ทีแรกซูหว่านยังเอ่ยตอบไปสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นว่าเขายังคงเซ้าซี้ไม่เลิกรา นางจึงทำเพียงพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย พอทานไปได้ครึ่งหนึ่งก็วางตะเกียบลง และบอกว่าอิ่มแล้ว
“คุณหนูหก เพิ่งจะทานไปไม่กี่คำก็อิ่มเสียแล้ว หรือว่าอาหารที่เตรียมไว้ไม่ถูกใจกัน?” ฮูหยินป๋อแสร้งเอ่ยถามไถ่อย่างห่วงใย
ทว่าซูหว่านกลับส่ายหน้า
“อาหารของจวนป๋อเจวี๋ยเลิศรสยิ่งนักเจ้าค่ะ เพียงแต่ช่วงกลางฤดูร้อนอากาศอบอ้าว ทำให้เบื่ออาหารไปด้วยเท่านั้น”
ในเมื่อมาแล้ว ต่อให้ไม่สบอารมณ์เพียงใดก็ไม่อาจแสดงออกทางสีหน้าได้ มารยาทขั้นพื้นฐานยังคงต้องรักษาไว้ให้ดี
สองพี่น้องไม่คิดจะอยู่นาน เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จก็เตรียมตัวกลับ
คนของจวนป๋อเจวี๋ยออกมาส่งถึงหน้าประตู หนิงเซียวเหมยยังกล่าวว่าหากว่างก็ให้ไปหานาง หรือให้นางไปหาซูหว่านที่บ้านก็ได้เช่นกัน
ซูหว่านรับปากไปอย่างเสียไม่ได้ ทว่าในใจกลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิด
เด็กรับใช้รีบเตรียมรถม้าไว้พร้อม หลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งยืนรออยู่ที่หน้าประตู แสงอาทิตย์อันร้อนระอุอบตัวรถม้าจนอบอ้าวอย่างมาก พอเข้าไปนั่งก็รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องอบไอน้ำซาวน่าก็มิปาน
สิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับถึงบ้านก็คือการรีบตรงไปยังห้องครัว เพื่อยกถั่วเขียวต้มแช่เย็นมาดื่มดับร้อนคนละถ้วย
เจียงอวี้เห็นนางกลับมาด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ดูท่าว่าวันนี้นางคงไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมอันใดจากจวนป๋อเจวี๋ย
พ่อซูเองก็กำลังรีบกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเก็บเกี่ยวข้าว หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตในนาที่บ้านหมดแล้ว ปีหน้าเขาวางแผนจะเปลี่ยนไปปลูกพริกทั้งหมด เขาให้ซูจิ่งกลับไปด้วยกันเพื่อไปเคารพหลุมศพบรรพชนของตระกูลซู ทั้งยังถือโอกาสซ่อมแซมสุสานไปด้วย
สอบได้จอหงวนแล้ว เรื่องราวอันเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลถึงเพียงนี้ มีหรือจะไม่ให้บรรพชนได้รับรู้ พวกท่านที่อยู่ในปรโลกรับรู้ก็คงจะยินดีเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาญาติสนิทมิตรสหายที่หุบเขาซานหยางก็คอยไถ่ถามพ่อซูอยู่เป็นระยะ บัดนี้ข่าวการสอบได้ของเขาได้แพร่สะพัดไปถึงอำเภอชิงเหอแล้ว ทั่วทุกสารทิศล้วนรู้กันหมดสิ้นว่าตระกูลซูได้ให้กำเนิดจอหงวนผู้หนึ่ง
เมื่อพ่อซูเอ่ยถึงเรื่องนี้ มีหรือที่ซูจิ่งจะไม่น้อมรับทำตาม เขามิรอช้า เตรียมจัดเทียมรถม้าเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดในทันที แน่นอนว่าเขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยถามซูหว่านว่านางอยากจะกลับไปด้วยกันหรือไม่
“หวานหว่าน จะกลับไปกับพวกเราหรือไม่?” ซูจิ่งเอ่ยถาม
เวลาที่จะได้อยู่กับน้องสาวมีไม่มากนัก แน่นอนว่าเขาย่อมต้องถนอมโอกาสที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับนางให้มากที่สุด
บัดนี้เขากลายเป็นคนคลั่งไคล้น้องสาวอย่างเต็มตัว เพราะเขาเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่าซูหว่านคือดาวนำโชคที่สวรรค์ประทานมาให้แก่ครอบครัว ขอเพียงมีนางอยู่ เรื่องร้ายจะกลายเป็นดี เรื่องอัปมงคลจะกลับกลายเป็นมงคล
ซูหว่านเองก็คิดว่าสมควรกลับไปดูไร่ดอกไม้และผึ้งที่เลี้ยงไว้เสียหน่อย กิจการหลักก้าวหน้าไปด้วยดี กิจการเสริมก็จะทอดทิ้งมิได้ ต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ตนเองเสมอ
บัดนี้ใกล้จะเข้าสู่ยามราตรีแล้ว ตอนที่ออกจากเรือนจึงต้องลอบทำอย่างลับ ๆ เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็น
แคว้นจิ้นนั้นไม่ได้มีข้อบังคับที่เข้มงวดต่อสตรีมากนัก ไม่ได้มีกฎห้ามมิให้สตรีออกจากบ้านหลังเข้ายามค่ำ ด้วยเหตุนี้ ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองจึงมักพบเห็นสตรีออกมาเดินเล่นในยามราตรีอยู่ไม่น้อย
ตอนที่นางออกจากเรือนไม่มีผู้ใดเห็น นางเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีอย่างราบรื่น แน่นอนว่านางได้กำชับหลิวอิ๋งไว้แล้วว่า หากคนที่บ้านสังเกตเห็นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา ก็ให้ตอบไปตามตรงว่านางไปที่ใด
เหตุผลที่นางไปโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีมีเพียงสองประการ ไม่ใช่มาเพื่อพบพี่สี่ ก็มาเพื่อกินดื่มเที่ยวเล่น จะมีเรื่องอื่นใดได้อีก?
อีกอย่าง ที่นั่นยังเป็นอาณาเขตของเจียงอวี้ ปลอดภัยจนไม่อาจจะปลอดภัยไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ทว่าซูหว่านไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบเจียงอวี้อยู่ที่นี่ด้วย จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
เจียงอวี้ดูเหมือนจะมองความสงสัยในใจนางออก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ครั้งก่อนเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าข้าก็เป็นเถ้าแก่ของปิงจีถังด้วยเช่นกัน สมควรจะใส่ใจกิจการของตนเองให้มากขึ้น ดังนั้นข้าจึงได้มา”
ดวงตาคู่สวยของเขาทอประกายแห่งรอยยิ้ม ทอดมองซูหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและเปี่ยมรัก ซูหว่านถูกเขามองจนหัวใจสั่นไหว บัดนี้นางได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการตกหลุมรักอย่างแท้จริงแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...