"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?" ซูมู่ถามนางจากด้านหลัง
ซูหว่านหันกลับมาแล้วส่ายหน้า เพราะนางไม่เป็นอะไร
"ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะพี่รอง พวกเราออกจากเมืองแล้วกลับบ้านกันเถอะ วันนี้เดินกลับไปได้หรือไม่?"
ยังเช้าอยู่ งานก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝั่งตาเฒ่าหงก็ต้องรอจนถึงช่วงบ่าย ดังนั้นจึงต้องเดินกลับบ้านไปก่อน
"ข้าจะไปโรงหมอก่อน ไปถามอะไรบางอย่าง!"
เขาเป็นเด็กฝึกงานที่โรงหมอ กำลังคิดว่าตอนนี้ที่นั่นยังขาดสมุนไพรอะไรอยู่บ้าง เขาว่างอยู่เลยอยากขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย จะเก็บสมุนไพรมาขาย เพื่อช่วยจุนเจือครอบครัว
ดังนั้นสองคนพี่น้องจึงไปที่โรงหมอที่ซูมู่ทำงานอยู่เพื่อสอบถาม เขาได้วันหยุดพักช่วงทำนาหนึ่งเดือน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องทำงาน
หลังจากสอบถามได้ว่าตอนนี้ยังขาดสมุนไพรจำพวกฝางเฟิง ซานชีและไป๋จีเขาก็พอจะรู้แล้วว่าจะไปทางไหนดี
ก่อนจากไป ซูหว่านยังดึงเขาไปกินบะหมี่อีกด้วย พี่น้องตระกูลซูไม่ค่อยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับการกินอาหารนอกบ้าน บางครั้งถ้ากินบะหมี่ก็จะเป็นแค่บะหมี่เจ แต่ซูหว่านกลับสั่งบะหมี่ใส่เนื้อให้เขาชามหนึ่ง
"ไม่ต้องหรอก บะหมี่เปล่า ๆ ก็พอ!"
"บะหมี่เปล่า ๆ จะไปอร่อยได้อย่างไร เถ้าแก่ เอาบะหมี่เนื้อมา!"
บะหมี่เปล่าๆ แค่ห้าอีแปะ แต่บะหมี่เนื้อราคาแปดอีแปะ แถมเนื้อที่ให้ก็ยังไม่เยอะ
"พี่รอง พวกเราทำเงินได้แล้ว จะไม่ให้รางวัลตัวเองหน่อยหรือ? ข้าเลี้ยงเอง พี่รองไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกน่า!"
"กว่าเจ้าจะหาเงินมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งยังต้องคิดถึงเรื่องใช้หนี้ให้ครอบครัวอีก พวกเราช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย แถมยังใช้เงินของเจ้าอีก มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม"
เขายังคงรู้สึกห่างเหิน น้ำเสียงที่ห่างเหินนี้ทำให้ซูหว่านไม่สบายใจ
"พี่รอง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันมิใช่หรือ? ทำไมครอบครัวเดียวกันต้องพูดเหมือนคนนอกด้วยเล่า? หรือว่าในใจพี่รอง ข้าไม่เคยเป็นคนในครอบครัวของพี่เลย?"
น้ำเสียงของซูหว่านดูผิดหวัง คำพูดนี้ทำให้ใจของซูมู่กระตุกวูบ
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แค่รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
"ไม่มีเรื่องเช่นนั้นหรอก เจ้าอย่าคิดมากนักเลย!" เขาไม่คิดจะอธิบายอะไร แค่พูดปัดๆ ไปอย่างไม่ใส่ใจ
บะหมี่เนื้อถูกยกมา สองพี่น้องก็กินอย่างเงียบ ๆ จนเสร็จ จากนั้นก็เดินออกจากเมืองกลับบ้านไป
...
ในป่า เจียงอวี้ถูกไล่ล่ามาตลอดทาง ลูกธนูอาบยาพิษพุ่งเข้าใส่เขาจากทุกทิศทาง แทบทุกกระบวนท่าล้วนหวังเอาชีวิตเขา
ศาลเจ้าที่ไม่ได้ใหญ่มาก ข้างในมีเพียงการบูชาเทพเจ้าที่เพียงองค์เดียว ศาลเจ้าที่แห่งนี้ชาวบ้านละแวกนี้ได้สร้างขึ้นเองด้วยอัฐดินดิบ ทำให้ดูทรุดโทรมไปบ้าง พอเดินเข้าไปข้างในก็ยังมีใยแมงมุมเกาะอยู่ตรงประตูด้วย
บนพื้นมีคราบเลือดหลายจุดที่ยังไม่แห้ง ซูหว่านชำเลืองมองไปด้านใน ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ด้านในเลย เพียงแต่มีรอยเลือดหยดกระจัดกระจายไปตลอดทาง
เมื่อเดินตามรอยเลือดไป ก็เห็นชายผ้าสีม่วงที่อยู่ด้านหลังรูปปั้นเทพเจ้าที่
เจียงอวี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกือบจะหมดสติแล้ว แต่พอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เขาก็กำดาบในมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว
เกือบจะทันทีที่ซูหว่านปรากฏตัวให้เห็น ดาบก็พุ่งเข้าใส่นาง ทว่าเจียงอวี้หมดแรงแล้ว ดาบนั่นจึงไม่อาจแทงออกไปได้จนสุด
ซูหว่านตกใจจนถอยหลังไปชนก้อนหินแล้วล้มลงไปที่พื้น
ดาบหล่นลงพื้น เกิดเสียงดังเคร้ง ซูมู่ที่รออยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
"เกิดอะไรขึ้น?"
พอเข้ามา ก็เห็นซูหว่านกำลังลุกขึ้นจากพื้นพอดี
"พี่รอง มีคนบาดเจ็บ!"
ซูมู่เป็นหมอ หมอมีหน้าที่รักษาคนไข้และช่วยชีวิตคน พอเขาได้ยินว่ามีคนบาดเจ็บจึงเดินเข้ามาดู สองพี่น้องเห็นชายสวมหน้ากากในชุดม่วงที่พิงอยู่กับรูปปั้น โดยที่ทั่วทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด ซึ่งเขาคนนี้ก็คือคนเดียวกับที่ควบม้ากลางถนนแล้วถูกไล่ล่ามาเมื่อครู่นี้นั่นเอง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...