ซูอวิ๋นยังต้องกลับไปทำงานต่อเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เขาจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ซูหว่านพวกเขายิ่งนัก
“ซูหว่าน ต่อไปเจ้าต้องมาหาข้าบ่อย ๆ นะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูอวิ๋นต้องมาอยู่ตัวคนเดียวในเมืองเซียงโจวที่ห่างไกลจากบ้านถึงเพียงนี้ เขาจึงออดอ้อนซูหว่านราวกับเด็กน้อย
“ได้สิ ต่อไปทุกครั้งที่ข้ามาค้าขายที่เมืองเซียงโจว ข้าจะมาหาท่าน” ซูหว่านตบไหล่เขาเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
ซูอวิ๋นมองตามซูหว่าน ซูเฉิน และซูอี้จนลับสายตา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ทางด้านซูหว่าน เมื่อเห็นว่าฟ้ายังสว่างอยู่ นางจึงเดินเที่ยวเล่นในเมืองต่ออีกหน่อย นางไปเลือกซื้อผ้าเพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้าให้พวกพี่ชาย ครั้งนี้นางไม่ได้ซื้อผ้าฝ้ายเนื้อหยาบธรรมดา แต่เลือกซื้อผ้าเนื้อดีขึ้นมาหน่อยซึ่งมีลวดลายงดงาม โดยซื้อให้คนละสองชุด
เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็จะให้ท่านแม่ช่วยตัดเย็บให้
เมื่อคำนวณดูแล้ว วันที่พี่รองจะต้องเดินทางก็ใกล้เข้ามาแล้ว ซูหว่านจึงซื้อชุดยาวสีขาวให้เขาสองชุด หวังว่าเมื่อเขาต้องเดินทางรอนแรมเพื่อศึกษาเล่าเรียนไปพร้อมกับท่านหมอเทวดา จะได้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น
พี่รองในชุดสีขาวนั้นช่างดูดีนัก ด้วยบุคลิกที่ดูเย็นชาและสง่างาม ทั้งยังมีหน้าตาหล่อเหลา จึงเหมาะกับเสื้อผ้าสีขาวที่ให้ความรู้สึกราวกับเทพเซียนเช่นนี้ยิ่งนัก และยังเข้ากับภาพลักษณ์ในอนาคตของเขาในฐานะหมอเทวดาผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และยาพิษอีกด้วย
ในนิยายต้นฉบับ พี่รองก็โปรดปรานเพียงสีขาว ในตู้เสื้อผ้าของเขามีแต่ชุดสีขาวล้วน
หลังจากซื้อผ้าและของประดับตกแต่งจุกจิกเหล่านี้แล้ว ก็ใช้เงินไปเกือบแปดสิบตำลึง แต่ซูหว่านกลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
การเดินจับจ่ายซื้อของคือการเยียวยาความรู้สึกแย่ ๆ ได้ดีที่สุด ได้กิน ได้ดื่ม ได้เที่ยวเล่น หากไม่สบายใจ การได้ซื้อของก็จะทำให้มีความสุข การได้กินก็จะทำให้มีความสุข และถ้าหากไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหว่านนำสบู่สี่ร้อยก้อนที่บรรทุกอยู่ในรถม้า พร้อมด้วยพี่ชายทั้งสอง มุ่งตรงไปยังร้านเครื่องประทินโฉมแห่งหนึ่ง
เมื่อคืนนี้นางได้สำรวจดูแล้ว ร้านเครื่องประทินโฉมร้านนี้มีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย หากนำสบู่นมแพะมาวางขายที่นี่ จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน
ในอนาคตนางตั้งใจจะเจาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบน ดังนั้นจึงต้องหาร้านค้าที่มีระดับมาเป็นตัวแทนจำหน่าย
ร้านเครื่องประทินโฉมแห่งนี้มีชื่อว่าอวี้เมี่ยนเถาฮวา ตอนที่ซูหว่านเดินเข้าไปนั้นเป็นช่วงเช้าตรู่ ในร้านจึงยังไม่มีลูกค้า มีเพียงเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังนั่งทำบัญชีอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าเท่านั้น
เมื่อเห็นว่ามีลูกค้ามา แถมยังเป็นเด็กสาว นางจึงคิดไปโดยสัญชาตญาณว่ามีลูกค้ามาอุดหนุนแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาเพื่อเจรจาการค้ากับนาง
ไม่รอให้ซูหว่านพูดจบ เถ้าแก่เนี้ยก็ชิงพูดต่อขึ้นมาเอง
ซูหว่านเองก็คาดไม่ถึง นางรู้ได้อย่างไรว่าตนเองกำลังจะพูดอะไร?
เมื่อเห็นสีหน้าที่ฉายแววสงสัยของซูหว่าน เจ้าของร้านก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะแล้วกล่าวว่า
“ข้ารู้จักสบู่นมแพะของเจ้า เดิมทีข้าเป็นคนอำเภอชิงเหอ แต่งงานมาอยู่ที่เมืองเซียงโจวแห่งนี้ เมื่อช่วงสิ้นปี ข้ากลับไปเยี่ยมบ้านเดิม ท่านแม่ได้มอบของดีชิ้นหนึ่งให้แก่ข้า นั่นก็คือสบู่นมแพะของเจ้านี่เอง พอนำกลับมาใช้แล้วก็รู้สึกว่าดีมากจริง ๆ ไม่ว่าจะใช้ซักเสื้อผ้าหรือล้างมือก็ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย ได้ยินมาว่าบ้านเจ้ายังมีอีกหลายแบบ ทั้งยังมีแบบที่ใช้สำหรับสระผมโดยเฉพาะด้วย เพียงแต่ว่ามีจำนวนน้อยเหลือเกิน ท่านแม่ของข้ายังนึกเสียดายอยู่เลยที่แย่งชิงมาไม่ทัน!”
“คาดไม่ถึงเลยว่า วันนี้ข้าจะได้มาพบกับเถ้าแก่กิจการสบู่นมแพะ แถมยังเป็นเถ้าแก่หญิงที่อายุน้อยถึงเพียงนี้”
เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ เพราะซูหว่านดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินสิบสี่สิบห้าปี ยังเด็กมากทีเดียว
อายุยังน้อยถึงเพียงนี้ก็ออกมาเจรจาการค้าแล้ว ความกล้าหาญและใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ช่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
ที่แท้ก็ได้มาเจอกับผู้คลั่งไคล้สบู่นมแพะเข้าแล้ว ช่างเป็นโชคของซูหว่านโดยแท้
ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยเคยใช้ด้วยตนเองแล้ว เช่นนั้นข้อตกลงการเป็นตัวแทนจำหน่ายในครั้งนี้ย่อมต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ขอเพียงเป็นคนที่รู้ถึงข้อดีของสบู่นมแพะ ก็คงไม่มีใครปฏิเสธของดีมีประโยชน์เช่นนี้ได้กระมัง?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...