"สบู่นมแพะที่ห่อเสร็จแล้วสวยงามน่าดูจริงๆ แต่กระดาษห่อดูจะธรรมดาเกินไป ถ้ามีลวดลายหน่อยก็คงจะดี!"
นี่คือความเห็นของซูอี้ เขารู้สึกว่าการห่อแบบนี้ก็เรียบร้อยดี แต่ดูจะจืดชืดไปนิด
“อย่างนั้นพี่ห้ามีความคิดเห็นยังไงบ้าง ช่วยเสนอแนะหน่อยสิ!" ซูหว่านพอจะคาดเดาความคิดของเขาออก
ในนิยายต้นฉบับบอกไว้ว่าพี่ห้ามีทักษะการวาดภาพที่ยอดเยี่ยมมาก จนสุดท้ายยังได้กลายเป็นปรมาจารย์แห่งวงการจิตรกรรม ภาพวาดแต่ละภาพมีมูลค่ามากมายมหาศาล ควรค่าแห่งการเก็บสะสม จนถึงขั้นที่หาซื้อได้ยากมากเลยทีเดียว
เขาน่าจะอยากวาดภาพบางอย่างลงบนกระดาษพวกนั้น!
“ข้าว่า เราน่าจะลองวาดภาพนางในอะไรพวกนั้นที่ด้านบน แบบเรียบง่ายก็พอ ดูมีรสนิยม แล้วก็ดูแพงขึ้นด้วย!"
"ถ้าพี่ห้าชอบ ก็วาดเลย วาดตามที่พี่ห้ารู้สึกในใจได้เลย!"
ซูหว่านสนับสนุนตรงๆ เช่นนี้ ทำให้ซูอี้รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
"น้องหวานหว่าน เจ้าคิดว่าพี่จะวาดได้ดีไหม ถ้าวาดเสียจะทำอย่างไร”
"ไม่เป็นไรพี่ห้า วาดเสียก็ห่อใหม่ได้ กระดาษไขของเรามีเยอะแยะ!"
ซูหว่านยิ้มสดใส ไม่เหมือนจงใจแสร้งพูดเพื่อให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด
"น้องหวานหว่านเชื่อใจพี่มากขนาดนั้นเลยหรือ"
"ถ้าไม่เชื่อใจคนในครอบครัว แล้วจะไปเชื่อใจใครได้อีกเล่า พี่ห้าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเถอะ ชีวิตคนเราสั้นจะตาย ถ้าทำสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ได้ มันจะไปสนุกตรงไหน!"
คำพูดของซูหว่านทำให้ซูอี้รู้สึกอบอุ่นใจ รอยยิ้มของเขาออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ข้าจะไปเอาพู่กันกับหมึกมานะ ข้าเคยเห็นรูปวาดของน้องห้าแล้ว วันนั้นเขาวาดดอกเหมยเล่นๆ บนกระดาษของข้า สวยเหมือนจริงมาก ดูรู้เลยว่าเขามีพรสวรรค์!"
ซูจิ่งลุกขึ้นไปหยิบพู่กันกับหมึกที่ห้อง ซูอี้รู้สึกว่าการได้รับแรงสนับสนุนจากคนในครอบครัวโดยไม่มีเงื่อนไข ช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก
เขาเริ่มวาดรูปบนสบู่นมแพะเป็นภาพสตรีธรรมดาๆ มีโครงร่างเรียบง่าย บางครั้งก็วาดรูปดอกโบตั๋น บางครั้งก็วาดรูปกิ่งท้อ หรือบางครั้งก็เป็นรูปดอกบัวที่กำลังเบ่งบาน
แต่ไม่ว่าจะวาดสิ่งใด รูปที่ได้ล้วนงดงามและเหมือนจริงมาก เป็นดังที่ซูจิ่งว่าไว้ไม่มีผิดเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านได้ประจักษ์ว่า อะไรคือการจรดพู่กันได้ราวกับมีองค์ประทับ นี่สินะที่เรียกว่าพรสวรรค์
"หวานหว่าน เจ้าคิดว่าสิ่งนี้เลี้ยงชีพได้หรือ" ซูอี้อยากฟังความคิดเห็นของซูหว่าน
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แคว้นของเราให้ความสำคัญกับงานวรรณกรรมมาโดยตลอด ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็โปรดปรานภาพเขียนเป็นพิเศษ แคว้นจิ้นของเราเป็นดินแดนแห่งความสุนทรี เรื่องความสุนทรีจะมีอะไรเกินไปกว่าหมากล้อม ดนตรี งานเขียน ภาพวาด แล้วก็บทกวีกาพย์กลอน หากวาดได้ดี มีโอกาสเจอคนที่เห็นคุณค่า ชื่อเสียงก็จะโด่งดังในชั่วข้ามคืน ก็จะได้เป็นยอดปราชญ์ในแวดวงวรรณกรรม ภาพวาดหนึ่งภาพมีค่าเป็นพันเป็นหมื่นพันตำลึง ทำไมจะเลี้ยงชีพไม่ได้ล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์ของพี่ห้าสูงส่งขนาดนี้ ไม่ใช่ยอดปราชญ์ทุกคนจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ยังมีคนอีกมากที่สำเร็จได้เพราะความพากเพียรและการฝึกฝนในภายหลัง มนุษย์เราต้องมีอุดมการณ์และเป้าหมาย ต่อให้จุดเริ่มต้นด้อยกว่าคนอื่นก็ไม่เป็นไร พรสวรรค์สามส่วน บวกกับความบากบั่นอีกสิบส่วน ย่อมสำเร็จได้เช่นกัน ผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้นั้น ไม่เคยยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย!"
"ฮ่าๆ...พูดได้ดีมาก ทัศนคติของหวานหว่านไม่ธรรมดาจริงๆ!"
ซูจิ่งรู้สึกว่าคำพูดของซูหว่านยอดเยี่ยมจริงๆ ‘พรสวรรค์สามส่วน บวกกับความบากบั่นอีกสิบส่วน ผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย’
ซูอี้ยิ้ม พลางวาดภาพต่อไป เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวมั่งคั่งมีวิสัยทัศน์และความคิดที่กว้างไกลกว่าจริงๆ แน่นอนว่าถ้อยคำเหล่านี้สามารถปลอบประโลมซูอี้ได้มากจริงๆ
นางพูดถูก จุดเริ่มต้นด้อยกว่าแล้วอย่างไร เรามีพรสวรรค์ บวกกับความพยายาม จะเขย่าโลกไม่ได้เชียวหรือ
วันนี้เป็นวันที่สาม หลังจากแกะแม่พิมพ์ชุดแรกก็ได้สบู่นมแพะทั้งหมดหกสิบก้อน จากนั้นจึงทำแม่พิมพ์ชุดที่สอง อีกสามวันต่อมา ก็สามารถนำไปขายในตัวอำเภอได้แล้ว
ซูหว่านยังทำสบู่นมแพะอีกหลายสิบก้อนใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ หลังจากตัดเป็นก้อนกลมๆ แล้ว นางก็จัดการห่อด้วยกระดาษไข

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...