เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 12

เหลือซูอวิ๋นคนสุดท้ายที่มองนางตักข้าวอบฟักทองด้วยสายตาละห้อย เดิมทีเขาคิดว่านางจะยื่นให้เขา แต่กลับกลายเป็นว่านางนั่งลงกินเสียเอง ซูอวิ๋นแทบกระอักเลือดกับการถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม

เขากำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ ซูหว่านคนนี้ต้องเป็นคนที่สวรรค์ส่งมากลั่นแกล้งเขาอย่างแน่นอน

“น้องหวานหว่าน มันทอดนี่ดูน่ากินมากเลยนะ!" ซูอี้เอ่ยชม

“หึ ดูน่ากินแล้วยังไงล่ะ กินแล้วอร่อยค่อยว่ากัน!" ซูอวิ๋นพูดขัดคออย่างไม่ไว้หน้า เย่ว์เย่ว์อยู่บ้านไม่เคยทำอาหาร แถมยังทำไม่อร่อยด้วย มีแต่เขาเท่านั้นที่ทำอาหารอร่อยที่สุด

คุณหนูซูหว่านคนนี้ จะทำของอร่อยเป็นหรือ

ซูหว่านไม่สนใจคำเยาะเย้ยของซูอวิ๋น นางคีบมันทอดให้ซูจิ่ง

"พี่ใหญ่ลองชิมดูสิว่าอร่อยไหม!"

"ขอบใจนะหวานหว่าน!" ซูจิ่งยื่นชามออกไปรับ

"พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว!"

ซูจิ่งลองชิมมันทอดเข้าไปคำแรก ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที มันทอดนุ่มหนึบหอมอร่อย รสชาติเค็มกำลังดี ไม่มีกลิ่นไหม้เลยสักนิด เป็นมันทอดที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกินมา อร่อยกว่าที่ขายข้างนอกเสียอีก

ทั้งรูปลักษณ์และรสชาติล้วนน่าทึ่ง ทุกคนจับจ้องพี่ใหญ่ด้วยความหวัง โดยเฉพาะซูอวิ๋น เมื่อเห็นซูจิ่งขมวดคิ้ว เขารู้ทันทีว่ารสชาติคงไม่ดีอย่างที่คิด

"อร่อยมาก พวกเจ้าลองชิมเร็วเข้า!" เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของซูอวิ๋นเจื่อนลงทันใด

ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็รีบคีบมันทอดขึ้นมาชิมกันคนละชิ้น คำแรกเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่หลังจากนั้นคำต่อไปก็ตามมาอย่างรวดเร็วด้วยความเอร็ดอร่อย

แม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกว่ามันอร่อยมาก ซูอวิ๋นไม่เชื่อ จึงคีบมาลองหนึ่งชิ้น แล้วมองซูหว่านด้วยสายตาที่สื่อความหมายบางอย่าง ซูหว่านก็เลิกคิ้วมองเขาเช่นกัน

เป็นไปได้อย่างไรที่คุณหนูอย่างนางจะทำอาหารพื้นๆ แบบนี้เป็น แล้วยังทำได้อร่อยมากขนาดนี้

ข้าวอบฟักทองหอมหวานที่ไม่ค่อยได้ลิ้มลองมาก่อน พวกเขารู้สึกว่ามันแปลกใหม่มาก แต่ละคนทานข้าวอบฟักทองไปสองชาม มันทอดอีกสองชิ้น และยำผักเบี้ยที่สดชื่นถูกปากจนหมดเกลี้ยง

ซูอวิ๋นยังไม่ทันตั้งสติ อาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง สะอาดหมดจดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหม้อไม่มีข้าวเหลือสักเม็ด ในขณะที่ซูหว่านทานข้าวอบฟักทองไปเพียงชามเล็กๆ ก็อิ่มแล้ว

ซูอี้ลูบท้องพลางหยอกเย้าซูอวิ๋น

“พี่สี่ ดูเหมือนว่าในที่สุดบ้านเราก็มีคนทำอาหารอร่อยกว่าพี่แล้ว!”

ซูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็จ้องเขาอย่างดุร้าย

“หุบปากไปเลย!”

พี่น้องฝาแฝดคู่นี้ไม่ได้มีความสามัคคีปรองดองหรือความเข้าใจกันแบบฝาแฝดทั่วไปเลย พวกเขามักเขม่นใส่กันเสมอๆ ทะเลาะเบาะแว้งกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ว่ากันว่าตีกันทุกวันตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ ตอนที่มารดาของพวกเขาตั้งท้องแฝดคู่นี้ ท้องของนางใหญ่มาก ทั้งยังต้องทนกับการดิ้นของลูกในท้องอย่างรุนแรง ท้องปูดโปนเป็นลูกๆ ดูแล้วน่ากลัว

หลังมื้ออาหาร ซูหว่านเริ่มเก็บจานชามไปล้าง แต่ซูจิ่งกลับคว้ามือนางไว้

“หวานหว่านทำอาหารแล้ว หน้าที่ล้างจาน ให้พวกพี่ทำเถอะ ซูอวิ๋น เจ้าไปล้าง!”

ซูหว่านล้วงมือเข้าไปใต้หมอนหยิบแหวนทองคำออกมา นางคิดจะนำไปแลกเป็นเงิน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดว่ามันคงไม่เหมาะนัก เนื่องจากนางเพิ่งกลับมาที่บ้านตระกูลซู เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นแฟ้น ยิ่งไปกว่านั้น บุตรชายของตระกูลซูแต่ละคนก็เป็นคนมีศักดิ์ศรี หากนางเอาแหวนนี้ไปขาย พวกเขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเงินที่นางได้มาจากตระกูลกู้ แล้วก็คงจะไม่ยอมใช้เงินนั้น แถมยังรู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรีอีกด้วย

ช่างเถอะ! ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งปี คนยุคใหม่อย่างนาง จะเอาชีวิตรอดในยุคโบราณไม่ได้เชียวหรือ

แหวนทองวงนี้คือสิ่งที่ติดตัวมาจากยุคปัจจุบัน ถือเป็นสิ่งแทนใจ หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ก็ยังไม่ควรนำออกมาใช้

หลังจากอาหารกลางวัน พี่ชายทั้งห้าก็ออกไปทำงานต่อ ซูหว่านได้เตรียมน้ำหญ้าหวานให้พวกเขาไว้สองไห น่าจะเพียงพอให้พวกเขาดื่มได้ทั้งบ่าย

“อากาศข้างนอกร้อนมาก พวกพี่ต้องสวมหมวกสานกันด้วยนะ!"

พวกเขาสวมหมวกสานกันคนละใบ เสื้อผ้าที่สวมใส่มีแต่รอยปะชุนและคราบดินโคลน สีสันซีดจาง ใครจะไปคิดว่าในอนาคต พวกเขาจะกลายเป็นคนใหญ่คนโตได้

สีหน้าของซูอวิ๋นดูอ่อนล้า ไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนช่วงเช้า อาจเป็นเพราะเพิ่งตื่นนอน

“หวานหว่าน อาหารเย็นน่ะรอพวกพี่กลับมาค่อยทำก็ได้ เจ้าเพิ่งกลับมา ก็ควรจะพักผ่อนและปรับตัวให้คุ้นกับชีวิตชนบทไปก่อน ไม่ต้องเกรงใจคิดว่าไม่ได้ทำอะไรแล้วจะเป็นภาระ ลูกสาวตระกูลซูของพวกเราต้องได้รับการดูแลอย่างดี เจ้ามีพี่ชายตั้งหลายคนเหมือนกับเย่ว์เย่ว์ แค่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านอย่างสงบและเติบโตอย่างมีความสุขก็พอ!"

ซูจิ่งคิดว่า ถึงซูหว่านจะกลับมาอยู่บ้าน ชีวิตอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนเมื่อก่อน แต่พวกพี่ๆ ก็จะไม่ปล่อยให้น้องต้องลำบากหรือถูกรังแกแน่นอน

“แค่ทำอาหารไม่เห็นจะเหนื่อยเลย พี่ใหญ่อย่ามองข้าว่าบอบบางเกินไปสิ!"

ซูหว่านไม่อยากงอมืองอเท้า การลงมือลงแรงก็นับเป็นวิธีหนึ่งในการปรับตัวเข้ากับชีวิตในชนบท อีกอย่าง แม้พวกเขาจะเอ่ยปากให้นางพักผ่อน นางก็ไม่อยากฉวยโอกาส ควรจะช่วยงานอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้กลายเป็นที่รักของทุกคนมากกว่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม