม่ได้หรอก!"

นางจะอธิบายอย่างไร สุดท้ายคือนางรู้ก็แล้วกัน!

"อร่อยมาก หวานหว่านมีน้ำใจจริง ๆ!" ซูจิ่งลูบศีรษะของนาง เหมือนกับพี่ชายลูบศีรษะน้องสาวที่ทำกันในครอบครัวทั่วไป

แต่การกระทำนี้ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก นางที่ขาดความรักจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ปรารถนาที่จะมีคนในครอบครัวมาใส่ใจเช่นนี้มาตลอด!

บรรดาพี่น้องยังคงรู้สึกไม่หนำใจ ซูอวิ๋นเลียปาก แต่ยังคงแสดงท่าทีหยิ่งทะนง

เขาเดินไปหยิบเคียวแล้วไปเกี่ยวข้าวต่อ ที่นาสองหมู่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันจึงจะเกี่ยวเสร็จ ซูจิ่งมองซูหว่านอย่างจนปัญญา

“หวานหว่าน เจ้าจำทางกลับได้ไหม ข้างนอกร้อนมาก รีบกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ รอพี่ใหญ่กลับไปจะทำข้าวกลางวันให้เจ้ากิน!"

ซูหว่านพยักหน้า

“ข้าจำได้!” นางอุ้มไหน้ำ โบกมือลาพี่ชายทุกคน แล้วเดินกลับบ้านไปตามทางเล็กๆ ที่เดินมา นางยังหันกลับมามองพี่ชายทั้งหลายอยู่เป็นระยะ

มองตามร่างเล็กๆ ที่เดินลับตาไป ซูอี้ยิ้มแล้วเอ่ยกับพี่น้องว่า

"น้องหวานหว่านของพวกเรา ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้เลย!"

พวกเขาคิดมาตลอดว่าซูหว่านจะต้องเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น หรืออย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ไม่ใช่

ซูมู่ยังคงเงียบ ส่วนซูเฉินพยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงซูจิ่งที่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

"เพราะฉะนั้น การมองคนจะมองแค่ภายนอกไม่ได้ และไม่ควรยึดมั่นในความคิดของตัวเองเกินไป!"

หลังจากที่น้ำหญ้าหวานได้รับความชื่นชอบจากพี่ชายทั้งหลาย ซูหว่านก็กลับบ้านด้วยอารมณ์แจ่มใส แล้วเริ่มลงมือทำอาหารกลางวัน

แป้งในถุงเหลือน้อยเต็มที นางจึงตักออกมาเล็กน้อย ผสมน้ำให้เจือจาง ตอนนี้มีเท่านี้ ไม่ควรฟุ่มเฟือยมากเกินไป นางใส่หัวมันที่หั่นเป็นเส้นๆ ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขอแค่ให้แป้งเคลือบเส้นก็เพียงพอ จากนั้นจึงโรยเกลือเพื่อปรุงรสชาติ นางกำลังจะทาน้ำมันในกระทะ ปรากฏว่าน้ำมันในขวดก็ใกล้หมดแล้วเช่นกัน นางหาทั่วบ้านก็ไม่เจอน้ำมันเหลือสักหยด นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา ตระกูลซูยากจนกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ

ฟักทองชิ้นใหญ่ถูกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำไปนึ่งผสมกับข้าวหนึ่งถ้วยเล็ก จากนั้นก็นำผักเบี้ยไปลวก คลุกเคล้ากับน้ำส้มสายชูนิดหน่อย เท่านี้ก็ได้แล้ว ไม่มีพริก ช่วยไม่ได้ เช่นนั้นก็นำแป้งทอดปลายข้าวโพดที่เหลือจากเมื่อเช้ามาอุ่นกินอีกรอบก็แล้วกัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย!

เมื่อซูจิ่งห้าพี่น้องกลับจากไร่ ก็ได้กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล ซูอวิ๋นถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ บ้านไหนนะที่ทำอาหารได้หอมถึงเพียงนี้

เมื่อทั้งห้ากลับมาถึงบ้าน จึงได้รู้ว่าที่แท้กลิ่นหอมนั้นก็มาจากบ้านของตัวเอง ปล่องไฟที่บ้านมีควันลอยขึ้นมาช้าๆ เสื้อผ้าแขวนไว้เต็มราวตาก ถ้าไม่ใช่ของพวกเขาแล้วจะเป็นของใคร

หลังจากที่ตากแดดไว้ ก็แห้งจนเกือบหมดแล้ว

นางได้ยินเสียงดังมาจากในครัว จึงรีบวิ่งออกมาทันที ที่ตัวยังคงสวมผ้ากันเปื้อนสีเทา นางเช็ดมือที่เปียกน้ำแล้วเอ่ยพลางยิ้มกว้าง

"กลับมาแล้ว พวกพี่ๆ เหนื่อยมากไหม ล้างมือแล้วมากินข้าวกันเถอะ!"

นางคว้ากะละมังไม้ ตักน้ำจากโอ่งมาให้พวกเขาใช้ล้างมือ ทำเอาพี่ชายทั้งห้าถึงกับตกตะลึง!

“น้องหวานหว่าน เสื้อผ้าพวกนี้เจ้าซักเองทั้งหมดเลยหรือ” ซูอี้ถามพลางชี้ไปยังเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว

"พี่ห้าถามแบบนี้ ในเมื่อในบ้านหลังนี้มีแค่ข้าอยู่บ้าน แล้วจะมีใครซักได้อีก ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว หรือว่าพี่ห้าลืมไปแล้ว” ซูหว่านยิ้มตอบ อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

ซูอวิ๋นเดินเข้าไปแล้วใช้มือคลำเสื้อผ้าที่เกือบแห้งสนิทเหล่านั้น ตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“เจ้าน่ะหรือ ไม่เคยลงมือทำงานบ้านเลยสักครั้ง แต่กลับมาซักผ้า ระวังนะ หากซักไม่สะอาด เดี๋ยวพวกเราต้องมาซักซ้ำกันอีก!"

ซูอวิ๋นไม่ค่อยเชื่อมั่นในความสามารถของซูหว่าน เนื่องจากติดภาพคุณหนูของนาง คิดว่านางคงทำงานไม่เป็นสักอย่าง

“พี่สี่ ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ทำไมต้องมาคอยสงสัยข้าด้วย หากเปลี่ยนคนที่ทำเรื่องพวกนี้เป็นคุณหนูกู้ พี่คงไม่พูดแบบนี้แน่!" ซูหว่านพูดด้วยความน้อยใจ

น่าสนใจจริงๆ!

ทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีมันทอดสีเหลืองทองวางเรียงรายอยู่ในชาม สุกกำลังดี ไม่มีรอยไหม้เลยแม้แต่น้อย ข้าวอบฟักทองก็ใส่น้ำได้อย่างพอเหมาะ ข้าวที่นึ่งออกมาก็หอมหวานอวบอิ่มเต็มเมล็ด

ซูอวิ๋นที่คิดว่าตัวเองมีฝีมือในด้านการทำอาหาร เมื่อเห็นมันทอดที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเหล่านี้ ก็รู้สึกเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นเขา ก็ยังไม่สามารถทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้เลย!

“หวานหว่าน นี่เจ้าทำเองทั้งหมดเลยหรือ” ซูจิ่งมองซูหว่านด้วยความสงสัย รู้สึกว่าฝีมือของนางดีกว่าน้องสี่เสียอีก

"ถ้าไม่ใช่ข้าทำ แล้วใครทำล่ะ แม่นางหอยโข่งมาทำให้หรือ” ซูหว่านรู้สึกปวดหัวจริงๆ ตัวเองทำอะไรนิดหน่อย พวกเขาไม่เคยเชื่อกันบ้างเลยหรือ

อันที่จริงก็ไม่แปลก ในสายตาของพวกเขา ลูกคุณหนูบ้านผู้ดี ไม่เคยต้องแตะต้องงานบ้าน ไม่เป็นไร ข้าจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดพวกเขาเอง

“รีบกินข้าวเถอะ ทำงานกันมาเหนื่อยแล้วนี่!"

ซูหว่านต้องการตักข้าวให้พวกเขาแต่ละคน ซูจิ่งกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อถึงคราวของซูมู่ เขากลับปฏิเสธเสียงเรียบ

"ไม่ต้องหรอก ข้าตักเองได้!"

“ซูหว่าน เจ้าทำอาหารก็เหนื่อยแล้ว พวกเราตักกันเองดีกว่า!" ซูเฉินปฏิเสธอย่างสุภาพ ส่วนซูอี้นั้นไม่ต้องเอ่ยถึง

พี่น้องทั้งหกคนนี้ปฏิบัติต่อกันอย่างสุภาพมาก!

นอกจากเจ้าสี่ที่ไม่สามารถยอมรับกับน้องสาวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันได้ พี่ชายคนอื่นๆ กลับไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านนางแต่อย่างใด แม้จะรู้สึกแปลกๆ ก็ตามที

ซูอวิ๋นมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาแสดงปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงเช่นนี้ ประการแรกคือเขายังเด็ก อายุเพียงสิบห้าปี ถ้อยคำค่อนข้างตรงไปตรงมา จึงไม่ทันคิดว่าจะทำร้ายความรู้สึกของซูหว่าน เขายังคงทำใจยอมรับไม่ได้ว่าน้องสาวที่เขาดูแลมาตั้งแต่เล็กจะต้องจากบ้านไปอย่างกะทันหัน

นอกจากนี้ ก่อนที่กู้เย่ว์จะจากไป นางถามเขาอย่างจริงจังว่า “พี่มีน้องสาวคนใหม่แล้ว จะไม่รักข้าที่เป็นน้องคนเก่าแล้วใช่ไหม” ซูอวิ๋นเห็นนางเศร้าสร้อยขนาดนั้น ก็อดสงสารไม่ได้ จึงตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมให้น้องสาวคนใหม่มามีความสำคัญในใจของเขามากไปกว่านางอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม