ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแม่นางซูขึ้นมาล่ะก็ นายน้อยไม่ถลกหนังเขาออกก็แปลกแล้ว
“แต่แบบนี้จะรบกวนพวกท่านเกินไปแล้ว”
ซูเฉินรู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาใช้งานคนอื่นแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรกระมัง
“ครอบครัวพวกท่านมีบุญคุณช่วยชีวิตนายน้อยเอาไว้ ส่วนนายน้อยก็มีบุญคุณต่อพวกเรา บุญคุณของนายน้อยก็คือบุญคุณของพวกเรา ดังนั้นเรื่องของครอบครัวพวกท่านก็คือเรื่องของข้า เป็นเรื่องที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว อีกอย่างนายน้อยของพวกเรานั้นก็คิดถึงคุณหนูของบ้านท่านอยู่นะสิ...”
ประโยคแรกๆ ที่เอ่ยออกมาของเฟิงอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเหตุมีผลและหนักแน่น แต่ไฉนประโยคสุดท้ายเสียงกลับแผ่วลงและอู้อี้ไม่ชัดเจนกันเล่า
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ซูเฉินฟังไม่ค่อยได้ยินเท่าไร
“ไม่มีอะไรหรอก?”
“ข้าหมายถึงประโยคสุดท้ายนั่นต่างหาก!” ซูเฉินฟังไม่ได้ยินจริงๆ
“พี่สามซูท่านฟังผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่ายังมีธุระต้องทำไม่ใช่?”
เรื่องของแม่นางหมีหมี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ รับรองว่าจะจัดการให้เรียบร้อยเลย ข้าจะรอท่านกลับมาแล้วจะไปดื่มสุรากับท่านนะ
เฟิงอิ่งดันซูเฉินให้เดินถอยหลังไป ไม่พูดถึงหัวข้อนี้ต่ออีก
เกือบจะพูดอะไรไม่ควรพูดเสียแล้ว ถ้าให้บรรดาพี่ชายของนางรู้ความคิดเล็กน้อย ๆ ของนายน้อย คงไม่แคล้วโดนจับกินเป็นแน่
แม้ว่านายน้อยจะไม่เคยเอ่ยจากปากว่าเขามีใจให้แม่นางซู แต่การกระทำทั้งหมดของเขานั้นผิดปกติเกินไป แม้ว่าไม่ได้พูดอะไรเลยแต่ก็บอกทุกอย่างหมดแล้ว
ซูเฉินรู้สึกงงๆ เขารู้สึกว่าเฟิงอิ่งทำตัวแปลก ๆ เขาเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ปรากฏว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นก็วิ่งตามมาอีก
“พี่สามซู รอก่อน ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามท่านอีก” เฟิงอิ่งเกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเสียแล้ว
“เรื่องอะไรหรือ?” ซูเฉินถามด้วยความสงสัย
“ช่วงนี้แม่นางซูมีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษบ้างไหม?” เฟิงอิ่งถามออกมาตรงๆ เลย
“เจ้าจะถามเรื่องนี้ทำไมกัน?” ซูเฉินไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงถามเรื่องนี้
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถามไปเรื่อยเปื่อยนะ” เฟิงอิ่งได้รับคำสั่งมาจากนายน้อย
แต่เมื่อมาคิดๆดูแล้ว ซูเฉินก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันที
“เจ้า...เจ้าคงไม่ได้แอบชอบน้องสาวข้าหรอกนะ?” ซูเฉินชี้ไปที่เขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา
เฟิงอิ่งรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เขารีบเอามือปิดปากซูเฉินทันที มากล่าวหาว่าเขาชอบแม่นางซูได้ยังไงเนี่ย ไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?
“ไม่ใช่สักหน่อย จะเป็นไปได้ยังไง อย่าพูดจาเหลวไหลสิ”
หากดูจากระยะทางแล้ว เขตชิงเฉวียนจะใกล้กว่าดังนั้นจึงไปถึงอำเภอชิงเฉวียนก่อน จากนั้นค่อยไปอำเภอชิงหย่วนในภายหลัง
ท่านลุงให้กุญแจบ้านกับพวกเขามาแล้ว หลังจากเสร็จธุระยังต้องแวะไปที่บ้านท่านลุงเพื่อช่วยท่านเก็บข้าวของและนำมาให้ที่เซียงโจว
บ้านของพวกเขาไม่สะดวกที่จะกลับไป เพราะกลัวว่าจะเจอคนของคุณชายจากจวนนายอำเภออีกถึงตอนนั้นก็คงจะอธิบายไม่ชัดเจนอีก
รถม้าที่บรรทุกของมีผ้าใบกันน้ำคลุมอยู่ด้านบนส่วนทางท่านลุงก็ไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีเสียวสู่ไปเป็นเพื่อนด้วย
ดังนั้นการที่ซูหว่านตัดสินใจซื้อชายหนุ่มสองคนในตอนนั้น จึงเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจริงๆ
จากเซียงโจวไปชิงเฉวียนรถม้าต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าครึ่งวันกว่าจะไปถึง เมื่อไปถึงตัวเมืองก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แล้ว ทุกคนจึงหาที่พักเพื่อค้างคืนก่อน
ครั้งนี้พวกเขานำสบู่มามากกว่าพันก้อนดังนั้นจะต้องกระจายออกไปให้หมด ขั้นแรกต้องทำการสำรวจตลาดเสียก่อน ในอำเภอไม่เหมือนที่เซียงโจว ร้านขายเครื่องประทินผิวมีคนเข้าน้อย เพราะบริเวณใกล้เคียงส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าทางราคามากกว่า
ดังนั้นร้านค้าที่มีคนเดินเยอะที่สุดก็จะเป็นร้านขายธัญพืชและน้ำมันกับร้านขายของชำ
ซูหว่านจึงยังคงมุ่งเป้าไปที่ร้านขายของชำก่อน โดยจะมองหาร้านที่ใหญ่ที่สุดและขายดีที่สุดเท่านั้น
นางไม่แน่ใจว่าสบู่นมแพะจะใช้ดีในเซียงโจวหรือไม่ แต่ในตอนช่วงแรกแน่นอนว่าไม่สามารถขายแพงเกินไปได้ เพื่อเป็นการเปิดตลาด จึงจะขายในราคานี้ไปก่อน แล้วค่อยปรับขึ้นราคาเป็นราคาปกติในครั้งที่สองก็ได้แล้ว
หลังจากพักค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน ซูหว่านก็ได้ไปสอบถามเจ้าของโรงเตี๊ยมมาแล้วว่า ร้านขายของชำร้านไหนในอำเภอที่ใหญ่ที่สุดและค้าขายดีที่สุด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...