หลังอาหารมื้อนั้น ทั้งสามคนก็ได้ทำความรู้จักกัน หมีหมี่อายุมากกว่าซูหว่านจริงๆ นางอายุครบสิบสี่แล้ว และกำลังจะสิบห้าในอีกไม่ช้า
ส่วนซูหว่านจะอายุครบสิบสี่ปีในเดือนหน้า
เมื่ออิ่มแล้ว ซูหว่านและซูเฉินก็พานางไปที่โรงหมอฝั่งตรงข้ามเพื่อตรวจดูบาดแผล
นางมีเพียงบาดแผลภายนอก ยกเว้นข้อเท้าที่แพลง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทายาก็เรียบร้อยแล้ว
หมอจีนเฒ่าช่วยดัดกระดูกข้อเท้าของนาง เสียงกระดูกดัง 'กร๊อบ' ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงก็ยังรู้สึกเจ็บ แต่หมีหมี่กัดฟันแน่นไม่ส่งเสียงเลย
เมื่อกระดูกกลับเข้าที่แล้ว ข้อเท้าก็ยังบวมเล็กน้อย
ออกจากโรงหมอ ซูหว่านและซูเฉินก็พานางกลับไปยังโรงเตี๊ยม
ซูหว่านจ่ายเงินสิบลำลึงให้แก่โรงเตี๊ยมในคราวเดียว และกำชับหมีหมี่ว่า หากหิวก็ให้สั่งอาหารจากโรงเตี๊ยมได้เลย
"หมีหมี่ เจ้าพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างสบายใจได้เลยนะ พี่สามของข้าจะไปสอบถามขบวนพ่อค้าหรือไม่ก็สำนักคุ้มภัยที่จะเดินทางไปชายแดนเร็วๆ นี้ พอถึงเวลาเจ้าก็เดินทางไปยังชายแดนกับพวกเขาได้เลย แบบนี้เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเจออันตรายระหว่างทางอีกแล้ว"
นางเป็นเพียงเด็กสาวอ่อนแอ อีกทั้งรูปร่างหน้าตายังงดงามถึงเพียงนี้ หากกลับไปคนเดียวแถมระยะทางก็ไกลตั้งขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นอีกก็ได้
ซูหว่านไม่อยากเห็นเด็กสาววัยแรกแย้มตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเลย
หมีหมี่พยักหน้า ถอยหลังสองก้าว แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าคนทั้งสอง เตรียมที่จะคำนับ
ซูหว่านเห็นความตั้งใจของนาง จึงรีบหยุดนางไว้
"ไม่ได้นะ ไม่ได้ รีบลุกขึ้นเถอะ!"
"ขอบคุณท่านทั้งสอง ความเมตตาอันใหญ่หลวงของพวกท่าน ข้าจะไม่มีวันลืมเลย หากวันหน้ามีโอกาสตอบแทน ข้ายินดีทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะต้องตายกี่ครั้งก็ไม่เสียดาย" หมีหมี่กล่าวอย่างจริงใจทุกถ้อยคำ
อันที่จริง การที่ซูหว่านช่วยนาง แถมยังช่วยเหลือนางมากมายขนาดนี้ ก็มีจุดประสงค์ส่วนตัวอยู่บ้าง
ในนิยาย พี่สามได้เข้าร่วมสงคราม การสู้รบระหว่างสองทัพเป็นไปอย่างดุเดือด ในช่วงท้ายของการรบ เพื่อคุ้มกันแม่ทัพใหญ่ให้ถอยทัพ พี่สามพลาดท่าถูกกองทัพเผ่าอูย่าจับเป็นเชลย
ณ ตอนนั้น ชื่อเสียงของพี่สามในสนามรบโด่งดังดุจฟ้าผ่า หัวหน้าเผ่าอูย่าต้องการเกลี้ยกล่อมให้เขามาร่วมทัพและเป็นขุนพลผู้เกรียงไกรของตน ในตอนแรกจึงปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพพอสมควร
แต่พี่สามเป็นคนใจแข็ง ไม่ยอมทรยศแคว้นของตนเอง จึงถูกทรมานอย่างหนัก
ในเวลานั้น พระเอกและเจียงอวี้ก็ได้รับคำสั่งให้ไปออกรบ ทั้งสองคนจึงนำทัพเล็กๆ บุกเข้าไปในค่ายศัตรู และช่วยพี่สามออกมาได้
ตอนที่พี่สามถูกนำตัวกลับมานั้นอยู่ในสภาพปางตาย ไม่มีผิวหนังส่วนใดดีเลย แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ด้วยความมุ่งมั่นและพยายามอย่างแรงกล้า
หลังจากที่เขาฟื้นตัว กองทัพศัตรูที่ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็แพ้ติดต่อกันมาแล้ว จากนั้นยังถูกทัพเล็กๆ บุกโจมตีต่อหน้าต่อตาอีก ก็เลยทำให้ขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอน
ซูหว่านหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ แล้วเดินเข้าไปกอดแขนแม่ของนาง
"ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีหรอกนะ ครั้งนี้พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราจะไม่มีวันทำอีกเจ้าค่ะ"
ซูหว่านออดอ้อน แม่ซูก็ไม่อยากตำหนินางแล้ว
"ได้ๆๆ ครั้งหน้าถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่ากลับดึกขนาดนี้อีกนะ กินข้าวกันเถอะ!"
ทั้งครอบครัวนั่งลงกินข้าว ตอนนี้ที่บ้านเหลือแค่พี่สามกับพี่ห้า ส่วนพี่ชายคนอื่นๆ ไม่อยู่บ้าน
ทุกคนต่างคีบกับข้าวให้ซูหว่าน ไม่นานชามข้าวของนางก็พูนเป็นกองเล็กๆ เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ
เรื่องการสอบถามเกี่ยวกับกองคาราวานพ่อค้าก็ให้ซูเฉินไปจัดการ พรุ่งนี้เช้า ท่านลุงจะต้องนำสบู่ไปส่งที่อำเภอชิงเหอแล้ว
มีสบู่ทั้งหมดหกร้อยก้อน เป็นเงินสองร้อยเจ็ดตำลึง ซึ่งเป็นราคาที่ปรับขึ้นแล้ว เถ้าแก่เนี้ยจะได้กำไรสุทธิมากกว่าสามสิบตำลึง
ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เสียพื้นที่นิดหน่อย ก็นอนรอรับเงินอย่างสบายๆ ช่างสุขสำราญยิ่งนัก
คืนนั้น หลังจากซูเฉินกินข้าวเสร็จ ก็เตรียมจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง เพื่อไปสอบถามที่หอการค้าว่าช่วงนี้มีขบวนคุ้มกันสินค้าที่จะไปยังชายแดนบ้างหรือไม่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...