เมื่อเทียบกับคนเหล่านั้นแล้ว บรรดาป๋อเจวี๋ยในเมืองหลวงก็เทียบไม่ได้เลย ส่วนพวกในเมืองเซียงโจวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม่นางเซี่ยไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงสตรีสูงศักดิ์ของเซียงโจว แต่ครอบครัวของสามีนางทำการค้าของเก่า ส่วนนางก็เปิดร้านขายเครื่องประทินโฉมด้วยความชอบส่วนตัว
เครื่องประทินโฉมเป็นของที่สตรีขาดไม่ได้ ดังนั้นนางจึงมีปากมีเสียงในแวดวงสตรีผู้สูงศักดิ์ การได้รู้จักกับนางก็เท่ากับได้กุมกระแสความงามเอาไว้ เมื่อมีเครื่องประทินโฉมออกใหม่ บรรดาสตรีสูงศักดิ์ก็มักจะมาหานางเสมอ
ช่วงนี้ ฮูหยินป๋อแห่งจวนหนิงหย่วนป๋อเจวี๋ยกำลังจะจัดงานวันเกิด จึงได้เชิญเหล่าฮูหยินขุนนางและฮูหยินกับคุณหนูจากตระกูลพ่อค้าในเซียงโจวมาร่วมงานเลี้ยงน้ำชา เพื่อสร้างความครึกครื้น
ขุนนาง ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า แม้ว่าในใจต่างฝ่ายต่างก็ดูถูกกัน แต่ภายนอกก็ยังคงรักษามิตรภาพไว้เป็นอย่างดี เว้นแต่บางคู่ที่มีเรื่องบาดหมางกันอยู่ก่อนแล้ว พอพบหน้าก็จะพูดจาเหน็บแนมแดกดันกัน
ในตอนนี้ สบู่นมแพะของซูหว่านก็กลายเป็นของที่นิยมในเซียงโจวแล้ว นางจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปอยู่ในแวดวงนี้
เป็นแม่นางเซี่ยที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในงานเลี้ยงครั้งก่อน เพราะตอนนั้นเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันถามว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริงของสบู่นมแพะ นางจึงฉวยโอกาสนี้ช่วยซูหว่านประชาสัมพันธ์ไปในตัว โดยบอกชื่อของร้านอวี้เหยียนถังและชื่อของซูหว่านออกไป
ด้วยเหตุนี้ ซูหว่านจึงได้รับเทียบเชิญจากจวนป๋อเจวี๋ยด้วย
ซูหว่านคิดในใจว่านี่เป็นโอกาสอันดี ในงานนี้มีทั้งคนทำการค้าใหญ่และการค้าเล็ก นางจะได้ไปทำความรู้จักสร้างความคุ้นเคยไว้ เผื่อวันหน้าพบเจอกันจะได้ไม่เผลอไปล่วงเกินใครเพราะไม่รู้จัก
นางกับแม่นางเซี่ยก็ได้กลายเป็นสหายกันโดยปริยาย นางรู้ดีว่าการที่นางได้รับเทียบเชิญจากจวนป๋อเจวี๋ยนั้น ย่อมต้องมาจากการที่แม่นางเซี่ยช่วยพูดต่อหน้าผู้อื่นอย่างแน่นอน
ซูหว่านเป็นคนรู้จักธรรมเนียมและมารยาททางสังคมดี วันนั้นนางจึงซื้อชาอย่างดีสองสามชั่งให้คนนำไปส่งให้แม่นางเซี่ย
สำหรับการไปจวนป๋อเจวี๋ย ซูหว่านตั้งใจจะพาหยางชิงชิงไปด้วย เพื่อให้นางได้เปิดหูเปิดตา
เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นงานวันเกิดของฮูหยินป๋อเจวี๋ย นางก็ต้องเตรียมของขวัญไปด้วย จะให้ดูตระหนี่ไม่ได้
ถึงจะไม่ต้องโดดเด่นที่สุดในบรรดาของขวัญทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่รั้งท้าย
ซูหว่านไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนในแวดวงนี้มาก่อน ในใจจึงยังตัดสินใจไม่ถูก หากให้เครื่องประทินโฉมก็ดูจะธรรมดาเกินไป ถ้าให้เครื่องประดับเงินทอง หากไม่ใช่ของดีเป็นพิเศษ ก็จะดูไร้รสนิยม
แล้วตกลงจะให้สิ่งใดดีเล่า?
ขณะที่ซูหว่านกำลังจนปัญญา ก็นึกถึงเจียงอวี้ขึ้นมา ด้วยสถานะของเขาที่เติบโตมาในแวดวงสังคมชั้นสูง เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา!
พอเจียงอวี้ได้ยินว่านางจะไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนป๋อเจวี๋ย และกำลังกลุ้มใจว่าจะให้ของขวัญอะไรดี เขาก็ช่วยนางคิดอย่างจริงจัง
บนฉากกั้นแบ่งเป็นสี่ฤดู ทิวทัศน์อันเป็นตัวแทนของแต่ละฤดูกาลถูกวาดออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา
“ฉากกั้นนี่ช่างงดงามเหลือเกิน!”
เมื่อแม่ซูเห็นของชิ้นนี้ ก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ ทั้งยังยื่นมือไปลูบไล้
เมื่อเข้าไปใกล้ ยังได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมา เป็นกลิ่นที่หอมน่าภิรมย์ยิ่งนัก
“นี่ทำมาจากไม้หวงฮวาหลี ส่วนงานปักที่ใช้เป็นงานปักสองหน้าที่หาได้ยากยิ่ง ไม่เหมือนฉากกั้นทั่วไปที่ใช้การย้อมสี ซึ่งเมื่อเทียบกับงานปักสองหน้านี้แล้วเทียบกันไม่ได้เลย จุดที่ล้ำค่าที่สุดของฉากกั้นสี่ฤดูนี้ คือเนื้อไม้ที่เป็นไม้ประดู่ลายทองอันล้ำค่า และงานปักสองหน้าบนนั้นก็หาได้ยากยิ่งเช่นกัน”
เจียงอวี้อธิบายถึงความพิเศษของฉากกั้นนี้ เมื่อเขาอธิบายเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้ของชิ้นนี้ดูสูงค่าไปทุกอณู
“หากท่านป้าชอบ ข้าจะให้คนนำมาส่งให้ท่านอีกสักชุด”
“เช่นนั้นมิได้หรอก ของสิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป” แม่ซูรีบปฏิเสธ นางเพียงแค่เอ่ยชมไปตามที่เห็นเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะเอาจริงเอาจัง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...