ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 266

ซูหว่าน ซูเฉิน และซูอี้ พร้อมด้วยเจียงอวี้ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยครอบครัวน้าชายย้ายเข้าบ้านใหม่ ตั้งแต่ทำความสะอาดไปจนถึงการจัดหาเครื่องเรือนใหม่ ทุกคนต่างลงมือทำด้วยตนเอง แม้แต่นายน้อยเจียงก็ยังถูกซูหว่านมอบหมายให้ไปกวาดลานบ้าน ซึ่งเขาก็ทำอย่างเต็มใจโดยไม่คิดจะให้คนอื่นทำแทน

องครักษ์เงาที่คอยคุ้มกันเขาอยู่ในเงามืด เมื่อได้เห็นนายน้อยของตนกำลังกวาดพื้นอย่างตั้งอกตั้งใจ นับเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ภาพที่เห็นช่างแตกต่างจากปกติเสียจนพวกเขาไม่กล้ามองตรง ๆ

จุดเด่นของลานบ้านแห่งนี้คือมีต้นท้ออยู่กลางลาน ซึ่งจะออกลูกเป็นผลท้อน้ำผึ้งมากมายทุกปี ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ และออกผลในฤดูใบไม้ร่วง งดงามจนสุดจะพรรณนา

นี่ก็เป็นความสะดวกที่สำนักงานซื้อขายบ้านจัดหาให้เป็นพิเศษเพื่อเอาใจซูหว่านผู้เป็นนายทุนใหญ่

ซูหว่านได้สร้างเครื่องหมายการค้าให้กับสบู่ของตนเอง โดยบนสบู่ทุกก้อนจะประทับตราด้วยอักษรสามคำว่าอวี้เหยียนถัง

บนกระดาษห่อ นอกจากจะมีลวดลายพิมพ์ที่เป็นตัวแทนของกลิ่นแล้ว ที่มุมขวาบนก็จะประทับตราด้วยอักษรสีแดงสามคำว่าอวี้เหยียนถัง

อักษรสามคำนี้ได้ผ่านการประทับตรารับรองจากทางการแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถใช้เครื่องหมายการค้าอวี้เหยียนถังได้อีก

เหตุผลที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เพื่อแสดงว่าสบู่นมแพะเป็นผลิตภัณฑ์เอกสิทธิ์ของอวี้เหยียนถัง เมื่อสร้างชื่อเสียงออกไปแล้ว ย่อมเป็นผลดีต่อการเปิดร้านของซูหว่านในอนาคต เพียงแค่เห็นอักษรสามคำว่าอวี้เหยียนถัง จะนึกถึงสบู่นมแพะของอวี้เหยียนถัง

ประการที่สอง ซูหว่านมีสูตรลับความมั่งคั่งอยู่ในมือ นั่นก็คือสูตรขี้ผึ้งอวี้เหยียนที่เจียงอวี้มอบให้ ในอนาคตอวี้เหยียนถังยังต้องขยายการค้าด้านความงามและประทินโฉม ขี้ผึ้งอวี้เหยียนนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ชูโรงของร้านควบคู่ไปกับสบู่นมแพะ

ซูหว่านได้ให้ตัวแทนจำหน่ายนำป้ายสลักชื่ออวี้เหยียนถังไปตั้งไว้บนชั้นวางสบู่ขณะขาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนมากยิ่งขึ้น

ขณะทำการส่งเสริมการขาย ก็ต้องกล่าวถึงชื่ออวี้เหยียนถังด้วย เพื่อให้ฝังลึกเข้าไปในใจของผู้คน

ในเซียงโจวทุกวันนี้ จะมีใครบ้างที่ไม่รู้จักสบู่นมแพะของอวี้เหยียนถัง?

ก่อนหน้านี้ อวี้เหยียนถังเป็นเพียงชื่อที่ไม่มีใครรู้จัก หรือแม้แต่หน้าร้านก็ยังไม่มี แต่ในตลาดใหญ่อย่างเซียงโจว กลับโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสองเดือน คนจากสำนักงานซื้อขายบ้านเองก็ติดตามกระแสเช่นกัน ในบ้านล้วนต้องมีสบู่นมแพะเตรียมไว้

โรงงานนั้นซูหว่านเช่ามาจากพวกเขา และได้จดทะเบียนว่าจะทำการค้าอะไร

ดังนั้น พวกเขาจึงรู้ว่าซูหว่านคือเจ้าของอวี้เหยียนถัง ในอนาคตอาจจะมีชื่อติดอยู่ในรายชื่อเศรษฐีของเซียงโจว จึงต้องประจบเอาใจเป็นธรรมดา

ก่อนที่ซูหว่านจะเดินทางไปยังซู่โจวและเหยี่ยนโจว นางยังต้องช่วยน้าสะใภ้เลือกคู่ครองให้พี่หญิง

ตระกูลหนึ่งคือจวนหนิงหย่วนป๋อเจวี๋ยแห่งสกุลหนิง และอีกตระกูลคือจวนชางหลงป๋อเจวี๋ยแห่งสกุลโจว

แม้จะดูสง่างามและมีเกียรติ ได้รับพระราชทานที่ดิน แต่การที่ต้องอยู่ห่างไกลถึงเซียงโจว ก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกเบื้องบนหลงลืม มีเพียงยศศักดิ์แต่ไร้ซึ่งอำนาจที่แท้จริง บรรดาลูกหลานในตระกูลจึงไม่ต่างจากบัณฑิตธรรมดาทั่วไป ที่ต้องอาศัยความสามารถของตนเองในการสอบขุนนางเพื่อสร้างอนาคตบนเส้นทางราชการ

แต่จะมีลูกหลานตระกูลใหญ่เหล่านี้สักกี่คนที่สามารถก้าวหน้าได้ พวกเขาเติบโตมาในกองเงินกองทอง ชีวิตนี้เกิดมาก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เอาแต่แก่งแย่งกันเพื่อสืบทอดบรรดาศักดิ์ ไม่เคยมีใครคิดพึ่งพาการสอบขุนนาง ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนจึงมีราชโองการให้ยศที่ต่ำกว่าโหวเจวี๋ยลงไปไม่สามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อีกต่อไป แต่ให้สืบทอดได้เพียงสามชั่วคนเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าในตระกูลจะมีผู้มีความสามารถโดดเด่น สร้างคุณูปการแก่ราชสำนัก ฮ่องเต้จึงอาจมีราชโองการให้สืบทอดต่อไปได้อีกสามชั่วคน นับแต่นั้นมา ตระกูลใหญ่เหล่านี้จึงเริ่มเกิดการแข่งขันแก่งแย่งกันภายใน

ไม่มีทางเลือก ราชสำนักคงไม่สามารถเลี้ยงดูคนว่างงานเช่นพวกเขาไปชั่วลูกชั่วหลานได้

ทว่ายศกั๋วกงและโหวเจวี๋ยนั้นแตกต่างออกไป ตระกูลเหล่านี้จะถูกควบคุมให้อยู่ในเมืองหลวง ผู้มีความสามารถก็จะมีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ

ตัวอย่างเช่น เจียงกั๋วกงนั้นคุมทหารออกรบ ส่วนถังกั๋วกงเป็นพี่ชายของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน หลานของเขาก็คือองค์รัชทายาทตำหนักบูรพา ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ถังกั๋วกงจึงนับเป็นผู้ที่โดดเด่นและมีอำนาจมากที่สุด

แต่บรรพบุรุษของเจียงกั๋วกงนั้นมีคุณูปการในการร่วมก่อตั้งราชวงศ์ ทั้งทายาทรุ่นต่อ ๆ มาก็ล้วนเป็นยอดขุนพล ทำให้สถานะของตระกูลมิอาจสั่นคลอนได้ ทั้งยังมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ กั๋วกงทั้งสองจึงนับว่ามีบารมีทัดเทียมกัน

นอกจากนี้ยังมีจงอี้โหว ซึ่งเป็นขุนนางสายบู๊เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เขาชราภาพมากแล้ว และในตระกูลก็ไม่มีทายาทที่โดดเด่น ส่งผลให้ปัจจุบันเหลือเพียงชื่อเสียงในอดีตเท่านั้น ความรุ่งโรจน์ของเขาถูกบดบังโดยหย่งชางโหวซึ่งเป็นขุนนางรุ่นใหม่แซงหน้าไปมาก