เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 14

ซูหว่านได้รับการปลอบโยน ในใจจึงไม่คิดอะไรมาก

น้ำที่มีอยู่ในบ้านแห้งขอด หลังจากที่ซูจิ่งและคนอื่นๆ อาบน้ำเสร็จ ก็พากันแบกถังน้ำไปตักน้ำที่บ่อ พวกเขาคุ้นเคยกับการทำงานในไร่นาเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก สามคนแบกคนละสองเที่ยว ก็เติมน้ำในโอ่งสองใบจนเต็ม

ซูหว่านอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย ทุกคนอาบน้ำกันแบบง่ายๆ แค่ตักน้ำสองถังมาล้างตัวก็พอแล้ว แต่กู้เย่ว์นั้นไม่เหมือนกัน ท่านพ่อท่านแม่ทำอ่างอาบน้ำให้นางไว้ต่างหาก ซึ่งตอนนี้ กลายเป็นของซูหว่านไปแล้ว

หลังจากที่นางอาบน้ำเสร็จ แสงไฟในห้องพี่ชายก็ดับลงหมดแล้ว เมื่อคืนนางนอนหลับไม่สนิทนัก มิหนำซ้ำวันนี้ยังทำงานมาทั้งวัน เมื่อล้มตัวลงบนเตียงก็แทบจะหลับไปทันที

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อซูหว่านตื่นขึ้นมา แสงอาทิตย์ก็สาดส่องไปทั่ว พี่ชายทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว ไฟในเตาถ่านยังไม่มอด น่าจะเพิ่งออกไปไม่นาน ในหม้อยังมีข้าวเช้าที่อุ่นเตรียมไว้ให้นาง ข้าวต้มมันเทศหนึ่งชาม และหมั่นโถวจากแป้งสองชนิดสองชิ้น

ในขณะที่นางกินไปได้ครึ่งหนึ่ง เหอเจียวหลันก็สะพายตะกร้ามาหา

“น้องซูหว่าน เจ้าพร้อมหรือยัง พวกเราจะขึ้นเขาแต่เช้า จะได้รีบกลับ มิฉะนั้นแดดแรงจะลำบากเอา!"

“มาแล้ว!”

หลังจากเก็บล้างชามอย่างง่ายๆ ซูหว่านก็หยิบตะกร้าเดินออกมา แล้วปิดประตูรั้วไม้ไผ่ให้เรียบร้อย

“ขอโทษด้วยนะที่ให้รอ พวกเราไปกันเถอะ ข้ายังต้องกลับมาทำอาหารให้พวกพี่ๆ อีก!”

เมื่อซูหว่านหันกลับมา ก็เห็นเหอเจียวหลันสองพี่น้อง และเฉินอิ้งหงยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เฉินอิ้งหงทำหน้าบึ้งตึง แสดงท่าทีดูถูกอย่างเห็นได้ชัด

"ชิ! เจ้าเนี่ยนะทำอาหาร กินได้หรือ"

มองดูสายตาและท่าทางที่ดูแคลนของนาง ซูหว่านก็หมดความอดทน

“ไม่ได้ให้เจ้ากินนี่ เจ้าจะยุ่งเรื่องของคนอื่นทำไมเล่า!”

“เจ้า!” เฉินอิ้งหงโกรธจนหน้าแดงแก้มตุ่ย เหอเจียวหลันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไกล่เกลี่ยทันที

“เอาล่ะๆ นี่ก็สายแล้ว ไปกันได้แล้ว!”

นางยืนแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง ตัดบทบรรยากาศที่ตึงเครียดและร้อนแรงออกไป ทั้งสี่คนจึงเดินขึ้นเขาไปด้วยกัน แต่ระหว่างทางสายตาที่เฉินอิ้งหงมองซูหว่านก็ยังคงเต็มไปด้วยความรังเกียจไม่เปลี่ยนแปลง

ภูเขาแถวนี้เต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่ วันนี้เหอเจียวหลันพาซูหว่านเปลี่ยนไปเก็บที่ตีนเขาอีกด้าน ภูเขาที่อยู่ใกล้หมู่บ้านถูกเก็บไปเกือบหมดแล้ว โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูทำนา ในหมู่บ้านจึงไม่มีใครว่างออกมาเก็บเห็ดสน พวกนางจึงคิดจะเก็บเห็ดไปขายมาเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ แน่นอนว่ามันคงไม่ได้ราคาอะไรมากมายนัก

“น้องซูหว่าน พวกเราแยกกันเก็บนะ เดี๋ยวข้าจะเรียกเจ้าเป็นระยะๆ เจ้าก็ขานรับข้าด้วยนะ หมู่บ้านเราอยู่ห่างไกล อย่าเดินเข้าไปในป่าลึกนะ ในภูเขามีสัตว์ป่า อันตราย!"

เมื่อมาถึงตีนเขา ทั้งสี่คนก็แยกย้ายกัน แต่ต้องไม่อยู่ไกลกันเกินไป ให้อยู่ในระยะที่ได้ยินเสียงกัน เพราะป่าลึกแถวนี้มีสัตว์ป่าดุร้าย ทั้งหมาป่าและหมีดำ

“เข้าใจแล้ว พี่เจียวหลัน!”

ซูหว่านเด็ดกิ่งไม้ยาวมาท่อนหนึ่ง แล้วเริ่มต้นมองหาเห็ดอย่างตั้งใจ นางช่างโชคดี พลิกใบไม้ร่วงหล่นแต่ละครั้ง ก็พบเจอเห็ดสนดอกโตมากมาย แต่ก็ไม่เคยลืมคำเตือนของเหอเจียวหลัน

เหอเจียวหลันส่งเสียงเรียกเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของทุกคน

เพียงไม่นาน ตะกร้าของนางก็เต็มไปด้วยเห็ด เห็ดนั้นบอบบางมาก ไม่สามารถทนต่อแรงกดทับได้ แต่ยังมีเห็ดอีกมากมายที่ยังไม่ได้เก็บ ซูหว่านจึงคิดว่า นางจะกลับมาเก็บต่อบ่ายนี้

นางใช้กิ่งไม้เขี่ยใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นปกคลุมเห็ดเหล่านั้นอย่างรอบคอบ นางเป็นคนตระหนี่ ยังหวังจะเก็บเห็ดสนเหล่านี้ไปขายทำเงินอีกด้วย!

“น้องซูหว่าน เจ้าเก็บเสร็จแล้วหรือ!”

เหอเจียวหลันที่เก็บเห็ดได้เกือบครึ่งตะกร้า มองซูหว่านที่เดินออกมาอย่างแปลกใจ

วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศเสียหน่อย ข้าวต้มคลุกเคล้ากับเครื่องเคียงหลากรส ทานกับหมั่นโถวจากแป้งสองชนิด หอมอร่อยมากๆ

เมื่อเช้านี้ ซูอวิ๋นเห็นว่าซูหว่านยังไม่ตื่น ก็ทึกทักเอานางคงทำตัวดีได้แค่วันเดียว แล้วก็เลิกทำ ตอนเช้ายังเอ่ยกับซูจิ่งว่านางสร้างภาพได้ไม่เนียน ครั้นพอตอนเที่ยงกลับมา เขาก็ต้องหน้าแตกยับเยิน

“หวานหว่าน เห็ดนี้เจ้าได้มาจากไหนหรือ”

ซูจิ่งเห็นว่ามีเห็ดผัดเพิ่มขึ้นมาบนโต๊ะ จึงรู้สึกสงสัยว่าผู้ใดในหมู่บ้านนำเห็ดเหล่านี้มาให้นางหรือเปล่า

“เมื่อเช้านี้ ข้าไปเก็บเห็ดสนกับพี่เจียวหลันคนในหมู่บ้าน และน้องสาวของนางชื่อเจียวซิ่ง แล้วก็ยังมีเฉินอิ้งหงด้วย พวกนางบอกว่าเอาไปขายในตลาดได้เงินด้วย ข้าเห็นว่าของกินที่บ้านเหลือน้อยแล้ว ก็เลยไปเก็บมาเผื่อเอาไปขายที่ตลาดวันหลัง!"

ซูหว่านอธิบายอย่างว่าง่าย ยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายสดใส

บรรดาพี่ชายทั้งหลายฟังแล้วก็นิ่งอึ้ง เดิมที่คิดว่านางเป็นเพียงคุณหนูเอาแต่ใจ ไม่สามารถทนต่อความลำบาก หรือไม่ก็เอาแต่กินเล่นไปวันๆ ทั้งยังรังเกียจว่าครอบครัวยากจนอีกด้วย

แม้แต่ซูอวิ๋นยังรู้สึกว่านางกำลังแสร้งทำ

“หวานหว่าน หลังจากสีข้าวเปลือก เราก็จะมีอาหารกินแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดถึงการหาเงินมาจุนเจือครอบครัวหรอก รอให้หมดช่วงฤดูเก็บเกี่ยว พวกพี่จะหาวิธีเอง!” ซูจิ่งตอบสนองก่อนใคร เขาค่อนข้างรู้สึกผิดต่อน้องสาว หวานหว่านกลับมาก็ต้องมารับภาระเหล่านี้

“ถูกต้อง การหาเงินเลี้ยงครอบครัวเป็นหน้าที่ของผู้ชายอย่างพวกเรา เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย!” แม้แต่ซูมู่ที่ปกติพูดน้อยก็ยังเอ่ยปาก

ส่วนซูอวิ๋นนั้นเบ้ปากเล็กน้อย

"นี่เจ้าดูถูกพวกเราผู้ชายว่าไร้ความสามารถหรืออย่างไร พวกเรายังแข็งแรงดีอยู่ เหตุใดต้องให้เจ้าหาเลี้ยง สมัยก่อนเย่ว์เย่ว์ไม่เห็นเคยสนใจอะไรแบบนี้เลย!"

พูดแต่ละครั้งก็มีแต่เย่ว์เย่ว์ ต่อให้ซูหว่านเป็นคนใจเย็นเพียงใดก็ชักจะทนไม่ไหว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม